สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

สองเทศกาล กับ ทวารยังหวานอยู่ Stockholm & Oslo

  27 พฤศจิกายน 2548
 

“ พิงค์” ทวารยังหวานอยู่

   
 
 

          นี่ก็เป็นเทศกาลที่สองและที่สามของ “ ทวารยังหวานอยู่” ครับที่ได้รับเกียรติ ได้รับเลือกเข้าไปอยู่ในเทศกาลหนังของสองเมืองสองประเทศ ในเวลาพร้อม ๆ กัน คือ

          16 th Stockholm International Film Festival ( Sweden ) มีหนังทั้งหมดประมาณ 160 เรื่อง

          15 th Oslo Internaitonal Film Festival ( Norway ) มีหนังในเทศกาลประมาณ 100 เรื่อง

          ซึ่งทั้งสองเทศกาล...ครั้งนี้ ปีนี้มีหนังไทยไปร่วมเทศกาลเพียงเรื่องเดียวครับ ? ผมเลยต้องไปร่วมงานเพราะรู้สึกเองครับว่า...เราเป็นตัวแทนของหนังไทย คนไทย ประเทศไทย

16 th Stockholm International Film Festival

          ผมเดินทางไปถึงเช้าวันเสาร์ที่ 19 พฤจิกายน 2548 ที่เมือง Stockholm เป็นที่แรกก่อน เพราะที่นี่หนังผมได้ฉายอยู่ในหมวด Twilight zone ในวันที่ 19 – 21 – 25 Nov. เวลาฉายก็ประมาณ 21.40 ครับสิ่งที่ได้สัมผัสหรือเรียกกันว่า First impression นั้นมันช่างหนาวกระไร  ป่านนี้มีหิมะตกเป็นวันแรกด้วยในวันที่ผมไปถึงและก็เป็นครั้งแรกของผมด้วยครับที่ได้เจอกับหิมะ (วิเศษจริง ๆ) ผู้คนชาวสวีเดนส่วนใหญ่มักจะพูดภาษาสวีดิชกันไม่นิยมพูดภาษาอังกฤ ษกันสักเท่าไหร่ ? แต่...ก็พูดภาษาอังกฤษกันได้ คณะกรรมการจัดงานและสถานที่ลงทะเบียนของ Festival นี้ดูเล็ก ๆ กะทัดรัดดี คือว่าออฟฟิศในการลงทะเบียน Guest – Sale – Press ทั้งหมดนั้นอยู่ในโรงแรมเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ซึ่งแตกต่างจากที่โตรอนโตเป็นอย่างมาก (ที่โตรอนโตใหญ่โต เป็นระบบมากกว่า)

          วันแรกของการฉายหนังใน Stockholm นั้นผมตื่นเต้นพอควร (แต่ไม่มากเท่าครั้งแรกในโตรอนโต คงเป็นเพราะชินแล้วครับ) ที่ตื่นเต้นก็เพราะว่าต้องกล่าว Speech Introduction หนังก่อนที่จะฉายผมเลยตั้งใจฝึกฝนพูดเป็นภาษาสวีดิชซะเลย เพราะคิดว่าการที่คนต่างชาติไม่ว่าชาติไหน ? ก็ตามถ้าสามารถพูดภาษาประเทศนั้น ๆ ได้คนประเทศนั้นก็จะรักใคร่ ? เหมือนกับที่ฝรั่งเวลามาเมืองไทยแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ (ค่ะ)” หรือ “ขอบคุณครับ (ค่ะ)” ผมรักตายเลย....ก็เลยฝึกภาษาสวีดิชอยู่ก่อนหนังฉาย โดยได้พี่ ๆ คนไทยในสวีเดนคอยช่วยเหลือสอนภาษาให้...สรุปว่าได้ผลครับเพียงประโยคแรก “เห๋ อาลฮี ฮุปป่า” (ความหมาย สวัสดีทุก ๆ คน) คนสวีเดนในโรงหนังฮากันตรึมพร้อมกับปรบมือดัง ๆ ให้กับผม (ใช้ได้แฮ่ะ ? มุกนี้) ผมก็ได้ใจซัดต่อเลย “แวลโคมน่า” (ความหมาย ยินดีต้อนรับ).....คราวนี้ผมก็ร่ายยาวอีกสองสามประโยค โดยบอกว่า ขอบคุณที่มาดูหนังไทย ถ้าชอบอย่าลืมหัวเราะดัง ๆ นะ แล้ว ? อย่าลืมมาเที่ยวเมืองไทย นะครับ....พูดจบก็ได้รับเสียงปรบมือผสมเสียงหัวเรา ฮาลั่น จากชาวสวีเดน (ถือว่าได้ใจไปแล้วครับ)

 

        

 

  การดูหนังของประเทศนี้ ผมว่าแตกต่างจากที่โตรอนโตของแคนาดานะครับ...ที่นี่ก็หัวเราะกัน แต่ ? ไม่ฮาขี้แตก ขี้แตน บ้าคลั่งอย่างกับโตรอนโต จบจากการฉายวันแรก...ยังไม่มี Q&A ถามตอบครับทางคณะกรรมการได้จัดให้มี Q&A ในวันที่ 21 ครับแต่ ? ที่นี่เรียกกันว่า Face 2 Face ครับ วันนี้คืนนี้ Happy ครับ...ผู้ชมก็เกือบ 90% ของโรงครับ....

15 th Oslo International Film Festival

          วันที่สอง 20 Nov. ผมก็ต้องเดินทางจาก Stockholm ไปที่ Oslo ต่อครับ...เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่จะฉายหนังของผมเป็นวันแรก ซึ่งใน Oslo นั้นหนังผมได้ฉายอยู่ในหมวด Feature Film แต่ ? มีฉายทั้งหมด 3 วัน ๆ ละรอบ คือ 20 – 21 – 22 Nov. เวลาประมาณ 21.00 โดยประมาณทั้ง 3 วัน เมืองนี้เป็นเมืองน่ารักมาก ๆ สถาปัตยกรรมช่างสวยงามมาก ๆ น่าจะมาท่องเที่ยวจริง ๆครับผมไปถึงประมาณสี่โมงเย็น ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งจากทางคณะกรรมการจัดงานที่นั่น และคนไทยที่นั่นที่คอยพาผมไปถ่ายรูปสถานที่สวยงามต่าง ๆ แม้มีเวลาอันน้อยนิด....ที่นี่แปลกดีครับคณะกรรมการจัดงาน Festival หลัก ๆ ที่ผมได้รู้จักนั้นทำงานกันแค่ 5-6 คนเองครับ ? เล็ก ๆ กะทัดรัด น่ารักดีครับ....พอผม Check in ที่โรงแรมเสร็จทางหัวหน้าจัดงานFestival ก็พาผมไป Dinner พร้อมกับผู้กำกับฯ และโปรดิวเซอร์จากแคนาดา ซึ่งทั้งสองคนนี้ผมเคยเจอกันที่โตรอนโตแล้วก็เลยมีเพื่อนคุยแล้ว ก่อนมาถึงผมนึกว่าที่นี่ต้องพูดภาษาสวีดิชเหมือนกับสวีเดนแน่นอนเพราะประเทศอยู่ติดกัน แต่ ? เปล่าเลยที่นอร์เวย์ก็มีภาษาประจำชาติเหมือนกัน (เฮ้อ ? เมื่อไหร่โลกของเราจะมีภาษาเดียวกันนะ) ก่อนหนังฉายผมเลยต้องรีบเรียนภาษานอร์เวย์จากคนไทยที่นั่น ก็ก็จะใช้มุกเดิม ๆ พูดภาษาชาตินั้น ๆ ให้ได้ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับเขา

          พอมาถึงรอบฉาย...ก็มีผู้ชมประมาณ 75% ของโรงหนัง ก็ Ok ครับสำหรับผม...ผมก็กล่าว Speech เป็นภาษานอร์เวย์ครับ...ได้ผลปรบมือกัน ยิ้มกัน หัวเราะกัน (ผมว่ามุกอันนี้เป็นสากลครับ) ...คนดูที่นี่แตกต่างจากสวีเดนครับ หัวเราะกัน ลั่น ฮากันง่าย ๆ กว่าสวีเดนครับ ? แต่..ก็ไม่บ้าเท่าโตรอนโตครับ ? (ทำให้ผมได้รู้สึกว่าวัฒนธรรมการดูหนัง การ Get มุกหรือชอบหนังของแต่ละประเทศไม่เท่ากันครับ...ผมว่าคนไทยเราเนี่ย ? หัวเราะยากสุดแล้วถ้าเทียบกับต่างชาติ) หนังฉายจบที่นี่ก็มี Q&A ครับ (ที่ Oslo เขาเรียกว่า Q&A เหมือนทุกที่ครับยกเว้น Stockholm )

          คนที่นี่ไม่ค่อยถามครับ ? จะบอกว่าชอบ - รักหนัง – ชื่นชมซะมากกว่า (โรแมนติคจริง ๆ เมืองนี้)

          เสร็จจากการฉายหนัง ทางคณะกรรมการจัดงานก็พาผมไปสังสรรค์กับผู้กำกับฯและโปรดิวเซอร์แคนดาอีก พาไป Drink ก่อนแล้วต่อด้วยไปดูวงดนตรีที่มีชื่อเสียงในนอร์เวย์ คนที่นี่น่ารักมาก ๆ ครับ ? เพียงไม่กี่ชั่วโมงผมก็หลงใหลไปกับเมือง ๆ นี้ ประเทศนอร์เวย์สักแล้ว กว่าจะเสร็จก็เกือบตีสามถึงจะเลิกรากัน คืนนั้นผมมีความสุขมาก ๆ และหลงรัก Oslo อย่างมาก ๆ ด้วย

16 th Stockholm International Film Festival

 

          วันที่ 21 Nov. ผมต้องออกจากโรงแรมประมาณ 6 โมงเช้าเพราะต้องขึ้นเครื่องบินกลับไปที่ Stockholm อีกครั้ง Flight 8.40 ครับ ? เดินออกจากโรงแรมมีรถคณะกรรมจัดงานที่ Oslo มารับพร้อมกับหิมะตกวันแรกที่ Oslo ช่างโชคดีของผมอีกแล้วครับที่หิมะตกวันแรก กับครั้งแรกของผมที่ Oslo ( เลยบอกกับตัวเองว่า...ต้องกลับมาที่นี่อีกให้ได้)

          ผมมาถึง Stockholm ก็มีทีมงาน Festival มารับไป Check in ที่โรงแรมอีกครั้ง เย็นนี้ ค่ำนี้ ก่อนหนังผมฉายทาง Festival มีนัดเลี้ยง Cocktail และต่อด้วย Dinner สำหรับ Filmmaker ทุกคน ?

 

          ผมได้ไปร่วมงานนี้ด้วยครับ ? สรุปว่าคนที่มาร่วมงาน Filmmaker ทั้งหมดใน Festival นี้มีไม่น่าเกิน 50 คนเองครับ...เล็ก ๆ กะทัดรัด...(ต่างจาก โตรอนโต มาก ๆ) ผมก็เฮฮาตามประสาของผมมารู้ตัวอีกที อ้าว ? เราเป็นคนชาวเอเชียหัวดำเพียงคนเดียวหรือเนี่ย ? ที่เป็น Filmmaker ที่นั่นส่วนใหญ่ทุก ๆ คนหัวทองกันหมดเลยครับ ในใจนึงคิดว่าเรามาทำไมวะ ? กับอีกในใจนึงมาเพื่อหนังไทย และเพิ่มขึ้นอีกคือ Filmmaker ที่เป็นคนเอเชีย

          หลังจากผมกรึ่มได้ที่ ก็ต้องไปที่โรงหนังต่อเพราะว่าวันนี้เป็นวันฉายวันที่ 2 พร้อมกับมี Face 2 Face ด้วย ซึ่งวันนี้ก็มีผู้กำกับฯ หลาย ๆ คนรวมถึงทีมงาน Festival ไปดูกันพอควร พอไปถึงที่โรงหนังคนแน่นโรงหนังเลยครับประมาณ 95% ได้...เหมือนเดิมครับ ? ผมต้องกล่าว Speech ก่อนที่หนังจะฉาย ผมก็ใช้ภาษาสวีดิชที่ฝึกมาหากินต่อ แต่คราวนี้เพิ่มเติมประโยคให้มันมากขึ้นกว่าก่อน (เพื่อให้ดูเหมือนทำการบ้านมาไม่ให้ซ้ำกัน) ก็ได้รับการตอบรับ รอยยิ้ม เสียงปรบมือ ที่เราพูดภาษาสวีดิชได้ (มุกนี้สากลนะครับ) คนดูก็ฮาดีครับ แต่ ? ก็ไม่หัวเราะเสียงดังเท่าที่ Oslo และไม่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเท่า Toronto

          หนังฉายจบก็มีพิธีกรประจำ Festival ขึ้นมาสัมภาษณ์ผมบนเวที พร้อมกับมีพี่คนไทยที่อยู่ที่นั่นแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาสวีดิชให้ คราวนี้ ครั้งนี้ ไม่รู้ว่ามีอะไร ? เข้าสิงผมตอบคำถามที่พิธีกรถามรวมถึงคนดูภายในโรงหนังเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย แล้วพี่ที่เป็นล่ามก็คอยแปลจากอังกฤษเป็นภาษาสวีดิช (โดยที่ผมก็ไม่รู้ว่าภาษาอังกฤษที่ผมพูดไปนั้น เขาจะเข้าใจหรือเปล่า ? หรืออาจเป็นเพราะว่าผมกล้ามากขึ้น และไม่เกร็ง เพราะคนที่มาดูนั้นไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นหลักก็อาจจะใช่ ?) รวม ๆ คำถามจากคนดูและพิธีกรส่วนใหญ่ ก็จะชอบในความแปลก สีสัน สไตล์ การนำเสนอ เพลงและองค์ประกอบอื่น ๆ ผมว่า...ตรงนี้กระมังที่ทำให้หนัง  "ทวารยังหวานอยู่” นั้นได้รับเลือกไปฉายในเทศกาลหนัง

          (คิดดี ทำดี แล้วจะได้ดี ...ครับ ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น )

          ส่วนรอบฉายสุดท้ายที่ Stockholm นั้นในวันที่ 25 Nov. ผมรู้มาก่อนที่จะเดินทางไปถึงเกือบสัปดาห์จากทางwebsite ว่าตั๋วเต็มหมดแล้วซึ่งรอบนี้จะเป็นโรงหนังที่ใหญ่มากของ Stockholm

          ส่วนรอบฉายอีกสองรอบที่ Oslo นั้นวันที่ 21 และ 22 Nov. นั้นผม Check กับทาง Festival แล้ว

          คนเต็มทุกรอบเลยครับ ???

          ผมรู้สึกหายเหนื่อยจากการเดินทางมาไกล ๆ ข้ามน้ำข้ามทะเล เปลี่ยนมาเป็นสดชื่น ภูมิใจ มีพลัง มีไฟในการทำหนังเรื่องต่อไป > เมื่อได้ยินชาวต่างชาติ ในดินแดนต่างชาติ เวลามาซื้อตั๋วหรือบอกรหัสที่จองตั๋วทาง Internet และมารับตั๋ว โดยที่เขาพูดว่า “Bangkok loco” รวมถึงเสียงหัวเราะ หน้าตาที่อมยิ้ม การจดจ้องดูหนังอย่างตั้งใจ เสียงปรบมือที่มีให้ คำถามความสงสัยที่กล้าถาม ?

          แค่นี้ ? ผมพอใจแล้วครับ....ผมถือว่า เรื่องนี้ผมประสบความสำเร็จ แล้ว....แม้ว่าที่เมืองไทยหนังเรื่องนี้จะไม่ Success ก็ตามด้วยอะไรก็แล้วแต่ ?

          แต่ ? ผมถือว่าผมได้ทำหนังไทยเรื่องนึงแล้ว....และเป็นหนังไทยที่ แปลกใหม่ (ในความแปลกใหม่ มันย่อมมีคนชอบ และไม่ชอบ)....ซึ่งผมถือว่าผมได้ทำแล้ว ? เกิดมาชาตินี้คุ้มแล้วครับ

          วันอังคารที่ 22 Nov. 2005 ผมก็เดินทางกลับมาเมืองไทยครับ ด้วยไฟที่จะทำหนังเรื่องใหม่ให้มัน Go Inter > โดยตอนนี้ทั้ง 3 Projects อยู่ในขั้นตอนเสนอนายทุนทั้งไทย และต่างประเทศครับ ก็กำลังรอโอกาส....ที่จะได้ทำหนังอีก

 

 

          เดือนหน้า ธันวาคม 2548 หนังของผม “ทวารยังหวานอยู่” และ “หมานคร” และ “ อหิงสา” ได้รับเกียรติ ได้รับเลือกให้เข้าร่วมเทศกาลหนังที่เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมันนี....อีกครับ ??? ถ้ามีโอกาสจะเขียนมาเล่าให้อ่านอีกครับ

 

 

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.