สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

บทวิจารณ์

  ณัฎฐ์ธร กังวาลไกล / 8 พฤศจิกายน 2550
  ©thaicinema.org
   
 


เป็นระยะเวลาหลายปีแล้วหลังจากที่ “นางนาก” ประสบความสำเร็จ   ก็มีหนังผีไทยตามหลังออกมาเป็นจำนวนมาก  ส่วนหนึ่งประสบความสำเร็จ  อีกส่วนประสบความล้มเหลว  ภาพรวมของหลายๆ เรื่องไม่ต่างกันนัก  บางเรื่องพยายามจะสร้างความแตกต่างโดยอาศัยไอเดีย  อาทิเช่น “แฝด” ที่ว่าด้วยคู่แฝดซึ่งคนหนึ่งเสียชีวิตไปแล้วกลายเป็นวิญญาณ หรือจะเป็น “โคลิก เด็กเห็นผี” ที่เอาอาการที่มีกับเด็กแรกเกิดมาผูกเป็นเรื่องราว  อีกกลุ่มหนึ่งก็เลือกที่จะแตกต่างด้วยการหาทางนำเสนอภาพแปลกๆ ผสมด้วยการตัดต่อและการทำเสียงประกอบที่ตั้งใจจะสร้างความหลอกหลอนให้แก่คนดู  ชนิดที่แม้แต่คนไม่กลัวผีก็ยังอาจจะผวาเอาได้ 

“วิญญาณ โลก คนตาย” กำกับโดยธราเทพ ทิวสมบูรณ์ ผู้ที่เคยร่วมงานกับอ็อกไซด์ แปงผ่านหนังวีซีดีสามเรื่อง (เป็นหนังชุดนักสืบที่แสดงโดยแบงค์ พระเอก “Bangkok : Dangerous”) อยู่ในจำพวกที่ไม่ได้มีเรื่องแปลกใหม่ แต่สร้างจุดขายของตัวเองด้วยงานด้านภาพที่ประหลาดๆ กว่าหนังผีเรื่องอื่นๆ  โดยส่วนตัวของผู้เขียนนั้น  เป็นคนที่ไม่ได้กลัวหนังผีซักเท่าไหร่  ออกๆ จะเบื่อๆ หนังผีไทยในระยะหลังๆ ด้วยซ้ำที่ทำตามกันออกมา

“วิญญาณ โลก คนตาย” เปิดเรื่องด้วยเพลงของคุณริค ซึ่งเป็นเพลงที่สร้างความหลอนได้ดี  จนคาดหวังว่าหนังจะน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ   พอหนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ   ผมก็ยอมรับว่างานทางด้านเทคนิคของหนังสร้างอารมณ์หลอกหลอนเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกแห่งวิญญาณเช่นเดียวกับมิ้ง นางเอกของเรื่อง   แต่พอดูไปเรื่อย ๆ  พบว่าหนังขาดเอกภาพอย่างชัดเจน  จนสุดท้ายแล้วหนังก็ไม่มีอะไรเป็นที่จดจำหรือสร้างความบันเทิงแก่คนดูได้อย่างยอดเยี่ยม  แม้จะมีภาพน่ากลัวแค่ไหนก็ตาม  


มิ้ง (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) เป็นแม่หมอของใครหลายๆ คน เธอสามารถเห็นและติดต่อกับวิญญาณได้  วันหนึ่งชายหนุ่มที่ชื่อ บัติ (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) ได้เข้ามาขอความช่วยเหลือกับเธอเรื่องพ่อที่ฆ่าตัวตาย พวกเขามีอดีตที่เกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งและซับซ้อน ทำให้การสืบเรื่องราวของทั้งคู่น่ากลัวเกินกว่าที่พวกเขาจะคิด และนำไปสู่ความลับในอดีตของคนทั้งคู่ที่พวกเขาได้ลืมเลือนไปแล้ว

ผู้กำกับคุณธราเทพเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า ไม่คิดว่าการพูดถึงปูมหลังของตัวละคร ประเภทเป็นลูกเต้าใครมาจากไหนจะเป็นเรื่องจำเป็น  ซึ่งความคิดนี้ก็ไม่ผิด  และมันไม่ใช่เรื่องผิดด้วยหากจะไม่มีการอธิบายว่าทำไมมิ้งถึงมองเห็นผี  แต่ความเป็นเหตุเป็นผลก็ควรจะมีแม้แต่กับหนังที่แฟนตาซีที่สุด  ในส่วนของหนังเรื่องนี้ หนังละเลยการอธิบายว่าทำไมใครต่อใครถึงหามิ้งเจอและขอให้เธอช่วยเหลือติดต่อวิญญาณ ได้  ในเมื่อเธอดูเหมือนจะเร่ร่อนไม่เป็นที่  คนเหล่านั้นไปรู้เรื่องที่มิ้งเห็นผีมาจากไหน หรือในส่วนของตัวมิ้งเองที่บางทีเธอเป็นฝ่ายตามหาญาติให้ผี  หนังก็ไม่ได้บอกเลยว่ามิ้งตามได้ยังไง  เพราะลำพังแค่เธอเห็นผีไม่น่าจะแปลว่าเธอมีพลังจิตที่จะติดตามคนได้  หรือตัวละครของบัติที่เป็นหมอผ่าศพ ก็ดูเหมือนคนโรคจิตจนไม่น่าจะมาทำงานด้านนี้  เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะตั้งคำถามแบบนี้ระหว่างที่กำลังดูหนังอยู่

การที่หนังเต็มไปด้วยช่องโหว่ แสดงให้เห็นถึงความพยายามขายความน่ากลัวผ่านทางเทคนิคต่างๆ มากเกินความจำเป็น  จนละเลยที่จะให้ความสำคัญต่อการเล่าเรื่อง  หนังจึงพาคนดูไปทางโน้นทีทางนี้ที  บางครั้งหนังก็เล่าเรื่องซ้ำ ๆ   ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ ต่อเรื่องเลย  ทำไมจะต้องเล่าประสบการณ์เจอผีของมิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม  พอเห็นนานๆ เข้าก็เกิดความเคยชิน    หลังจากนั้นหนังก็วกกลับเข้าประเด็นหลัก  ซึ่งก็คือเรื่องของบัติและมิ้งอีก  หนังวนเวียนอยู่แค่นี้หลายรอบ  จนทำให้ความรู้สึกที่จะติดตามเรื่องสูญเสียไป


คนดูไม่สามารถเข้าถึงตัวละครหลักทั้งสองเรื่องได้เลย   เราอาจจะรู้ว่า มิ้งและบัติเป็นคนที่มีปัญหาทางจิตใจอย่างรุนแรง  แต่เราก็ไม่สามารถเข้าถึงปัญหาของพวกเขาได้   สิ่งที่ได้เห็นมีแต่กรอกตาไปมาด้วยความหวาดกลัวเวลาเจอผี หรือแค่การเอามือกุมขมับเวลาความคิดสับสน แต่จริงๆ แล้วน่าจะรวมถึงการทำให้ตัวละครมีชีวิต และถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้คนดูพบเห็นจับต้องได้ ให้คนดูสามารถเอาใจช่วยไปกับความทุกข์ที่ตัวละครต้องเจอ  แต่ความรู้สึกเอาใจช่วยแบบนั้นไม่ได้มีให้สัมผัสใน “วิญญาณ โลก คนตาย” เลยแม้แต่น้อย หลายช่วงสองคนนี้ดูน่ากลัวกว่าผีในเรื่องเสียอีก (เชื่อว่าเป็นความตั้งใจของผู้กำกับ) ยิ่งเมื่อรวมกับอาการจิตหลุดตลอดเวลา เลยทำให้ไม่มีด้านที่เป็นมนุษย์ให้เห็นทางแววตาและการกระทำออกมาเลย  นึกเสียดายศักยภาพของนักแสดงอย่าง โอ อนุชิต ที่เคยร่วมงานในหนังไทยที่ได้รับการยอมรับในคุณภาพสองเรื่องอย่าง “15 ค่ำเดือน 11” และ “โหมโรง” เขาน่าจะเลือกเล่นหนังที่ให้เขาได้ทำสิ่งที่มีคุณภาพและน่าจดจำกว่านี้

น่าเสียดายที่บางคนคิดว่าการทำหนังผีที่ทำให้คนดูสะดุ้งด้วยความตกใจเป็นระยะ  หรือต้องเอามือปิดตาจะสามารถกลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จได้  ผมเชื่อแน่ว่าผู้กำกับคงไม่ได้หวังให้หนังเรื่องนี้เป็นผลงานคุณภาพแน่ๆ  เพราะถึงอย่างไรการเป็นหนังดีก็ไม่เกี่ยวกับการเป็นหนังทำเงินอยู่แล้ว  การเป็นหนังที่ดูสนุกต่างหากละที่หนังเรื่องนี้ควรจะต้องมี

   
  ©thaicinema.org
 

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.