สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ์

 

25 สิงหาคม 2549

  อัญชลี ชัยวรพร
  ข้อมูลของหนัง พร้อมโปสเตอร์ แกลอรี่ ข่าว
   
 

 

          คิดวนไปวนมาอยู่หลายครั้ง ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะวิจารณ์หนังเรื่องนี้ดีหรือไม่ เพราะการเขียนวิจารณ์หนังเรื่องนี้้เป็นภาษาไทยมันยากอยู่เหมือนกัน อาจจะทำให้ไม่ชอบหน้ากันไปเลยก็ได้ ไม่งั้นก็ต้องเขียนกันแบบประนีประนอมมากเกินไป  แต่ทางผู้กำักับเป็นคนรุ่นใหม่ที่สายตากว้างขวาง และไม่หูเบา : )  คงรับฟังกันได้

          ความจริงแล้วอยากเขียนเป็นภาษาอังกฤษมากกว่า แต่เนื่องจากน้องแชมป์ … สรดิเทพ ไปดูหนังเหมือนกัน ซึ่งน้องเขาจองหน้าภาษาอังกฤษแบบถาวร  เราก็เลยมาเว้ากันเป็นภาษาไทยก็ได้

          ได้ดูหนังเรื่องนี้สองครั้ง ครั้งแรกเมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว เป็นดีวีดี ครั้งที่สองก็เมื่อวานซืนที่เพิ่งเปิดหนังรอบสื่อ

          ความรู้สึกแรกต่อหนังทั้งสองรอบก็คือ ผลงานของต้น – นิธิวัฒน์ ธราธร เรื่องนี้เป็นหนังที่ทำได้เนียนมาก  ไม่ค่อยเห็นรอยข่วน รอยสะดุด ไม่มีการปกปิดรอยรั่วเพราะดาราเด็กยังเล่นไม่แข็งอย่างที่เห็นใน แฟนฉัน ไม่ยาวยืดเกินไปเหมือนอย่าง เพื่อนสนิท Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำได้เนี๊ยบกว่าสองเรื่องนั้น

          “It’s well-made, but monotonous.”

          ขอดัดจริตใช้คำภาษาอังกฤษหน่อยเถิด เพราะสองคำนี้มันออกจากหัวโดยอัติโนมัติ ไม่มีระดับการเปลี่ยนแปลง   เป็นคำที่สรุปหนังเรื่องนี้ออกมาได้ดีที่สุด

          Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มีรายละเอียดเล็ก ๆ มุขเล็ก ๆ ที่ชวนให้หัวเราะ ซึ่งต้น – นิธิวัฒน์ใช้ทุกวิถีทางที่จะถ่ายทอดจุดแข็งของเขาในเรื่องนี้ได้อย่างดี ไม่ได้มีแต่เพียงบทเท่านั้น แต่ยังมีทั้งมุมกล้องและการตัดต่อ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการที่ป้อมตามหาลูกสาวของหมอประเสริฐ โดยตะโกนเรียกชื่อประเสริฐไปทั่ว โรงเรียน  แล้วทุกคนก็หยุดมามองเขาทั้งชายหญิงเหมือนกับว่าตัวเองชื่อประเสริฐทั้งหมดนั่น ภาพตัดต่อได้กระชับ  รับมุขของบทได้เป็นอย่างดี

          หรือในชั้นเรียนขณะที่อาจารย์กำลังทดสอบความจำของนักเรียนเรื่องคีย์โน้ต ผู้กำกับก็ใช้ทั้งมุมกล้องและให้นักเรียนทำหน้าอึดอัดที่ตอบไม่ได้ หรือมุขที่ให้น้องแจ็ค จาก แฟนฉัน เล่นเป็นเจ้าตัวแสบเป่าแซ็ก  กวนไม่ให้ป้อมพูดโทรศัพท์กับดาวได้

          หลาย ๆ ตอนอดทำให้เราอมยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่อ้อมมองมาเห็นป้อมช่วยเล่นฉาบให้ ขณะเธอเดินไปห้องน้ำ   ซาบซึ้ง ๆ

 

          ต้น … นิธิวัฒน์มาถูกทางแล้วในการสร้างจุดเล็ก ๆ อารมณ์เล็ก ๆ เหล่านี้ที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกดี เพราะนี่คือสิ่งที่เราเห็นในหนังฮิตหลาย ๆ เรื่อง

          แต่ปัญหาก็คือ หนังมันเรียบ ๆ มากเกินไป เบา ๆ   อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย  แต่แนวหนังกลับไม่กระโตกกระตาก เข้าทำนองเพลงบรรเลงตามสวนในอุทยานเล็ก ๆ ที่้อยู่ห่างไกลแม่น้ำ  ก็เลยไม่มีเสียงเรือหางยาวเข้ามากวนใจ ไม่ใช่สวนป่าที่อาจจะมีเสือสิงห์กระทิงแรดสร้างความน่ากลัว มีแต่เสียงนกจิ๊บจ๊าบ กับเสียงหยดน้ำกระทบใบไม้   สุขีแบบเย็น ๆ   พอจะนึกออกไหมคะ เพลงบรรเลงที่ขายในร้านบนห้างเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ จำชื่อร้านไม่ได้เสียด้วย

          ประเภทฟังแล้วรู้สึกเย็น ๆ ใจสงบ อาจจะไม่หลับ แต่ก็ต้องขยับตัวหลายครั้ง

          มันไม่มีจุดกระตุ้นให้ลุกขึ้นมาโมโห หรือครุ่นคิดว่าถ้าเราเป็นไข่ย้อย เราจะเลือกใครอย่างที่เห็นในหนัง เพื่อนสนิท   มันเรียบ ๆ คล้าย ๆ กับ แฟนฉัน แต่ แฟนฉัน มันเป็นประสบการณ์ร่วมของเราทุกคน  เราจึงรู้สึกดี ๆ ตามไปด้วย จนเกิดแรงกระตุ้นว่าเราเท่านั้นที่จะเลือกเก็บความทรงจำได้อย่างไร อย่างที่เคยรู้สึกจาก แฟนฉัน

          ว่าไปแล้ว ดิฉันรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันแค่แตะ ๆ อารมณ์เท่านั้น มันไม่ได้เร้าใจ ไม่อึดอัด ไม่เซ็ง มันมีแต่ความรู้สึกดี ๆ อมยิ้มนิดหนึ่ง หัวเราะสักหน่อย ดูจบแล้วสบายใจ นอนหลับ ฝันดี

        Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เป็นหนังแบบ feel good แล้วชีวิตก็ดำเนินต่อไป   เหมือนชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ในสังคม  นานเข้า ......เราอาจจะลืมหนังเรื่องนี้ไปได้ในที่สุดเช่นกัน

          โครงสร้างของหนังนั้นต้องการปฎิเสธรูปแบบหนังตลาดอย่างสิ้นเชิง  ผู้กำกับถึงได้คุมโทนของหนังไว้เช่นนี้   สังเกตุดูสิ ไม่มีผู้ร้าย ดูเรื่องนี้คิดว่าใครเป็นผู้ร้าย พ่อหรือ ดาวก็ไม่ใช่  อ้อ! หรือว่าอาจารย์ ไม่มีจ้า ไม่มี แต่เผอิญเนื้อเรื่องมันเป็นหนังแนวบันเทิง  มันก็เลยดูสวนทางกัน

          ดิฉันคิดว่า จุดที่ทำให้หนังมันดูไม่เต็มที่เพราะเนื้อเรื่องที่เรียบ ๆ กับการแสดงที่เพียงแค่สอบผ่านของป้อมกับดาว แต่ไม่เฮฟวี่แบบอ้อม ไม่นักเลงแบบเพื่อนวงดนตรี Assholy ของเขา

          จะเล่าฉากในหนังเรื่องหนึ่งที่มีวิธีการคล้ายกัน  แต่ตนเองประทับใจมากที่สุดจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งดิฉันยังจำได้แม่นโดยไม่ต้องย้อนกลับไปเปิดดู เป็นฉากจากหนังเกาหลีของเฮอจินโฮเรื่อง Christmas In August

          ฉากดังกล่าวพระเอกของเราซึ่งเป็นช่างถ่ายรูป เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก่อนหน้านั้นหนังก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าพระเอกของเราป่วยหนักอะไรเลย ไม่สบาย เขาก็เดินไปเข้าโรงพยาบาลพร้อมกับน้องสาวเฉย ๆ   อยู่โรงพยาบาล หน้าก็ไม่ซีด หรือร่างกายทรุดโทรมอะไร หายแล้วก็กลับบ้าน มาดูร้าน เช็คจดหมายเพราะปิดร้านไปนาน

          แล้วเขาก็ไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับถ่ายภาพ มองไปที่เลนส์ ยิ้มกับกล้อง   

          เห็นไหมล่ะคะ   แสนจะไม่มีอะไร   มาถ่ายให้ดูทำไมนี่    แค่คนมาดำเนินภารกิจประจำวัน  ไม่มีความตื่นเต้น

          แต่ฉากต่อมานี่สิเด็ด  ดิสโซลพ์มาที่ภาพเดียวกันนั้นแหล่ะ   แต่คราวนี้มันติดอยู่หน้าหลุมฝังศพ!  พระเอกตายแล้ว   แม้แต่วิธีการบอกความตาย  ก็จืดชืด

          แค่เพียงการเลือนภาพเท่านั้น มันทำให้อารมณ์ของคนดูทะลักออกมา ทั้งที่ไม่มีการเปิดเพลงเศร้า ไม่มีใครมาร้องไห้

          เพราะอะไรค่ะ ก็เพราะบทที่สร้างมาตลอดตั้งแต่ต้นเรื่อง เรียบ ๆ ไม่กระโตกกระตาก แต่มั่นคงด้วยการแสดงของฮันซกโก   แหมจำได้อีกแน่ะแม้แต่พระเอกชื่อดังของเกาหลี วิธีการที่ราบเรียบเช่นนั้น มันทำให้อารมณ์คนดูทะลักเมื่อความจริงมาเปิดเผยในตอนสุดท้าย และมันอธิบายถึงสิ่งที่ดูเหมือนเป็นเพียงแค่ชีวิตประจำวันก่อนหน้านั้นทั้งหมด

          ดิฉันคิดว่า ต้น นิธิวัฒน์เขามีแววที่จะทำหนังเนียน ๆ เรียบ ๆ  แล้วก็มาเฉลยตอนจบ  จนอารมณ์ทะลักเช่นนี้ได้  เพียงแต่จะต้องได้เรื่องที่แข็งแรงกว่านี้ กับนักแสดงที่เก่งมาก ๆ  

          เมื่อดูหนังจบ  ดิฉันหันไปดูหนุ่มน้อย (กว่า) สองคนข้าง ๆ  คนหนึ่งเป็นหนุ่มไทยผมดำชื่อแชมป์   อีกคนเป็นหนุ่มตาน้ำข้าว ชื่อแปลว่า "ปล้น" (Rob)

          “ชอบไหม ”

          “ผมค่อนข้างชอบนะ ” เสียงตอบภาษาไทยชัดเจนจากหนุ่มแชมป์

          “I quite enjoyed it. ” หนุ่มเจ้าของชื่อเก๋ไก๋  แต่ตัวจริงเรียบร้อยและเงียบเชียบ

          ดิฉันหัวเราะ อืม   เ้ผอิญอิฉันเป็นคนประเภทเฮฟวี่เมทัล   ที่ยังชอบแบกเป้ตะลุยเที่ยวอยู่  ก็เลยชอบหนังที่ดูนิ่ง ๆ ภายนอก   แต่เต็มไปด้วยพลังและไฟอยู่ข้างใน   จะได้แบกเป้ต่อไป   ว้าว! ดูไปแล้วเหมือนใครกันนี่   

          B + ค่ะสำหรับความเนียนและมุขเล็ก ๆ ของหนัง และน่าจะติดอันดับหนังดีประจำปีนี้ได้อย่างไม่ยากลำบากนัก

 

.........................................................

 

           แฟนประจำ เริ่มคิดมาก   จะไปไหนอีกหรือนี่   ไม่ไปไหนหรอกค่ะ กลัวคิดถึง (ฮา)   เปิดเว็บเข้ามาวันละหลายครั้ง   จนเรตติ้งพุ่งสูงปี๊ดเลย     เดี๋ยวจะให้รางวัลพาไปแบกเป้ด้วยกัน  ชีวิตนี้จะได้เปิดกว้าง   ไม่หมกมุ่น   ว้าว!

          

 

 

 

 

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.