สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

5 แพร่ง

  อัญชลี ชัยวรพร / 15 กันยายน 2552
   
 

.เดิมทีว่าจะไม่เขียนวิจารณ์แล้ว ไม่มีอะไร พอทิ้งไว้นาน ๆ ก็เลยขี้เกียจ แต่พออ่านบทวิจารณ์ของใครต่อใคร รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา อยากเขียนขึ้นมาบ้างทันที

5 แพร่ง ซึ่งกำลังทำรายได้ถล่มทลายบ้านเราอยู่ในขณะนี้ จนอาจจะได้แชมป์หนังทำเงินสูงสุดประจำปีนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก พร้อมกับขึ้นทำเนียบหนังดีประจำปีด้วยเช่นกัน เพราะปีนี้มีหนังดีน้อยมาก ๆ

แต่สำหรับดิฉันแล้ว   5 แพร่ง เป็นหนังดูสนุกในแง่ของเกร็ดและมุขตลกต่าง ๆ ส่วนในความน่าสะพรึงกลัว ....อันเป็นโจทย์สำคัญของหนังผีนั้น อาจจะดูแผ่วไปเมื่อเทียบกับภาคแรกอย่าง 4 แพร่ง

ตลอดทั้ง 5 เรื่องนั้น ดิฉันยอมรับว่าทุกชิ้นงานนั้นอยู่ในขั้นปราณีต ดูสนุก กระชับ ตัดต่อดี และหนังเชื่อมโยงกันแต่ละตอนก็ดีมาก

แต่ดิฉันไม่ค่อยมีความรู้สึกกลัวเท่าไร ยิ่งมาเปรียบเทียบกับ 4 แพร่งแล้ว ซึ่งจำได้ว่าตอนนั้นได้ดูฉบับดีวีดีเท่านั้น เพราะตอนที่หนังฉายในโรงภาพยนตร์ ตัวเองไม่ได้อยู่เมืองไทย  แต่ 4 แพร่ง   ก็ยังดูน่ากลัวกว่าอยู่

ขอจาระไนกันในแต่ละตอนเลย ดิฉันคิดว่า ตอนที่สามารถตอบโจทย์ในแง่หนังผีได้ดีที่สุด คือ หลาวชะโอน กับ Backpackers


 

หลาวชะโอน เป็นก้าวที่ถูกทางของปวีณ ภูริจิตปัญญา หลังจากที่เล่นกับซีจีและสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็คมากเกินไปใน บอดี้ ศพจองเวร และ ยันต์สั่งตาย ใน 4 แพร่ง พอมาถึง หลาวชะโอน เขาจึงหันมาเล่นกับตำนานพื้นบ้านอย่างผีเปรต  ปวีณมาถูกทางแล้ว เพราะหนังมีรายละเอียดที่ทำให้เราต้องกลับไปคิดต่อที่บ้านหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกับโลกมนุษย์ในมิติเร้นลับ (ตอนที่เป้เจอผี) หรือแม้กระทั่งความเชื่อพื้นบ้านว่าที่มาแห่งหนึ่งของเปรตคือลูกที่ฆ่าพ่อแม่ หรือแม้แต่ความคิดที่ไม่เชื่อเรื่องของเซ่นไหว้ของผี  แล้วจะกลายเป็นตัวตายตัวแทนเอง

ปวีณเลือกจังหวะที่จะปิดและเปิดภาพผีเปรตที่จะให้คนดูเห็น ทำให้เปรตกลายเป็นภาพเร้นลับที่เราผู้ชมทั้งอยากดูและไม่อยากดูพร้อมกัน เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ซึ่งการใช้จังหวะนี้สอดคล้องกับข้อได้เปรียบด้วยด้วยลักษณะทางกายภาพของเปรต ที่ตัวสูงเหยียดฟ้า เกินกว่าที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บทหนังในตอนนี้ก็ได้ผสมผสานกับความเชื่อพื้นบ้านของไทยได้อย่างน่าสนใจ บวกกับความถนัดของปวีณเอง ทำให้ หลาวชะโอน กลายเป็นตอนที่ทุกอย่างผสมผสานกันได้อย่างเหมาะเจาะ ทั้งตำนานพื้นบ้าน และการใช้ซีจี มาเป็นหนังผีแบบใหม่ อย่างเปรต ซึ่งเท่าที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีใครเอา "เปรต"ขี้นจอหนัง

ดิฉันเชื่อว่า ถ้า 5 แพร่งไปฉายเมืองนอก ชาวต่างชาติจะต้องถามถึงผีเปรตใน หลาวชะโอน มากที่สุด ผีที่ฝรั่งไม่เคยเห็น




อีกตอนที่ทำให้ดิฉันต้องผวาอยู่หลายครั้ง ก็คือ Backpackers โดยทรงยศ สุขมากอนันต์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตอนที่คนพูดถึงน้อยที่สุดก็ว่าได้ และหลายคนมองว่า มันไม่สนุกที่สุด

แต่ดิฉันกลับคิดว่า Backpackers คือการเล่นกับผีดิบ แบบที่เราเห็นในหนังผีเกรดบีของฝรั่งได้อย่างดีที่สุด ทรงยศใช้จังหวะที่ตัดต่อฉับไว ควบคู่ไปกับดนตรี ซึ่งผสมเพลงร็อคในหลาย ๆ ตอน ทำให้หนังมันดูบ้า เพี้ยนไปเลย และหมดหวัง เหมือนอย่างตอนที่เราดูหนังซอมบี้ทั้งหลาย เพราะผีมันไม่หมดซะที เดี๋ยวก็มีภาคต่อ Backpackers พิสูจน์ให้เห็นว่า ทรงยศเขาก็ทำหนังอีกแบบได้เหมือนกัน นอกจากดราม่าแบบ เด็กหอ หรือหวานแหววแบบ ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ้น

ว่าไปแล้ว ในบรรดาผู้กำกับรุ่นใหม่จาก 5 แพร่ง นี้ ทรงยศเพิ่งจะทำหนังผีกับเขาเป็นเรื่องแรก เพราะ เด็กหอ ก็ไม่ใช่หนังผีเท่าไรนัก ขณะที่ ปิดเทอมใหญ่ ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นวัยรุ่น  ทำให้เรื่อง Backpackers กลายเป็นหนังผีที่ดูไม่เหมือนใคร  เพียงแต่ว่าคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้คิดแบบนี้



ขณะที่ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ และ บรรจง ปิสัญธนากุล นั้น ดูจะเริ่มไม่สนุกกับการทำหนังผีแล้ว ก็เลยทำให้ "รถมือสอง" กับ "คนกอง" ไม่ได้น่ากลัวพอในแง่ของหนังผี  ผู้กำกับบรรจง ฉลาดพอที่จะหันไปเล่นกับ "การหักมุมของหนังผี"แทน   ทำให้หนังเรื่อง "คนกอง" ของเขาเป็นหนังตลกมากกว่าหนังผ  ว่าไปแล้ว ดิฉันรู้สึกว่า บรรจงประชดด้วยการเล่นกับหักมุมของหนังครั้งแล้วครั้งเล่า จนหนังชนะใจคนดู  และกลายเป็นตอนที่คนชอบมากที่สุด

ว่าไปแล้ว ดิฉันเริ่มมองเห็นว่า บรรจงอาจจะเป็นผู้กำกับที่ทำหนังตลกได้ดี  ถ้าทางต้นสังกัดจะยอมให้เขาเสี่ยงดู  จริง ๆ แล้ว การทำหนังตลกนั้น ไม่ใช่เสี่ยงง่ายนะคะ  เป็นเรื่องที่ยากที่สุดก็ว่าได้



ส่วน "รถมือสอง" ของภาคภูมินั้น ดูจะแผ่วไปนิจ ซึ่งข้อจำกัดในเรื่องเวลาส่งผลอย่างชัดเจนต่อการสร้างมิติเร้นลับและความน่าสะพรึงกลัว  ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ภาคภูมิถนัด  ภาคภูมิเขาถนัดในการสร้างมิติเร้นลับและเขย่าขวัญแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างที่เราเห็นในตอน เที่ยวบิน พอมาเป็น รถมือสอง แล้ว ก็เลยทำให้อารมณ์ของหนังดูไม่ราบรื่นนัก  และหนังดูพอจะแนวทางได้  ก็เลยไม่ได้ช็อคคนดูเท่าที่ควรในฉากจบ

 

 

ส่วนตอน "ห้องเตียงรวม"ของวิสูตร พูลวรลักษณ์ นั้น ดูจะสนุกในการเล่นกับอารมณ์ของแดน วรเวช เสียมากกว่า ก็เลยทำให้หนังดูความน่ากลัวของหนังหายไป ประกอบกับหนังสั้นมาก การสะสมอารมณ์และความกลับยังไม่ทันมี หนังก็จบลงแล้ว คิดว่าเพราะผู้กำกับยังใหม่เกินไป ก็เลยทำให้จังหวะของหนังยังไม่เข้าที่

ส่วนที่ต้องชมของหนังเรื่องนี้ ก็คือ การร้อยเรื่องและการตัดต่อหนังให้เข้าเป็นเรื่องเดียวกัน หนังทุกตอนล้วนเกี่ยวข้องกัน ทำให้ดูเป็นตอนเดียวกันหมด จนทำให้เกิดธีมใหม่ของหนังขึ้นมา เมื่อดูหนังจบทั้ง 5 ตอน นั่นก็คือ เรื่องของกรรม

เป้ ในหลาวชะโอน ชดใช้กรรมที่เขาชอบปาหินจนคยตาย

แดน ใน ห้องเตียวรวม ก็แสดงนัยว่า เป็นเพื่อนร่วมแก๊งค์ปาหินกับเป้

Backpackers การชดใช้กรรมของแก๊งค์ค้ามนุษย์และยาเสพติด ผนวกกับโชคที่ไม่ดีของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น

รถมือสอง กรรมของคนที่ย้อมรถเก่ามาขาย

จะมียกเว้นก็เรื่อง "คนกอง" เท่านั้น ที่ดูจะแยกไปอย่างสิ้นเชิง

สรุปแล้ว 5 แพร่ง ยังคงเป็นหนังทีน่าดูประจำปี แม้ว่าความเป็นหนังผีอาจจะลดน้อยลงไปบ้าง ดิฉันคิดว่า จีทีเอช อาจจะต้องสลับให้ ภาคภูมิ และ บรรจง ไปทำหนังแนวอื่นบ้าง ก่อนจะกลับมาทำหนังผีอีกครั้ง เพื่อให้พวกเขาเกิดไอเดียใหม่ ๆ ขณะที่ปวีณอาจจะลองค้นหาและทดลองการผสมผสานระหว่างตำนานผีพื้นบ้านในโลกซีจีอีกครั้ง

ส่วนทรงยศนั้น เขาสามารถทำหนังอะไรได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเขาได้ทำหนังอีกแนว ก็เป็นการท้าทายตัวเองว่าจะทำได้ดีเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ ส่วนคุณวิสูตร ถ้าเขาจะกำกับหนังอีก ก็มีแวว เพียงแต่ว่าเขาจะเบื่อหรือไม่เท่านั้นเอง

   
   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.