เรื่องราวที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ได้มีการพิจารณาไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง และได้ปรึกษาเพื่อนสนิทของธนนท์ สัตตะรุจาวงษ์ รวมทั้งเพื่อน ๆ ของดิฉันในวงการ ก่อนที่จะตัดสินใจรายงานเรื่องนี้ เพราะดิฉันไม่อยากให้ใครไปรบกวน ธนนท์ สัตตะรุจาวงษ์ ในโลกใหม่ของเขา
ธนนท์ สัตตะรุจาวงษ์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง ผู้กำกับภาพยอดเยี่ยมของรางวัลสุพรรณหงส์ และชมรมวิจารณ์บันเทิง ตัดสินใจเข้าสู่่โลกสมณเพศตลอดชีวิต ตั้งแต่กลางปี 2552
นี่คงจะเป็นเรื่องธรรมดา ถ้า ธนนท์ อายุ 40 - 50 ปีไปแล้ว แต่ธนนท์ในวัียเพียงสามสิบต้น ๆ ยังมีอนาคตอีกยาวไกล โดยเฉพาะความจริงที่ว่า ธนนท์ เป็นเด็กเก่งที่ได้รับทุนอานันทมหิดล ไปเรียนหนังจนจบปริญญาโทด้านภาพยนตร์ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค หรือ NYU ที่ใครต่อใครต่างใฝ่ฝัน
ธนนท์ เพิ่งทำงานในวงการภาพยนตร์และโฆษณาเพียงไม่กี่ปี หลังจากที่เขาเรียนจบปริญญาโท มีผลงานโดดเด่นในเรื่องถ่ายภาพ ซึ่งเป็นความสนใจของเขามาตั้งแต่เด็ก เขาเคยถ่ายภาพหนังสั้นที่โดดเด่นหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เหมือนเคย ของศิวโรจน์ คงสกุล หรือ Total Bangkok ของเป็นเอก รัตนเรือง รวมทั้งผลงานเรื่อง "ความสุขของกะทิ" และมีบทหนังที่เขาอยากทำเรื่อง "การเดินทางสู่ภาคใต้"
ทางสำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ก็ถามถึงเขาและบทหนังเรื่องนี้ เมื่อมีการประกาศ "ทุนหนังไทย" เมื่อเดือนที่แล้ว
เขาเป็นหนึ่งในอินดี้ที่น่าจับตามองในสายตาของเรา จากบทความที่เคยตีพิมพ์เมื่อปี 2550 และยังมีอนาคตอีกยาวไกลในฐานะผู้กำกัับหนังด้วยซ้ำ
ก่อนที่เขาจะเลือกบวชตลอดชีวิต เขาเป็นอาจารย์ประจำที่คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ธนนท์ ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ แต่เขาเลือกบวช เพราะมีความสนใจในพระธรรมและศรัทธาต่อศาสนาพุทธจริง ๆ เพราะแม้แต่ผลงานวิทยานิพนธ์ที่เขาเลือกทำเพื่อจะจบจาก NYU นั้น ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระ
อุปสมบท ภาพยนตร์วิทยานิพนธ์ของเขาได้รับรางวัล Best Film และ Best Director จากเทศกาล First Run Film ปี 2004 และได้รับเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์หลายประเทศ หนังเล่าเรื่องราวของเรย์ ฝรั่งที่อยากบวชเป็นพระ แต่กระเป๋าถูกขโมยเสียก่อน เขาตามหากระเป๋า จนพบหัวขโมยตัวน้อยนอนอยู่ใต้สะพาน เรย์ได้เรียนรู้เรื่องธรรมะนอกขอบรั้วใบเสมา ธนนท์ในฐานะผู้กำกับ ตั้งคำถามกับสังคมเกี่ยวกับพิธีกรรมบางอย่างทางศาสนา และความหมายที่แท้จริงของคำว่าเมตตา
ขนาดตัวดิฉันเอง ซึ่งค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ื .... เรื่องราวของแม่ชีที่เชียงใหม่รูปหนึ่ง เคยเรียนจบฮาร์วาร์ด พระหมอที่เป็นเด็กเตรียมอุดมเก่า และเรียนจบแพทย์ ก็ออกบวชตลอดชีพที่สวนโมกข์ ยังไม่รวมถึงพระในโรงปั้นที่ี่สวนโมกข์ เคยเป็นอาร์ทไดเร็คเตอร์ให้กับหนัง โหมโรง และ เพื่อนสนิท
ดิฉันคิดเรื่องนี้เป็นวัน ๆ แถมยังโทรศัพท์ไปถามเพื่อนที่เป็นอาจารย์ที่ธรรมศาสตร์ด้วย ก่อนที่สติจะคืนมา และเริ่มมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฐานะคนธรรมดา ไม่ใช่คนในวงการหนัง
ถ้าเรามองเรื่องนี้ในสายตาของคนวงการหนัง เราก็จะเกิดความเห็นแก่ตัว เสียดายฝีมือ เสียดายความสามารถของเขา เพราะเรายังไม่ได้ "ถลุง" ตัวของเขาในโลกของหนังเท่าที่ควร
แต่ถ้ามองในแง่ของโลก ธนนท์ ได้เลือกหนทางที่ดีที่สุดต่อชีวิตของเขาและผู้อื่น คนปัญญาดีอย่างเขาจะสร้างประโยชน์ต่อศาสนา ต่อเพื่อนมนุษย์ ได้มากกว่าที่เขาจะอยู่ในวงการหนัง
และขณะที่เรากำลังวิ่งวนจมตัวเองกับการแก่งแย่งชิงดีกัน กับความไม่ซื่อสัตย์ของคนดัง ฆ่าได้แม้กระทั่งเพื่อน และตนเองก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ จนบางครั้งดิฉันงง ๆ กับ การ "ทำชั่ว ได้ดี" ของวงการหนัง
ธนนท์หรือพระธนนท์ มุ่งหน้าสู่สันติธรรม
เราต่างหากที่ผิดปรกติ
ขณะนี้ พระธนนท์ บวชอยู่ในวัดป่าทางแถบภาคอีสาน เป็นวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยของสงฆ์ และไม่ค่อยจะบวชให้ใครนัก
ขออนุโมทนากับการตัดสินใจของ ธนนท์ และก่อนจากกัน ขอทิ้งท้ายแบบทางโลก "อย่าลืมซื้อดีวีดี "ความสุขของกะทิ" มาเก็บไว้ (ฮา)" |