สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

ไทย / English
หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
A Moment in June ก้าวแรกที่ยังต้องพิสูจน์ของโอ นัฐพล
 

3 ตุลาคม 2551 / อัญชลี ชัยวพร

  ©thaicinema.org
  ข้อมูลหนังเรื่อง A Moment in June
   
 

A Moment in June จะฉายวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคมนี้ เวลา 19.00 น. และ 1 พฤศจิกายน เวลา 13.00 น.โดยผู้กำกับโอ นัฐพล จะมาพูดคุยกับท่านในรอบวันศุกร์



เชื่อกันว่า จนถึงบัดนี้คอหนังที่ติดตามหนังทุกอย่าง รวมทั้งอินดี้หรือไม่อินดี้ คงจะรู้จักหนัง A Moment in June ของโอ นัฐพล กันทั่วหน้าแล้ว เว็บไทยซีเนม่าเริ่มสัมภาษณ์ผู้กำกับตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ก่อนที่จะตามมาด้วยสื่อเล่มอื่น ๆ อีกหลายเล่ม แล้วหนังก็เงียบหายไปครึ่งค่อนปี   เนื่องจากผู้กำกับเดินทางไปอังกฤษชั่วคราว

ผู้เขียนมีโอกาสดูหนังของโออีกครั้งเมื่อต้นปีนี้  ก่อนที่หนังจะถูกส่งไปให้ปูซานดูตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งผู้คัดเลือกหนังคิมจีซุคตอบรับมาอย่างรวดเร็ว จัดหนังให้เข้าสายประกวด New Currents สายเดียวกับที่ Wonderful Town โดยอาทิตย์ อัสสรัตน์ ได้รับรางวัลมาเมื่อปีที่แล้ว หนังประกวดในสายนี้จะคัดเลือกเฉพาะหนังสองเรื่องแรกของผู้กำกับหน้าใหม่

A Moment in June เป็นหนังไทยที่มีแนวเรื่องและการพัฒนาบทที่พยายามหลีกหนีจากโจทย์ของหนังทำเงินทั้งหลายอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้กำกับก็ไม่ลังเลใจที่จะลงทุนในเชิงโปรดักชั่นอย่างที่หนังจอใหญ่เขาทำกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพอันสวยงาม นักแสดงมืออาชีพ ดนตรีไพเราะเพราะพริ้ง   …คุณภาพของหนังไม่ได้ขาด ๆ วิ่น ๆ อย่างหนังทุนต่ำส่วนใหญ่ที่จะเจอกัน

…แต่โอ นัฐพล จะสามารถไปสู่ดวงดาวอย่างรุ่นพี่อินดี้แบบ เจ้ย อภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกุล และ จุ๊ก อาทิตย์ อัสสรัตน์ หรือไม่ อาจจะไม่ใช่  A Moment In June

A Moment in June เป็นก้าวแรกที่แสดงให้เห็นความพยายามของผู้กำกับใหม่ที่ทำงานเนี๊ยบ  เชิงโปรดักชั่นไม่มีที่ผิดเลยล่ะค่ะ แต่หนังก็ยังมีจุดบกพร่องอยู่หลายเรื่อง จนทำให้ภาพรวมของหนังอยู่ในระดับกลาง ๆ เท่านั้น

หนังเริ่มเรื่องบนรถไฟสายเหนือขบวนหนึ่ง หนุ่มสองคน ปกรณ์ (ชาคริต แย้มนาม) และ พล (นภัสกร) พยายามล่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจของคนทั้งสอง ไม่ได้รับการเยียวยาแก้ไข ปกรณ์เดินลงจากรถไฟไป ขณะที่พลก็เหม่อลอยไปตามเส้นทางใหม่บนขบวนรถไฟสายนั้น


 

หนังตัดมาที่ฉากในโรงละครแห่งหนึ่ง ขณะที่นักแสดงกำลังซักซ้อมบทละครใหม่ เรื่องราวรักสามเส้าของหญิงชายคู่หนึ่ง ชายคนนั้น (น้อย วงพรู) รับปากเพื่อนชาวญี่ปุ่นว่าจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับเจ้าสาวคนไทย (นุ่น สินิทธา) ทั้ง ๆ ที่ว่าที่เจ้าบ่าวก็มีภรรยาอยู่แล้ว แต่ใช่ว่าเราเองจะหักห้ามใจของเราได้ และเมื่อเพื่อนชาวญีปุ่นกลับมา เขาต้องพบกับเรื่องราวอันแสนปวดร้าว …พวกเขาจะทำอย่างไร

บนขบวนรถไฟสายเดียวกัน พล ได้พบกับหญิงวัยกลางคนนางหนึ่งนามมิถุนา เธอกำลังเดินทางไปเหนือ มีโอกาสได้พบกับใครบางคนที่ไม่พบกันนานถึง 27 ปี

แล้วสามเหตุการณ์นี้ก็ดำเนินสลับตัดกันไปมา ซึ่งก็ต้องยอมรับที่ผู้กำกับสามารถคุมจุดนี้ให้หนังดูราบรื่นได้ โดยใช้บทเพลงเป็นตัวเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน กับเรื่องราวที่เกิดกับคนสองคู่ (ไม่ผิดค่ะ สองคู่ ถ้าคุณได้ดูหนังแล้วจะเข้าใจว่าทำไม)

A Moment in June เป็นหนังที่พัฒนาเรื่องด้วยอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร เรื่องนั้นมีอยู่นิดเดียว เพียงแต่เกิดกับคนสองคู่ ในกาลเวลาที่ต่างกัน กับคู่ที่แตกต่างกัน บทเรียนที่หนึ่งก็เพื่อเป็นอุทาหรณ์กับคนอีกคู่ ซึ่งผู้กำกับโอก็สามารถผสมองค์ประกอบต่าง ๆ ของหนัง เพื่อถ่ายทอดโจทย์ที่บังคับเขาที่ตรงนี้ได้ในระดับหนึ่ง ภาพ ดนตรีประกอบ การตัดต่อ หรือแม้แต่การผสมผสานกรรมวิธีของละครเวทีมาใช้ในหนัง ก็ถือว่าได้ดี และได้แสดงแบ็คกราวน์ของผู้กำกับที่มีพื้นฐานมาจากทั้งละครและหนัง

แต่ปัญหาใหญ่สุดของหนัง ซึ่งทำให้การพัฒนาเรื่องด้วยความรู้สึกนี้ไม่ถึงที่สุดก็คือ การแสดงของตัวละคร ดิฉันยอมรับว่า ผู้กำกับโออาจจะสามารถคุมส่วนประกอบต่าง ๆ ของหนังได้ดี แต่ในส่วนของการแสดงมีปัญหามาก แม้ว่าเขาจะใช้นักแสดงมืออาชีพทุกคนก็ตาม นักแสดงแทบทุกคนยังคง “เล่น” หนังให้เราดู สิ่งที่เขาแสดงออกมา มันไม่ได้ออกมาเองจากจิตใจ มันไม่ได้ดูเป็นธรรมชาติ ออกจะเสแสร้ง มันไม่ได้ทำให้เราเชื่อ

พูดง่าย ๆ ลองเปรียบเทียบกับบทบาทของเหลียวเฉาเหว่ย หรือจางม่านอี้ ใน In the Mood For Love ดู หรือแม้แต่เหลียงเฉาเหว่ย กับเลสลี่จาง ใน Happy Together ดู การแสดงของนักแสดงไทยใน A Moment In June จะค่อนไปทางแบบเดียวกับเลสสี่จางใน Happy Together มากกว่า มันไม่ได้มาจากใจ ไม่ได้มาจากความกลัดกลุ้ม หรือความเจ็บปวดลึก ๆ โดยธรรมชาติ

…หนังแนวนี้ต้องการการแสดงแบบนั้นมากกว่า …

ทีนี้ ลองมาเปรียบเทียบกับงาน Wonderful Town ของอาทิตย์ หรือ ผลงานของอภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกุล ซึ่งถ้าดูในรายละเอียดแต่ละส่วน มันไม่มีอะไรโดดออกมา มุมกล้องไม่ได้เด่นกว่าเพื่อน ดนตรีก็ธรรมดา ๆ เหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านไปในชีวิตแต่ละวัน แต่เมื่อรวมงานออกมาทั้งหมด มันกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน มันดูราบเรียบ นิ่ง ….บอกเจตนารมณ์ของผู้กำกับทั้งสองท่านได้ดี

ดิฉันคิดว่า โอ นัฐพล อาจจะไม่ได้ไปถึงดวงดาวกับผลงานชิ้นแรกชิ้นนี้ แต่ถ้าเขาพัฒนาไปเรื่อย ๆ เขาน่าจะมีโอกาสอีกครั้ง เพียงแต่ว่า ก้าวต่อไป เขาอาจจะต้องเลือก ระหว่างเส้นทางอินดี้สุด ๆ หรือเส้นทางหนังกระแสหลักไปเลย เพราะงานที่ก้ำกึ่งแบบนี้ อาจะไปไหนลำบาก

ดิฉันคิดว่า ฝีมือของโอ นัฐพล เป็นไปในแนวทางเดียวกับย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์ เพียงแต่ว่าเนื้อเรื่องของ A Moment in June ขายในตลาดไทยไม่ได้เท่านั้น ย้ง ทรงยศ เขาชัดเจนที่จะทำหนังกระแสหลัก ก็ไปทางนั้น เพียงแต่พัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีที่สุด เขาจึงกลายเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ในสายนี้ที่น่าจับตามองคนหนึ่ง เช่นเดียวกับมะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

ก็ขึ้นอยู่กับว่า โอ นัฐพล จะเลือกไปในเส้นทางไหนต่อไป

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.