สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า

  ธัญญ่า / 28 พฤศจิกายน 2550
  ©thaicinema.org
   
 


หลังประสบความสำเร็จทางด้านรายได้จากหนังตระกูลส่ายหน้ามาแล้ว 2 เรื่อง ทั้ง พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า  (2548) และ แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า (2549)   จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่ผู้กำกับ ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ พร้อมคู่หูเขียนบทอย่าง พิง ลำพระเพลิง  จะมีหนังส่ายหน้าอย่าง โปงลางสะดิ้งลำซิ่งส่ายหน้า ตามมาอีกเรื่อง 

จะว่าไปการตั้งชื่อหนังให้เป็น “แซ่ส่ายหน้า” เหมือนกันอย่างนี้  ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในทางการตลาดพร้อมๆ กัน  โดยข้อดีก็จะเรียกแฟนหนังที่ชอบหนังฮาๆ แบบตลกคาเฟ่  และชอบงานก่อนหน้านั้น  ก็จะชวนกันมาดูอย่างไม่ต้องแปลกใจ   บวกกับแรงเสริมจากเหล่าแฟนคลับทั้งของ บีม กวี  ตันจรารักษ์ และกลุ่มโปงลางสะออน   ก็น่าจะส่งผลดีต่อรายได้ไม่แพ้พี่ใหญ่และพี่รองในตระกูลเดียวกันที่ออกมาฉายก่อนหน้านี้    แต่ข้อเสียก็คือ  กลุ่มคนดูหนังที่เบื่อบรรดาหนังตลกคาเฟ่และหนังผี   ก็รู้อย่างไม่ต้องสงสัยว่า จะต้องเป็นหนังแนวตลกแบบผีๆ  (อีกแล้ว)   ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดอาการส่ายหน้าตามชื่อเรื่องได้เหมือนกัน

แต่ถึงชื่อเรื่องจะเป็นยังไง  เราไม่ควรวัดคุณภาพหนังจากตรงนั้น  ว่าแล้ว  ดิฉันก็เดินเข้าไปดูหนัง  ซึ่งผลที่ออกมา  ก็ชวนให้ส่ายหน้ามากกว่าจะพยักเพยิดแบบเห็นด้วย  หรือที่จะเข้าใจได้

หนังตลกมันไม่เหมือนการเล่นตลกในคาเฟ่  หรือการแสดงสดบนเวทีที่จะเล่นอย่างไร  ก็สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ร้อยเปอร์เซนต์  จะไปทางไหนก็ไปได้  โดยมีคนอื่นๆ บนเวทีคอยร้องเฮ้ยสนับสนุน  หรือจะเล่นมุขออกนอกทิศทางได้  แต่เผอิญเมื่อเป็นหนัง  มันต้องมีธีม  มีแกน  มีเส้นเรื่องอะไรไว้ให้เกาะยึดบ้าง  และนี่ก็เป็นจุดอ่อนที่หนังตลกส่วนใหญ่มักจะลืม  มัวให้ความสำคัญกับมุขจนเกินเหตุ 

ปัญหานี้ก็เกิดขึ้นกับโปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า อีกเช่นกัน

ทีมเขียนบทที่ประกอบไปด้วยผู้กำกับ และนักเขียนบทมือเก๋าอย่างพิง ลำพระเพลิง  พยายามทำให้หนังเรื่องนี้เป็นตลกแบบมีเนื้อเรื่องและสาระ   โดยการพูดถึงโตมร (อี๊ด โปงลางฯ - สมพงษ์ คุนาประถม) กับลุง และบรรดาพนักงานในโรงหนังเฉลิมพลรามา (ที่แสดงโดยวงโปงลางแบบครบทีม)  ต้องเผชิญกับช่วงขาลงของกิจการ  พร้อมกับที่นายทุนบีบบังคับให้ขายที่  ทุกคนจึงต้องมาร่วมมือกัน  หาหนทางให้โรงหนังอยู่รอดด้วยการเปิดแสดงโชว์ลำซิ่งแล้ว  แต่เผอิญหนังไม่ได้มีแค่นี้  พยายามหาเรื่องอื่นมาใส่  ช่วงต้นก็เน้นไปถึงเรื่องผีในโรงหนังแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  ผีมาจากไหนไม่รู้  ตอนท้ายพยายามบอกเหตุผลหน่อย  แต่ก็เป็นการสรุปแบบยัดเยียด


ความรักระหว่างวิน (บีม - กวี ตันจรารักษ์) เป็นประเด็นแทรกของหนังอีกเรื่อง  วินเป็นคนขับแท็กซี่ลึกลับ ส่วนพลอย (ไหม - วิสา สารสาส)  เป็นตัวแทนมาขอซื้อโรงหนัง   ปัญหาก็คือมันทำให้หนังมีประเด็นปลีกย่อยมากเกินไป  จนความพยายามกอบกู้โรงหนังในช่วงท้ายเรื่อง  ถูกนำเสนอออกมาแบบรวบรัดตัดความไปอย่างเห็นได้ชัด  ถ้าหนังพูดถึงแค่กลุ่มคนธรรมดาๆ ที่พยายามกอบกู้โรงหนังด้วยวิธีการต่างๆ   จะทำให้หนังน่าสนใจหรือสนุกน้อยลงไปมากนักหรือเปล่า  ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น
มุกตลกที่เอามาใช้  ก็ค่อนข้างขำนะ   แต่เกือบครึ่งก็ดูจงใจใส่เข้ามามาก  จนให้ความรู้สึกว่ายัดเยียดและไม่สอดคล้องอะไรกับเรื่องราว   นี่ยังไม่นับรวมดาวตลกเจ็บตัว  แบบที่ต้องถูกเอาถาดมาฟาดหัวฟาดโน่นฟาดนี่  แบบที่เห็นในจอทีวี    กับมุกตลกน่าคลื่นเหียนประเภทอึๆ ตดๆ ที่ใส่เข้ามาแบบเต็มๆ จนดูแล้วชวนเครียดมากกว่าจะขำ ก็ทำให้ความเฮฮาของหนังเรื่องนี้ลดทอนไปอย่างแน่เสียดาย  แม้จะมีวงโปงลางสะออนและตลกคาเฟ่อย่างค่อม ชวนชื่น ก็ตาม

ว่ากันตามจริงแล้ว  ตลกจากฟากทีมโปงลางสะออนมีส่วนช่วยเรื่องขำขันในหนังอยู่เยอะ  และผู้ที่ดูจะสร้างเสียงหัวเราะได้อย่างพอเหมาะพอดี  ก็คือ คู่หูสาวอย่างลาล่าและลูลู่ ในบทพนักงานขายขนมในโรงหนัง   การแสดงของคนทั้งสองอาจจะไม่ต่างจากเวลาขึ้นเวทีแสดงสดวงโปงลางฯ แต่ก็ถือเป็นตัวชูรสได้อย่างดี



ส่วนหัวหน้าวงอย่างอี๊ดกลับทำได้เพียงแค่พอใช้  ไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก   เพราะบทที่ได้รับนั้น  เป็นตัวดำเนินเรื่อง  ซึ่งต้องอาศัยทักษะในการถ่ายทอดความรู้สึกที่หลากหลาย  มากกว่าที่เคยใช้บนเวที  ส่วนบทของบีมและไหมนั้น   แม้ตอนหลังจะมีการหักมุมที่น่าสนใจ  ไม่แพ้ โคตรรักเอ็งเลย  โดยคุณพิง ลำพระเพลิง  แต่ด้วยเนื้อเรื่องส่วนอื่นที่มีมากเกินไป  และสถานการณ์บางอย่างในหนังที่ชวนให้เดาทางได้  จนถึงการปล่อยมุกผิดเวลา เลยทำให้ความน่าสนใจและความน่าประทับใจในตัวละครทั้งสองลดลงไป  ข้อดีที่เหลืออยู่เห็นจะเป็นเรื่องความสบายตาที่ได้เห็นบีม  น่าจะช่วยถึงเรตติ้งจากแฟนคลับของบีมมากขึ้น

ซึ่งหากนำคุณภาพของโปงลางสะดิ้งลำซิ่งส่ายหน้า มาเทียบกับงานชิ้นที่แล้วของผู้กำกับอย่าง  แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า  ที่มุ่งเน้นเล่าเรื่องของนักมวยขี้แพ้ที่ชื่อสนิททั้งเรื่องความรักและความฝัน  โดยมีเหล่าบรรดาตลกคาเฟ่มาคอยปล่อยมุกอยู่รอบๆ   ซึ่งสอดคล้องกันกำลังดีกว่า  แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้ผู้กำกับจะเดินไปข้างหน้าหนึ่ง (ก่อนที่จะก้าวกลับมายืนที่เดิม) 

เรื่องหน้า  ลองหาทางออกจากตระกูลส่ายหน้าบ้างก็คงจะดี

เกี่ยวกับผู้เขียน :

ธัญวรรณ  เหมพนม อายุ 28 ปี จบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจาก ม.กรุงเทพ  และปริญญาโทจากนิด้า คณะเศรษฐศาสตร์ 

ปัจจุบันทำงานเกี่ยวกับการวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม   แต่หลังจากได้มีประสบการณ์ทำงานแบบเต็มตัวก็ทำให้พอจะรู้ตัวว่าอยากทำงานอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับหนังมากจริงๆ จนไม่อยากทำงานด้านที่จบมา  เลยกำลังจะออกจากงานเพื่อมาหาทางทำงานเกี่ยวกับหนังตามที่ชอบแบบเต็มตัวต้นปีหน้านี้ 

ส่วนที่เกี่ยวกับหนังก็มี 
- อบรมภาพยนตร์วิจักษณ์กับมูลนิธิหนังไทย
- เรียนคณะมนุษยศาสตร์รามคำแหงเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม 
- เขียนบทหนังสั้นประกวดตามที่ต่างๆ
- เขียนบทความส่งตามที่ต่างๆ  
- ช่วยในทีมเขียนบทหนังของบริษัทแห่งหนึ่ง
- เตรียมทำหนังสั้น และเขียนบทหนังยาวของตัวเอง

 

 

  ©thaicinema.org
 

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.