กะลา (เจมส์-ภูวดล เวชวงศา) โซหลุ่ย (ธามไท แพลงศิลป์) และ ยอล่า (ฟลุ้ค-พงศธร ศรีปินตา) เป็นแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่บนเรือประมงในน่านน้ำไทย หลังจากเรือออกจากฝั่งได้ไม่นานทั้งสามก็พบศพของ เมี้ยะ (นนนี่-ณัฐชา เจกะ) ซึ่งเป็นทั้งเมียของนักเลงคุมท่าเรือ (เดย์ไทเทเนียม-จำรัส ทัศนละวาด) และก็เป็นชู้กับ นิก (ฌอห์ณ จินดาโชติ) ลูกชายของกัปตันเรือด้วย แต่ยังไม่ทันได้สืบหาฆาตกร ศพก็หายไป ผีก็มาหลอก และนักเลงจอมโหดก็มาตามหาเมีย ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นบนเรือลำเล็กกลางทะเลที่ไม่มีช่องทางให้หลบซ่อนหรือหนี
ผู้กำกับเลือกใช้เรือประมงเป็นองค์ประกอบหลักของหนังได้อย่างเหมาะสม เพราะเรือลำเก่าๆเล็กๆนี้ สร้างบรรยากาศความน่ากลัวด้วยแผ่นไม้ที่ส่งเสียงเวลาคนเดินและซอกเล็กๆน้อยๆที่สามารถซ่อนผีไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกขยะแขยงจากสิ่งสกปรกต่างๆที่สะสมอยู่บนเรือ และความคับแคบที่ทำให้การหลบหนีผีและนักเลงจอมโหดเป็นไปได้ยากลำบาก
ถึงแม้ฉากผีหลอกจะทำออกมาได้น่ากลัว โดยใช้เมคอั๊พ มุมกล้อง และเพลงประกอบกดดันคนดูให้ลุ้นระทึกไปกับตัวละคร แต่ผีในเรื่องนี้ขาดความน่าสนใจ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะมาปรากฏตัวต่อลูกเรือ พวกเขาไม่ได้มาแก้แค้น (ยกเว้นตัวนึง) ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือ และไม่ได้มาแสดงความเป็นเจ้าที่ และเมื่อหนังเปลี่ยนทิศทางไปแนวหนังฆาตกรรมซ่อนเงื่อนในครึ่งหลังและจบด้วยฉากรัก ผีก็หมดบทบาทไปอย่างน่าเสียดาย
หนังจะมีความชัดเจนในเนื้อหามากกว่านี้ ถ้าไม่พยายามผสมผสานหลายแนวเกินไป ไม่จำเป็นต้องมีฉากบอกรักหวานซึ้งในตอนท้ายเพราะก่อนหน้านี้บทไม่พูดถึงเรื่องหัวใจเลย และไม่จำเป็นต้องให้คนดูเดาว่าใครเป็นผีถ้าการที่มีผีแอบแฝงอยู่ในหมู่คนไม่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่อง จริงๆแล้วหนังจะไม่มีผีเลยก็ได้ เป็นหนังแนวระทึกขวัญหนีฆาตกรแทน หรือไม่ก็ทำเป็นหนังแนว ผี + ตลก เลยก็ได้ เพราะตัวละครแรงงานต่างด้าวทั้งสามคนเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่น้อย ด้วยมุขที่ใหม่ สด และไม่หยาบคาย โดยเฉพาะมุขกระซิบส่งข้อความที่ขำหนักมาก
เจมส์ ธามไท และฟลุ้ค มีเคมีตรงกัน ทำให้คนดูเชื่อได้ว่าเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ สามารถรับส่งมุขตลกได้โดยไม่สะดุด นักแสดงทั้งสามคนแย่งซีนจากตัวเอกทุกครั้งที่ปรากฏบนจอ ซึ่งทำให้บทบาทและการแสดงของฌอห์ณ นนนี่ และเดย์ไทเทเนียม ด้อยลงไปมาก
มอญซ่อนผี โดดเด่นที่ฉากผีหลอก เรือประมง มุขตลก และแก๊งเพื่อนสามคน แต่ยังสับสนในแนวทางของตัวเองและมีจุดบกพร่องมากมายในแง่ของบทหนัง
|