เปิดโมเดลการตลาดธุรกิจภาพยนตร์ไทยปี 2553 โอเรียนทัล อายส์ เตรียมชูนโยบาย Out Side In เผยแนวหนัง คิดนอกกรอบ ด้วยปริมาณการผลิตภาพยนตร์ 3 เรื่องต่อปี เน้นหนังคุณภาพสร้างกระแส เนื้อหาหลากแนว ทั้ง ผี-แอ็คชั่น-มหากาพย์ภาพยนตร์
นายวัชรินทร์ สุทธิประภา กรรมการผู้จัดการและผู้บริหารงานสร้าง บริษัท โอเรียนทัล อายส์ จำกัด เปิดแถลงข่าวในพิธีเซ็นสัญญาจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทย 2 เรื่องของบริษัท โอเรียนทัล อายส์ จำกัด กับ บริษัท ภาพยนตร์ โคลัมเบีย ไทรสตาร์ บัวนา วิสต้า (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมแถลงนโยบายการวางแผนการสร้างและการตลาดภาพยนตร์ของบริษัทฯ
หลังจากส่งผลงานภาพยนตร์แนวดราม่าเรื่องแรก หนึ่งใจเดียวกัน ของค่าย โอเรียนทัล อายส์ เข้าฉายเมื่อปลายปี 2551 จนประสบความสำเร็จทั้งในประเทศไทย และได้รับเสียงตอบรับชื่นชมจากต่างประเทศ ล่าสุด โอเรียนทัล อายส์ เตรียมแผนที่จะผลิตภาพยนตร์ไทยออกสู่ตลาดภาพยนตร์ในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในปี 2553
...ตอนนี้โปรเจคท์ภาพยนตร์ที่ทางโอเรียนทัล อายส์ เตรียมไว้มี 3 เรื่อง ได้แก่ ภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง 9 วัด ส่วนอีก 2 เรื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมงานการถ่ายทำ ได้แก่ มาย เบสท์ บอดี้การ์ด เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น-ดราม่า และ พระนางจามเทวี เป็นภาพยนตร์แนวมหากาพย์ หรือ Epic ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่ได้รับพระกรุณาแสดงนำโดย ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี นอกจากนั้น ยังมีโปรเจคท์ภาพยนตร์อีก 1 เรื่อง เป็นภาพยนตร์ร่วมทุนสร้างกับต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องบทภาพยนตร์และนักแสดง นายวัชรินทร์ กล่าว
สำหรับนโยบายการผลิตภาพยนตร์ของ โอเรียนทัล อายส์ จะสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์และ ผสมผสานสไตล์ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความต้องการของผู้ชม ภาพยนตร์ที่ผลิตจึงเป็นภาพยนตร์ที่ตลาดและคนดูอยากดูด้วย มีความร่วมสมัย ไอเดียนำเสนอแปลกใหม่ มีความเป็นศิลปะสูง หรืออีกนัยหนึ่ง คือ เป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุก โปรดั๊กชั่นดี อาร์ตไดเร็กชั่นสวย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคอหนังไทย
ชาคริต แย้มนาม และผู้กำกับ My Best Bodyguard
นอกจากนั้น ภายใต้นโยบายการตลาด Out Side In คือการส่งทีมการตลาดไปยังผู้ชมเพื่อเก็บข้อมูลความต้องการที่แท้จริงของคนดูว่าต้องการชมภาพยนตร์แบบไหน ก่อนจะส่งข้อมูลให้ทางทีมโปรดั๊กชั่นตีโจทย์ความต้องการนั้น ขณะเดียวกันประสบการณ์ที่ได้รับจากการนำภาพยนตร์ไปฉายในต่างประเทศ ทำให้มีโอกาสศึกษาตลาดภาพยนตร์ต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะภาพยนตร์แนวสยองขวัญเป็นตลาดที่ยังเปิดกว้างและมีคอหนังกลุ่มใหญ่ที่เหนียวแน่นมาก
ทั้งนี้ บริษัท โอเรียนทัล อายส์ ตั้งเป้าว่าปีหนึ่งจะผลิตภาพยนตร์ป้อนสู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 3 เรื่อง ส่วนงบประมาณการผลิตจะเป็นภาพรวมใน 1 ปี ซึ่งพิจารณาจากหน้าหนัง บทภาพยนตร์ นักแสดง และทีมงาน รวมไปถึงแผนการตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาพยนตร์แต่ละเรื่อง โดยตัวเลขการลงทุนในปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท และบริษัท ฯ ยังได้เซ็นสัญญากับทาง บริษัท ภาพยนตร์ โคลัมเบีย ไทรสตาร์ บัวนา วิสต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้ถือสิทธิ์จัดจำหน่ายภาพยนตร์ให้ในประเทศไทยอีกด้วย
ด้าน นายรชต ธีระบุตร กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท ภาพยนตร์ โคลัมเบีย ไทรสตาร์ บัวนา วิสต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซีทีบีวี ค่ายผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ในสังกัด โซนี่ พิคเจอร์ส และวอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอ โมชั่น พิคเจอร์ส เผยถึงความพร้อมในฐานะผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทย 2 เรื่อง ได้แก่ 9 วัด และ มาย เบสท์บอดี้การ์ด ว่า ...ทางค่ายซีทีบีวีเล็งเห็นถึงความตั้งใจจริง และศักยภาพของบริษัท โอเรียนทัล อายส์ จำกัด ที่จะผลิตหนังไทยคุณภาพออกมาป้อนตลาดภาพยนตร์ จึงอยากมีส่วนร่วมในการช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทยให้มีความเป็นสากลมากขึ้น...
นายรชต ยังกล่าวเสริมว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมีการพัฒนามากขึ้นในด้านของการใช้เทคโนโลยี คุณภาพในการผลิต การใช้งบประมาณการลงทุนที่มากขึ้น และที่สำคัญคือเนื้อหาภาพยนตร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความเป็นสากล เห็นถึงการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมต่างชาติให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีในภาพยนตร์ ดังนั้น โอเรียนทัล อายส์ เป็นอีกหนึ่งสตูดิโอผลิตภาพยนตร์น้องใหม่ที่เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยกันพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผลิตผลงานคุณภาพออกสู่ตลาดภาพยนตร์ในประเทศไทยและต่างประเทศที่ยังมีช่องทางในการเติบโตอีกมาก
พระเอก 9 วัด
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง 9 วัด และ มาย เบสท์ บอดี้การ์ด มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ในช่วงต้นปี 2010
|