หลังจากเป็นเรื่องถกเถียงมากกว่าหนึ่งปีเต็ม ในที่สุด เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับมือรางวัลจากนานาชาติ ก็ตัดสินใจนำภาพยนตร์เรื่องแสงศตวรรษ ผลงานที่ติดอันดับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากหลายโพลทั่วโลกเมื่อปีที่แล้ว เข้ารับการตรวจพิจารณาจากคณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์อีกครั้ง ซึ่งผลปรากฏว่า จากเดิมที่คณะกรรมการฯ มีคำสั่งให้ตัดฉาก 4 ฉาก ออกจากภาพยนตร์ คราวนี้ ทางคณะกรรมการฯ สั่งให้ตัดเพิ่มอีก 2 ฉาก ซึ่งทางคุณอภิชาติพงศ์ก็รับมติคณะกรรมการฯ ที่ให้ตัดฉากทั้ง 6 ฉากออกจากภาพยนตร์ และจะใส่ฟิล์มดำที่มีรอยขูดขีดแทนในฉากที่หายไป
จากการสอบถามไปยังอภิชาติพงศ์ ก็ได้รับคำอธิบายว่า ผมอยากกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึง ปัญหาการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ในบ้านเรา โดยเฉพาะในช่วงนี้ จะเริ่มมีการนำ พรบ.ภาพยนตร์ ฉบับใหม่ออกมาใช้แล้ว ซึ่งพรบ.ฉบับใหม่นี้ แม้จะมีการจัดเรตติ้ง แต่ก็ยังให้อำนาจคณะกรรมการฯ ในการสั่งเซ็นเซอร์หรือแบนภาพยนตร์อยู่ดี การที่ผมตัดสินใจใส่ฟิล์มดำที่เป็นรอยขูดขีดลงไปในหนังแทนฉากที่ถูกเซ็นเซอร์นั้น ก็เพื่อจะให้คนดูได้รู้สึกถึงความมืดที่มีเส้นสายของการทำลาย พร้อมทั้งความเงียบ ซึ่งแน่นอนว่าปริ๊นต์หนังฉบับนี้จะเป็นปริ๊นต์เดียวในโลก เป็นการบอกว่า ถ้าระบบเซ็นเซอร์ยังอยู่ เราก็ต้องดูหนังกันแบบนี้แหละ ซึ่งผมก็หวังให้เกิดการพูดคุยในสังคมวงกว้างเกี่ยวกับสิทธิ์ของผู้สร้างและผู้เสพงานด้วย ผู้กำกับกล่าวสรุป
โดยภาพยนตร์แสงศตวรรษ เวอร์ชั่นที่หาชมได้ที่ประเทศไทยที่เดียวเท่านั้น หรือ Thailands edition จะเริ่มฉายวันพฤหัสบดีที่ 10 เม.ย. นี้ ณ โรงภาพยนตร์สยามพารากอน แห่งเดียว และ ผู้ซื้อตั๋วจะได้รับโปสการ์ดพิเศษ Collectors item นอกจากนี้ บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์จะมีการจัดบอร์ดนิทรรศการการเดินทางของภาพยนตร์เรื่อง แสงศตวรรษ และขั้นตอนการพิจารณาภาพยนตร์ในประเทศไทย โดยรายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิหนังไทยฯ เพื่อการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของผู้สร้างและผู้ชมภาพยนตร์ในประเทศไทย ต่อไป
งานนี้ผู้ที่สนใจร่วมชมและรับรู้อรรถรสในการดูหนังแบบพิเศษห้ามพลาด และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaifilm.com และเช็ครอบฉายได้ที่ โรงภาพยนตร์สยามพารากอน |