ตามที่ได้แจ้งแล้วว่า จะมีการรายงานสกู๊ปข่าวพิเศษเรื่องเป็นเอกในสิงคโปร์ ซึ่งไปร่วมงานจัดพิเศษ คือ 5 th Asian Film Forum: Focus on Asian Cinema โดยได้จัดฉายหนังของเป็นเอกทั้ง 4 เรื่อง คือ ฝัน บ้า คาราโอเกะ เรื่องตลก 69 มนต์รักทรานซิสเตอร์ และ Last Life in the Universe ควบคู่ไปกับหนังของอีริค คู ผู้กำกับคนสำคัญที่สุดของสิงคโปร์เขา
แต่เนื่องจากเว็บไซต์เรานำเสนอเกี่ยวกับหนังไทย เพราะฉะนั้นเราจะขอกล่าวเฉพาะหนังไทยเท่านั้น ผู้กำกับของเราได้ไปร่วมงานตั้งแต่กลางงานแล้ว และเข้าร่วมงานเสวนาใน 2 งานนี้
คือ Focus on Pen-ek Rattanaruang (โฟกัสที่เป็นเอก รัตนเรือง) และ Transnational Cinema ( หนังข้ามชาติ)
ปรากฏว่าคนเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง การเสวนาส่วนใหญ่จะเป็นการตอบข้อซักถามต่าง ๆ เช่นว่า
ชอบหนังเรื่องไหนมากที่สุด
เป็นเอก : ตอบยาก เพราะทำแต่ละเรื่องก็จะได้บทเรียนใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ส่วนใหญ่พอทำหนังเสร็จ เราก็จะซ่อนจุดบกพร่องของเราเสมอ
ทำไมจึงมาทำหนังเรื่องแรกตอนอายุสามสิบกว่าแล้ว
เป็นเอก : ไม่แก่หรอก ผู้กำกับอินเดียคนหนึ่งทำหนังตอนอายุ 37 ปี จริง ๆ แล้วก่อนหน้านั้นผมอยากเป็นนักบอล ผมมีโอกาสได้มาทำหนังเพราะบังเอิญ
ปรกติเขียนบทเอง ทำไมมาเปลี่ยนตั้งแต่เรื่องที่ 3 เป็นต้นมา
เป็นเอก : เปลี่ยนตั้งแต่เรื่องที่ 3 (มนต์รักทรานซิสเตอร์) เพราะรู้สึกเบื่อ เขียนเองมันเริ่มซ้ำ เรื่องที่ 4 ( รักน้อย หน่อยนิด มหาศาล) กับเรื่องที่ 5 ( Invisible Wave) ให้นักเขียนรุ่นใหม่เขียน (ปราบดา หยุ่น) แล้วเขียนได้ดีกว่าผมอีก
ทำไมหนังที่เขียนบทเองถึงเน้นบทผู้หญิง
เป็นเอก : ในไทยหานักแสดงหญิงที่มีฝีมือในการเล่นหนังได้ง่ายกว่านักแสดงชาย นักแสดงชายส่วนใหญ่จะมาโชมาก (macho)
หนังบางเรื่องได้รับอิทธิพลจากรัตน์ เปสตันยีหรือเปล่า
เป็นเอก : ผมดูหนังคุณรัตน์แค่เรื่องเดียว คือ โรงแรมนรก เรื่องอื่น ๆ ผมไม่ได้ดู ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นเหตุบังเอิญ เคยมีคนบอกผมเหมือนกันว่างานของผมคล้ายงานของท่านมุ้ย
ตอนนี้คุณกลายเป็นผู้กำกับระดับนานาชาติแล้ว การทำงานตอนนี้ผิดกับตอนทำหนังเรื่องแรกที่คุณเป็นเพียงผู้กำกับไทยคนหนึ่งอย่างไร
เป็นเอก : มันยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเราต้องหาสัญลักษณ์ของตัวเอง แต่ผมไม่มียี่ห้อ ก็เลยทำงานได้หลายรูปแบบ และสามารถทดลองทำได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
ทัศนะเกี่ยวกับวงการหนังไทย
เป็นเอก : เรามีผู้กำกับที่สามารถทำหนังดีได้ 10 เรื่อง ไม่ใช่ 60 เรื่อง ถ้าหนังตลกได้เงินดี เราก็จะเห็นหนังตลกเพิ่มขึ้นมาอีก 25 เรื่อง ซึ่งไม่ตลกเลย
ทำไม Invisible Wave ถึงช้า
เป็นเอก : ผมไม่ใช่ผู้กำกับที่ทำหนังเสร็จเรื่องหนึ่ง แล้วก็ผลักตัวเองให้ทำอีกเรื่องได้ทันที
ทำงานกับคริส ดอยล์เป็นอย่างไร
เป็นเอก : ก็มีความไว้วางใจมากขึ้นและความยุ่งยากน้อยลง แต่บางครั้งก็ยังเถียงกันอยู่ แต่ผมคิดว่าคริสไว้ใจผมมากขึ้น
เรื่องต่อไปเป็นเรื่องอะไร
เป็นเอก : จะเป็นเรื่องของความรัก เป็นหนังเล็ก ๆ ถ่ายทำแค่ 18 วัน
ก็พอหอมปากหอมคอ งานเสวนาจริง ๆ นานเกือบถึงสองชั่วโมง แต่เราคงลงให้รายละเอียดทั้งหมดไม่ได้ เอาแค่นี้ก่อนก็แล้วกันค่ะ
จริงๆ แล้ว ชลิดา เอื้อบำรุงจิต จากมูลนิธิหนังไทย ก็พูดคุยเรื่องการอนุรักษ์ภาพยนตร์ หนังอินดี้ในประเทศไทยด้วย แต่คิดว่าพวกเรารู้ ๆ กันหมดแล้ว คงไม่ต้องเอามาเล่าต่อก็แล้วกัน ส่วนผู้เขียนโดดงานชิ้นแรกไป เพราะเตรียมไม่ทัน คงเหลือแต่หัวข้อ การเขียนงานภาพยนตร์ แต่คิดว่าพูดเป็นภาษาอังกฤษน่ะดีแล้ว ขืนพูดเป็นไทยจะยุ่ง |