ไปดู สายลับจับบ้านเล็ก ตั้งแต่รอบสื่อเมื่อวันอังคาร แต่เพราะงานแถลงข่าวที่รุมประดังเข้ามาในสัปดาห์นี้ ก็เลยทำให้งานวิจารณ์ชิ้นนี้ออกมาค่อนข้างจะช้า
อีกเหตุผลหนึ่ง ก็ต้องขอบอกตรง ๆ ว่า ตัวเองไม่ค่อยประทับใจกับการตัดสินใจเลือกเดินทางนี้ของคมกฤษ ตรีวิมล เท่าไรนัก
เคยวิจารณ์หนังเดี่ยวเรื่องแรก เพื่อนสนิท ของคมกฤษ ตรีวิมล ไว้ เชื่อว่าเขามีแววที่จะพัฒนาเป็นผู้กำกับฝีมือดีได้ จาก 20 นาทีสุดท้ายของหนังเรื่องเพื่อนสนิท ซึ่งเขาได้แอบแสดงให้เห็นความคิดในการใช้มุมกล้อง เพื่อเล่าเรื่องง่าย ๆ อย่างการสารภาพรักที่ไข่ย้อย มีต่อเพื่อนที่ชื่อดากานดา
พอมาถึง หนูหิ่น ฝีมือที่ซ่อนไปตรงนี้ไม่ได้เปิดเผยให้เห็นมากเท่าไรนัก เพราะบทก็เขียนโดยคงเดช จาตุรนต์รัศมี และมีโปรดิวเซอร์อย่างนนทรีย์ นิมิบุตร ดูแลอยู่ ห่าง ๆ แต่ก็เห็นชัดอย่างหนึ่งว่า คมกฤษเริ่มเอนเอียงที่จะทำหนังไปทำหนังกระแสหลัก
ผลงานเรื่องล่าสุด สายลับจับบ้านเล็ก แสดงให้เห็นว่า คมกฤษเลือกที่จะเดินทางไปในทิศทางของหนังตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งดิฉันก็พอเข้าใจอยู่ และอย่างที่เคยบอกผู้กำกับรุ่นเพิ่งเติบโตหลายคนว่า จะไปทางไหนก็ไปให้เต็มที่เลย อย่ากลัวว่าคนดูจะด่า เราเองก็สามารถทำหนังตลาดที่ดีได้ บางครั้งอาจจะดีกว่าคนทำหนังอาร์ต แต่ทำไม่รู้เรื่อง
แต่เผอิญ สายลับจับบ้านเล็ก เป็นหนังกระแสหลักที่ดูธรรมดาเรื่องหนึ่ง ไม่ได้มีจุดที่ทำให้เราได้แอบอมยิ้ม เหมือนอย่าง Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย หนังเดินไปในแนวทางตลกเพียงรูปเดียว มันก็ตลกนะ แต่ไม่ได้มีมากมายนัก แถมตลกบางครั้งก็ดูบ้า ๆ บอ ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองแก่เกินที่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายของหนังแบบนี้หรือเปล่า
แถมการแสดงที่มีเป้าหมายเพื่อให้ตลกโปกฮา ก็เลยออกมาเกินจริง เกินเลย คล้ายกับ หนูหิ่น
ดิฉันบอกไม่ถูกว่า สายลับจับบ้านเล็กจะดีกว่า หนูหิ่นหรือไม่ เพราะหนูหิ่นถึงแม้จะเป็นหนังตลก แต่อย่างน้อยก็มีช่วงครึ่งแรกที่น่าสนใจในวิธีการพัฒนาเรื่องในเชิงหนังเพลง เพียงแต่ว่าช่วงครึ่งหลังมันเริ่มออกนอกลู่นอกทางเข้าป่าไปสักหน่อย
แต่ สายลับจับบ้านเล็ก เฉไฉไปตั้งแต่ต้นเรื่อง แล้วไอ้เส้นทางเฉไฉนั้น ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นพลังแอบแฝงในการทำหนังกระแสหลัก แบบลึกซึ้งมากนัก
ที่บอกแบบนี้ ก็เพราะว่า ดิฉันได้เห็นอะไรบางอย่างใน สายลับจับบ้านเล็ก ที่คมกฤษสามารถพัฒนาให้มันเป็นหนังตลาดชั้นดีได้ เป็นหนังตลาดแบบขึ้นหิ้งเลย
นั่นก็คือ การวางคอมโพสของภาพ ทั้งมุมกล้อง การใช้สี และการตัดต่อ ซึ่งคมกฤษแอบแสดงให้เห็นไว้เป็นระยะอยู่บ้างใน สายลับจับบ้านเล็ก
คือ ถ้าคุณสังเกตให้ดี ๆ ดิฉันคิดว่าคมกฤษเขาตั้งใจที่จะวางคอมโพสของภาพ หรือจัดฉากให้มีลักษณะโดดเด่นในหลาย ๆ ตอน เช่น ตอนโอปอลล์เล่นน้ำ ซึ่งแม้ต้องการจะเน้นเพื่อให้ตลกโปกฮาลูกเดียว แต่ดิฉันว่ามันถึงมากนะคะ หรือการกำกับศิลป์และการใช้สีในฉากคู่ชีวิตสุวิมลและอดิสรณ์ (ดารณีนุช และสุเมธ)
หรือฉากเล็ก ๆ ที่น้ำปั่นไปบ้านพระเอก ทั้งสองนั่งคุยกันบนโซฟาในห้องนอนของจ็อกนั้น ดิฉันคิดว่ามันน่าสนใจอยู่ มันแสดงให้เห็นความผูกพันที่คนทั้งสองเริ่มมีต่อกัน โดยมีเราคนดูเป็นผู้สังเกตการณ์
แม้กระทั่งการตัดต่อ ซึ่งคมกฤษสามารถทำให้ฉับไว มากกว่าเรื่อง เพื่อนสนิท มาก
อีกจุดหนึ่งของหนังที่ดิฉันชอบมาก ก็คือการเสนอภาพนางเอก ที่ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ แต่เป็นเมียน้อย ที่เผอิญดำเนินไปในทางที่ผิดในช่วงหนึ่งของชีวิต นี่อาจจะเป็นหนังไทยเรื่องแรกในปัจจุบันที่นางเอกไม่ใช่สาวเวอร์จิ้น แม้คมกฤษจะไม่บอกออกมาชัดเจน เพราะคนดูอาจจะยังไม่ยอมรับ หรืออะไรก็แล้วแต่
แต่ความจริงของหนังเรื่องนี้ก็คือ นางเอกของหนังไม่ได้มีภาพอย่างอุดมคติอีกต่อไป
จุดเล็ก ๆ เหล่านี้ของหนัง ไม่ว่าจะเป็นการวางคอมโพสกล้อง การกำกับศิลป์ หรือภาพนางเอกที่เปลี่ยนไป พอทำให้ตัวเองดูหนังได้จนจบ และถ้าคมกฤษสามารถทำให้มันเป็นจุดเด่นและต่อเนื่อง มันคงจะทำให้ดิฉันสนุกกับหนังมากกว่านี้
และมันอาจจะเป็นลายเซ็นของคมกฤษในการทำหนังตลาดชั้นขึ้นหิ้งก็ว่าได้
|