คุณ บก. เธอกริ๊งกร๊างบอกให้ข้อยช่วยวิจารณ์หนังโหน่งเท่งมาหาเฮีย ตั้งแต่เท้าหล่อนเพิ่งจะเหยียบสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อหลายวันก่อน พร้อมสรุปเสร็จสรรพว่า "เธอต้องจ่ายค่าอ่านเว็บของฉันบ้างย่ะ" ข้อยล่ะแสนงง โลกนี้มีเก็บค่าแบบนี้ด้วยหรือ เอาก็เอา (วะ) แต่ข้อยก็บอกหล่อนว่า ห้ามตัดคำพูดอันห่าม ๆ โดยไม่ได้รับการอนุญาติิ หล่อนก็เออออห่อหมกตามทันที ได้เลย เว็บของฉันก็เป็นที่รู้กันเรื่องรักษาความตรงเผงย่ะ
ข้อยก็ตีตั๋วเข้าไปดู โหน่งเท่งมาหาเฮีย ด้วยความตั้งใจจริง หลังจากที่พาหลาน ๆ ไปดู Shrek 3 จากนั้นน้องสาวของข้อยก็พาหลาน ๆ ไปส่งบ้าน ข้อยก็เดินเข้าไปดูหนังพร้อมคาดหวังว่าจะหัวเราะเกิ๊กก๊าก แฮ็บปี้ สุขี ๆ
ข้อยเองก็ได้หัวเราะอยู่นะ แต่ดูคนอื่นหัวเราะเขามากกว่า ก่อนเข้าไปดู ข้อยเองก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า เอ้อ จะไม่หวังอะไรมากนักเรื่องพล็อต เพราะคุณ บก.เว้าให้ฟังไว้ตามประสาผู้ร่ำเรียนวิชาหนังมา "หนังแบบนี้เขาขายมุข เพราะฉะนั้นเธอควรเข้าใจ และอย่าไปหวังกับพวกเนื้อหามากนัก" เอ้า เข้าไปดูเฉพาะมุขก็ได้ แต่ข้อยก็ให้แสนสงสัยมาตะหงิด ๆ ถ้าจะดูมุขตลก ทำไมไม่ไปคาเฟ่ หรือดูหน้าจอทีวี ทำไมต้องมาดูในโรงหนังด้วย (วะ)
ถึงจะไม่พัฒนาพล็อต แต่ข้อยบ่เข้าใจทำไมเนื้อเรื่องมันมัวแต่วนเวียนซ้ำ ๆ กับความยากลำบากในการหิ้วตุ๊กตาตาแป๊ะไปให้อาเฮียเขา แรก ๆ รถก็วนเวียนมาจอดท่ารถ เพราะเท่งโหน่งหลับบนรถตลอด ต่อมาเพราะโหน่งเข้าใจผิดกลับมาที่บ่อนใหม่
อ้าว ไม่ได้อีก ก็ต้องโบกรถล่ะ แล้วความยากลำบากในการโบกรถให้ถึงบ้านอาเฮีย ก็มีอุปสรรคเยอะจริง (โว้ย) เดี๋ยวคุณเท่งอยากทำตัวเป็นฮีโร่ จะช่วยชาวบ้านร้านช่อง แต่ก็กลายเป็นทำบาปเสียมากกว่า โอ้ย หามุขอะไรแจ๋ว ๆ หน่อยได้ไหม
แถมมุขที่ได้ก็เพียงมาจาก เท่ง กับ โหน่ง เท่านั้น ข้อยสงสัยว่าเรื่องนี้เขามีการเขียนบทกันบ้างหรือเปล่า บางทีอาจจะมีแค่โครงเรื่อง เสร็จแล้วก็ให้เท่งกับโหน่งเธอเว้ามุขออกมาขณะถ่ายทำไปเลย เพราะฉะนั้นข้อยเองก็เลยหัวเราะแบบไม่เต็มที่เท่าไร ข้อยคิดว่าถ้าเขาแจกมุขให้นักแสดงคนอื่น ๆ บ้าง ข้อยก็คงหัวเราะได้สนุกสนานกว่านี้
ข้อยไปดู เก๋า เก๋า ข้อยก็ชอบใจอาแปะมาก ทั้งที่แกไม่ใช่ดาราสักหน่อย ข้อยคิดว่าคนเขียนบทเขาเตรียมไว้ตั้งแต่แรก แต่ เท่งโหน่งไม่ตั้งใจจริงที่จะแจกแจงบทให้คนอื่น
ข้อยลองเปรียบเทียบเรื่องนี้กับ โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง กับ หลวงพี่เท่ง ซึ่งมาตรฐานการทำงานอยู่ในระดับไล่เลี่ยกัน แต่ข้อยคิดว่าอย่างน้อย โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง ก็ได้แอบแฝงเรื่องการต่อสู้ระหว่างวัฒนธรรมเก่าอย่างลิเก และวัฒนธรรมใหม่อย่างหนัง แม้แต่ หลวงพี่เท่ง ก็ได้แสดงให้เห็น บทบาทความสำคัญของพระกับสังคมชนบท
แต่ เท่งโหน่ง มาหาเฮีย ไม่ยอมให้อะไรเช่นนี้ มีแต่การวนเวียนกับการไล่ล่า แล้วก็มาจบตรงที่เดิม มันแสดงไว้แต่ความซื่อบื้อของชาวบ้านที่ชื่อเท่ง และโหน่ง เพราะเปิ่น เพราะไม่รู้เรื่อง ถึงได้ทำอะไรพลาด ๆ แบบนี้ตลอด
อ้อ ข้อยเพิ่งนึกได้ หลังจากที่พยายามขุดคุ้ยความดีของหนัง อืม หนังพูดถึงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างเท่งกับโหน่งได้ดี ความรักเพื่อน และอะไรต่าง ๆ มากมาย แต่มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย ข้อยเองก็เลยรู้สึกเฉย ๆ พวกเราชาวบ้านรักกันมากกว่านี้อีก
สรุป ข้อยคิดว่า รออีกสักเดือน แล้วค่อยเช่าหนังเรื่องนี้มาดูก็ได้ขอรับ ข้อยเองก็จะไปทวงเงินค่าตั๋วจาก บก. ด้วยเช่นกัน
ข้อยเอง : อดีตบัณฑิตจากรั้วธรรมศาสตร์ผู้นี้ เป็นผู้หนึ่งที่สมควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่ง ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันสูงสุด ที่เธอสามารถคว้าเงินเดือนหลักแสนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่เธอตัดสินใจรับเงินเดือนอันน้อยนิด ทำงานเพื่อสังคม คลุกคลีกับชาวบ้านจนแทบตลอดชีวิต กินอยู่อย่างลำบากอย่างมิเคยบ่น และด้วยความเป็นคนติดดิน ใกล้ชิดกับชาวบ้าน บก.เห็นว่าเธอเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะเขียนวิจารณ์หนังเรื่องนี้ |