งานประกาศผลของชมรมวิจารณ์บันเทิง แตกต่างเป็นหน้ามือและหลังมือกับงานสุพรรณหงส์ เพราะมักจะจัดงานเล็กๆ และเรียบๆ เสมอ ดูอบอุ่นเป็นกันเองอยู่เสมอ เมื่อก่อนประมาณหลายปีได้ก็เคยมีการบันทึกเทปแล้วนำมาออกสถานีโทรทัศน์ แต่หลังๆ อาจจะด้วยเหตุที่งบประมาณน้อย ก็เลยเหลือแต่การจัดงานอย่างเดียวเฉยๆ สำหรับการประกาศผลประจำปี 2550 ทางผู้จัดได้เลือกเอาวันที่ 5 มีนาคม 2551 เป็นวันประกาศผล และจัดกันที่โรงแรมมิราเคล แกรนท์ หลักสี่ ซึ่งทำเอาผมตื่นเต้นมาก เพราะหลักสี่เป็นดังดาวอังคารสำหรับผม
อาจารย์กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน เคยเล่าให้ฟังว่า งานของชมรมวิจารณ์ดูสบายกว่าและทางการน้อยกว่างานสุพรรณหงส์ ไม่มีการเดินพรมแดงให้วุ่นวายอะไร (แต่ว่าก็มีดารามาร่วมงานด้วยน้อยมาก) ก่อนจะเริ่มงานเล่าผู้กำกับก็จับกลุ่มคุยตามจุดต่างๆ อย่างออกรส
ช่วงนี้คนที่สื่อให้ความสนใจมากที่สุด กลับเป็นพี่อุ๋ย นนทรีย์ ที่ปีนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนังเรื่องไหนเลย แต่สื่อไม่ว่าทีวีหนังสือพิมพ์ต่างรุมสัมภาษณ์ไม่หยุดหย่อน เมื่อเวลาผ่านไป ดาราก็ค่อยๆ ทยอยกันมา แอบเซ็งเล็กน้อยเมื่อไปยืนฟังนักข่าวสัมภาษณ์คุณสินจัยเรื่องลูกชายของเธอมีกิ๊ก
|
สปิริตดี อุ๋ย นนทรีย์ มาร่วมงาน แม้จะไม่มีหนังเข้าชิง |
|
ทีมจีทีเอช |
|
ทีมอาร์เอส |
|
ทีมรักแห่งสยาม |
คุณประวิทย์ แต่งอักษร หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน เล่าให้ฟังว่ากว่าจะได้ผลรางวัลมาก็ผ่านการถกเถียงกันอย่างดุเดือด มากกว่าทุกสถาบันเพราะว่ากรรมการทุกคนรู้จักกัน ไม่ต้องเกรงใจกันและแสดงความคิดเห็นได้ตรงไปตรงมามากกว่า ส่วนสถาบันอื่นอาจจะรักษามารยาททางสังคมพอสมควร ซึ่งเป็นบุคลิกที่ต่างไปของแต่ล่ะรางวัล
นอกจากนี้ คุณประวิทย์ยังอธิบายถึงการทำงานของชมรมวิจารณ์บันเทิงว่า มีลักษณะพิเศษกว่าที่อื่นตรงที่ คณะกรรมการเป็นกลุ่มเดิมมาตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าผมจำไม่ผิดตั้งแต่ พ.ศ. 2533 เนี่ย ผมคิดว่าจนถึงตอนนี้คนที่ร่วมตัดสินมาตั้งแต่ตอนนั้นน่าจะมีสัก 70% น่ะ มันก็เป็นรสนิยมของคนกลุ่มเดิมที่มีมาตลอดเวลา เกณฑ์การตัดสินก็คล้ายคลึงกันใช้บรรทัดฐานทางศิลปะของแต่ล่ะสาขาเป็นตัวพิจารณา เช่น สาขาดนตรีประกอบก็ดูว่ามันมีบทบาทอย่างไรต่อการเล่าเรื่อง แต่ข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นก็คือว่า รางวัลของชมรมฯ เนี่ย ผมคิดว่าเขาจำกัดไว้ 11 รางวัลก็คือเท่าที่ศักยภาพของคนดูหนังคนหนึ่ง จะสามารถตัดสินได้หรือประเมินคุณค่าได้ สังเกตุได้ว่าเราจะไม่ล่วงไปที่เอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม หรือบันทึกเสียงซึ่งผมเห็นว่ามันเป็นงานเทคนิคเคิลเกินไป ตัดสินแค่ในแง่ศิลปะ ที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์แต่ล่ะคนว่ามีพื้นฐานแค่ไหน ซึ่งข้อได้เปรียบของชมรมฯ คือเกือบทุกคนเป็นนักวิจารณ์ คลุกคลีกับการดูหนังอยู่แล้ว มันไม่ใช่เป็นฤดูกาลที่มาตัดสินน่ะ ก็วิเคราะห์วิจารณ์ประเมินคุณค่าอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร
|
คงเป็นสถานที่เดียวที่แฟน ๆ จะขอลายเซ็นดาราได้ |
|
ยิ้มหวานครับ ก็เลยขอรูปใหญ่กว่าปรกติ |
ตัดมาที่บรรยากาศภายในงาน ข้อแตกต่างอีกอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แฟนคลับสามารถมาถ่ายรูปมาริโอ้หรือพิชได้โดยไม่ลำบากอะไร สองพระเอกของ รักแห่งสยาม ก็ดูจะยิ้มแย้มต้อนรับแฟนคลับเป็นอย่างดี อีกด้านนึง ป๋าเทพ,ซูโม่กิ๊ก,คุณเรียว ผู้กำกับ เมล์นรก หมวยยกล้อ ก็เมาท์กันเพลินกับคุณสนานจิตต์ บางสะพาน โดยสักพักหนึ่งก็มีคุณจินตรา สุขพัฒน์มาร่วมวงด้วย
ในที่สุดการประกาศผลก็เริ่มตอนบ่ายสามโดยสามพิธีกร คุณทศพล,คุณวิชัยและคุณคมสัน โดยคุณทศพลประเดิมด้วยการนั่งคุกเข่ากราบพื้นเวที เลียนแบบใครบางคนที่ไปอยู่เมืองนอกมาพักใหญ่ ทั้งสามคนก็ช่วยกันปล่อยมุขฮาบ้างไม่ฮาบ้าง ส่วนการประกาศผลก็เป็นไปอย่างรวดเร็วไม่น่าเบื่อ ไม่มีการแสดงประกอบเพลงประหลาดๆ ออกมาให้เห็น จะมีก็แต่แซวและหยอกผู้รับและผู้เชิญรางวัล อย่างเช่นเจ้าตัวเล็ก นักแสดงจากเรื่อง ดรีมทีม ฮีโร่ฟันน้ำนม ที่เชิญรางวัลด้วยสีหน้าตื่นเต้นให้พวกพี่บนเวทีได้หยอกว่า นี่ตื่นเต้นยิ่งกว่าคนได้รางวัลเสียอีก หรือทราย เจริญปุระที่ไปรับรางวัล HBO ให้หนัง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชฯ ที่หยุดคุยกับคุณทศพลบนเวที จนโดนแซวว่าคุณทศขอเบอร์คุณทราย
แต่ใช่ว่าจะมีแต่อะไรดีๆ นะครับ หลังคุณอัครารับรางวัล ก็จะมีการถ่ายรูป นักข่าวดูเหมือนจะส่งเสียง มองกล้องทางนี้ครับ ขอกล้องนี้ด้วยค่ะ เยอะและดังไปหน่อย ขณะที่บนเวที คุณนพพล โกมารชุนกำลังประกาศรางวัลเกียรติยศ พี่นก สินจัยถึงกับต้องจุ๊ปากให้ทุกคนเบาลง ก่อนที่คุณสนานจิตต์จะมาพาเหล่านักข่าวย้ายมุมถ่าย เรื่องแบบนี้นักข่าวควรจะระวังให้มาก
|
จุ๊ ๆ |
ผลตอบรับรางวัลทุกรางวัลก็กิ๊วก๊าวกันทั่วหน้า ตั้งแต่ประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงยังประกาศผล เพราะทุกคนรู้ดีว่าผลรางวัลของที่นี่เชื่อถือได้ อย่างน้อยก็มีการอธิบายว่าบทภาพยนตร์แต่ล่ะเรื่องเข้าชิงได้เพราะอะไร แต่ที่มีเสียงเชียร์มากที่สุดหนีไม่พ้นไชยากับรักแห่งสยาม และมีเสียงกรี๊ดดีใจด้วยความเซอร์ไพร์สเล็กๆ กับ Final score แต่เชื่อได้แน่ครับว่าคงไม่มีใครนินทากับผลรางวัลหลังงานจบแน่ๆ
สำหรับผลรางวัลทั้งหมด ตรงนี้ได้เลยครับ
รวมรางวัลทั้งสิ้น 11 รางวัล แต่รางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม มีหนังได้รางวัล 2 เรื่อง
รักแห่งสยาม ได้ 6 รางวัล
ไชยา ได้ 4 รางวัล
พลอย และ Final Score ได้เพียงเรื่องละ 1 รางวัล
สหมงคลฟิลม์ ได้ 6 รางวัล จากเรื่อง รักแห่งสยาม
ไฟว์สตาร์ ได้ 5 รางวัลจากเรื่อง ไชยา และ พลอย
จีทีเอช ได้ 1 รางวัล จาก Final Score
|
ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
รักแห่งสยาม โดย สหมงคลฟิล์ม
ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล จาก รักแห่งสยาม
ผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม
อัครา อมาตยกุล จาก ไชยา
ผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
สินจัย เปล่งพานิช จาก รักแห่งสยาม
|
ผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
สนธยา ชิตมณี จาก ไชยา
ผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ จาก รักแห่งสยาม
บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
รักแห่งสยาม ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
กำกับภาพยอดเยี่ยม
พลอย ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์ พลอย เคยได้รับรางวัลเดียวกันนี้ที่เทศกาลหนังคืนเดือนมืด อ่านได้ที่นี่
ลำดับภาพยอดเยี่ยม
Final Score 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ - ชาติชาย เกษนัส, สราณี วงศ์พันธ์
ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ได้ 2 เรื่อง
ไจแอนท์ เวฟ จาก ไชยา และ กิตติ เครือมณี - รักแห่งสยาม
กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม
ไชยา - ณัฐนิธิ เศรษฐการวิจิตร
รางวัลเกียรติคุณแห่งความสำเร็จ (Lifetime Achievement Award) ได้แก่ อดุลย์ ดุลยรัตน์
รางวัล HBO Award สำหรับภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดในรอบปีได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคองค์ประกันหงสา ของพร้อมมิตรภาพยนตร์
|