VIDEO
VIDEO
Release Date : 27 มิถุนายน 2556
Genre : Horror / Drama /Suspense
Producer : ฤทัยวรรณ วงศ์สิรสวัสดิ์
Co-producer และบทภาพยนตร์ คงเดช จาตุรันต์รัศมี
Line Producer : พวัสส์ สวัสดิ์ชัยเมธ, อาทิตย์ อัสสรัตน์ ,โสฬส สุขุม
Director : กิตติธัช ตั้งศิริกิจ, สิทธิศิริ มงคลศิริ, ษรัณยู จิราลักษม์
Actor/Actress : เก้า จิรายุ / ปันปัน สุทัตตา / เบสท์-เอกวัฒน์เอกอัจฉริยา
เรื่องย่อ
ฤดูร้อนนั้น...จอย (อาย-พิมพกานต์ แพร่คุณธรรม) เด็กสาวอนาคตสดใสในวงการบันเทิงโพสต์สเตตัสว่า อยากตาย สิงห์ (เก้า-จิรายุ ละอองมณี) หนุ่มหล่ออนาคตไกลอยากปลอบใจจึงแอบขับรถพ่อมารับเธอกับเพื่อนสนิท มีน (ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์) โดยพาคู่หู กานต์ (สบาย-กฤษสถาปนพิทักษ์กิจ) ไปเที่ยวทะเลด้วยกันเป็นครั้งแรก!!!
แต่ค่ำคืนแห่งความสนุกกลับกลายเป็นคืนสยอง!!! เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมไม่คาดฝัน คือ จอยตายแต่ผีจอยยังคงตามติดทั้งคนรักเพื่อนสนิทและน้องชาย (เบสท์-เอกวัฒน์เอกอัจฉริยา) เพราะ คนตายอยากบอก ... แต่คนพลาดไม่อยากจำ จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวระทึกขวัญที่เขย่าหัวใจของคนเคยเป็นวัยรุ่นทุกคน
เบื้องหลังการทำงาน
เพราะเป็นหนัง Horror & Drama (เฮอร์เรอร์ & ดราม่า) สยองขวัญสะเทือนอารมณ์ กับสโลแกน "คนตายอยากบอก...คนพลาดไม่อยากจำ" ทำให้ทุกซีนของการถ่ายทำจึงต้องการความสมบูรณ์แบบทั้งโปรดักชั่นและนักแสดง งานนี้ค่ายหนังน้องใหม่ ทาเลนต์ วัน จึงทุ่มทุนกว่า 40 ล้านบาท ผลิตภาพยนตร์สยองขวัญ ระทึกใจ ที่มีมากกว่าความกลัว Last Summer ฤดูร้อนนั้น...ฉันตาย แบบจัดเต็มในทุกองค์ประกอบ พร้อมรวมพลคนทำหนังมือฉมังมาอัดแน่นอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้มากมาย เริ่มด้วย 3 ผู้กำกับ กิตติธัช ตั้งศิริกิจ , สิทธิศิริ มงคลศิริ และ ษรัณยู จิราลักษม์ แม้จะหน้าใหม่แต่ฝีมือ "ขั้นเทพ" ส่วนบทภาพยนตร์เขียนโดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี ควบตำแหน่ง Co-Producer ฟากโปรดักชั่นยังได้ สอง-สยุมภู มุกดีพร้อม DoP -Director of Photography มือรางวัลอินเตอร์ ใช้กล้อง Alexa Arri ซึ่งเป็นกล้องที่สามารถเก็บรายละเอียดภาพได้สูงสุดแม้ในที่มืด ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับกล้องที่ใช้ถ่ายทำ SKY FALL James Bond ภาคล่าสุด และใช้อุปกรณ์เพื่อการถ่ายทำกันแบบไม่มีกั๊กทั้งกล้องและไฟ รวมทั้งนักแสดงนำฝีมือจัดจ้านอย่าง เก้า -จิรายุ ละอองมณี, ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ ร่วมด้วย อาย-พิมกานต์ แพร่คุณธรรม, เบสท์-เอกวัฒน์ เอกอัจฉริยา และ สบาย-กฤษ สถาปนพิทักษ์กิจ ก็ให้ความร่วมมือเป็นที่สุดไม่ว่าผู้กำกับจะจัดโหดขนาดไหน และไม่ว่าสถานที่ถ่ายทำที่จะลำบากลำบนระทมระทึกปานใดก็ไม่หวั่น นักแสดงทุกคนทุ่มเทเวลาและทุ่มสุดฝีมือ โดยเฉพาะฉาก รักเธอ และฉาก ลาเธอ ที่ทีมงานยกกองไปถ่ายทำกันที่ชายทะเลหาดทรายน้อย เขาเต่า ปราณบุรี กลางวันเช้ามืด (หนาวมาก) จรดบ่าย(ร้อนจัด) ถ่ายฉากเล่นน้ำที่ยาวนานจนทุกคนแทบจับไข้ ตกค่ำย้ายมาถ่ายทำต่อที่ หน้าผาสูงชัน กับฉาก ลาเธอ ทีมงานและนักแสดงต้องปีนป่าย หอบหิ้วอุปกรณ์แสนหนักขึ้นไปทำงานต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก นี่ไม่นับว่าต้องมีเทคนิคพิเศษผีๆ หลอนๆอีกต่างหาก ส่วนที่สุดของความกลัวในฉากนี้คือ กลัวสว่างแล้วถ่ายไม่เสร็จ เวลาทุกวินาทีจึงมีค่ายิ่งกว่าทองเสียอีก เรียกว่าไม่มีออมแรงให้ทั้งทีมงานและนักแสดง เพื่อความเข้มข้นของภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฉพาะ
ซินSingular ศิลปินในสังกัด BEC-TERO MUSIC ได้รับโจทย์ให้แต่งเพลงเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและความรู้สึกของตัวละครในเรื่อง เปิดเผยว่า หลังจากได้อ่านบทภาพยนตร์แล้ว ได้แรงบันดาลใจจากตัวละครและบรรยากาศในเรื่อง ผสมกับเรื่องราวบางมุมที่ได้พบเจอในชีวิต ถ่ายทอดออกมาเป็น เพลง เยียวยา เพลงนี้พูดถึงความรู้สึกตัวละครสำคัญในเรื่องที่ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้ได้เป็นคนสำคัญของคนที่ตัวเองรัก แต่กลับพบว่าตัวเองไม่มีความสุข เพราะปล่อยให้เกิดเป็นความรักที่เกินขอบเขต กลายเป็นการกระทำที่ไร้การควบคุม ส่งผลกระทบต่อตัวเองและคนอื่น เหมือนกับคนป่วย อ่อนแอ ที่ต้องการการเยียวยารักษา ... นอกจากจะแต่งเพลงแล้ว ซิน ยังโชว์เสียงร้องในเพลงด้วย
แคแรกเตอร์นักแสดง
ปันปัน รับบท มีน
สาวสวยที่ไปเที่ยวทะเลกับกลุ่มเพื่อนสนิท โดยไม่รู้ว่าท้ายสุดจะเจอเหตุร้ายที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล นี่คือบทที่ปันปันถึงกับออกปากว่า มีหลายคนพูดว่า หนูถูกโฉลกกับหนังผีนะ ( หัวเราะ ) ซึ่งใน Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย หนูรับบทเป็น มีน มีนจะเป็นเด็กวัยรุ่นธรรมดาที่มีเพื่อนสนิทชื่อ จอย รับบทโดย อาย - พิมพกานต์ แพร่คุณธรรม ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก และพร้อมจะอยู่เคียงข้างกันเสมอเมื่อใครคนใดคนหนึ่งมีปัญหา แต่หลังจากที่ตกลงใจไปเที่ยวทะเลกับกลุ่มเพื่อนสนิทกัน ก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่คาดคิดขึ้น จนกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตที่พลิกเรื่องราวให้ต้องติดตาม ซึ่งบทของ มีน ถือว่าเป็นบทที่ยากและหนักที่สุดในชีวิตการแสดงเลยค่ะ เพราะตัวละครตัวนี้จะครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา ถึงข้างนอกจะยิ้ม แต่ถ้าดูในดวงตา จะรู้ว่าไม่ได้ยิ้มไปด้วย ต้องอ่านบทเยอะๆ คุยกับครูกุ๊กไก่ ที่สอนแอ็คติ้งตลอด เพราะเป็นบทที่ยากมากที่จะทำความเข้าใจตัวละครได้เอง เราต้องรู้เหตุการณ์ทั้งเรื่อง แล้วเจาะมาถึงตัวเอง ซึ่งแตกต่างจาก
คาแรคเตอร์ในเรื่องลัดดาแลนด์ ที่ตัวละครจะเป็นเด็กที่มีปัญหากับพ่อ แต่เรื่องนี้ตัวละครของมีนจะมีปมในใจแต่ไม่แสดงออก เรื่องนี้ต้องซ่อนอะไรหลายๆอย่างไว้ ทุกฉากที่เล่นต้องเก็บอาการ มีอะไรอยู่ในใจ ตลอด ทำให้เล่นยากมากค่ะ เรื่องร้องไห้ก็เป็นอีกอย่างที่ยากมาก แล้วในหนังมีอยู่ฉากหนึ่ง ต้องร้องไห้อยู่สองชั่วโมงไม่ได้หยุด พอเปลี่ยนเซ็ทก็ต้องโฮลด์อารมณ์ตรงนั้นไว้ให้ต่อเนื่อง น้ำตาไหลตลอด ปกติเราเป็นคนร้องไห้ยาก ไม่ใช่คนขี้แยด้วย เรื่องร้องไห้เลยยากสำหรับเรา
แต่ก็ต้องขอบคุณเพื่อนนักแสดงไม่ว่าจะเป็น พี่อาย - พิมพกานต์ , สบาย - กฤษ และ เบสท์ - เอกวัฒน์ มากเลย ถึงแม้จะเป็นหนังเรื่องแรกของหลายๆคนที่ต้องมารับหน้าที่นักแสดง แต่ทุกคนทำได้ดีทีเดียว ทำงานด้วยกันอย่างตั้งใจมาก และรับ - ส่งอารมณ์มาให้เราอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกับเก้า - จิรายุ เรื่องนี้ก็ถือเป็นการร่วมงานกันเป็นเรื่องที่สอง เก้ามีความตั้งใจทำงานมาก อย่างฉากที่ต้องร้องไห้ ถ้ากำลังจะเข้าฉากแล้วมีใครยิ้มให้ เขาจะไม่ยิ้มด้วย เพราะเขามีสมาธิมาก อยากให้ติดตามชมกันค่ะ รับรองว่าหนังเรื่องนี้ จะแตกต่างจากหนังผีทั่วไป ที่ไม่ใช้มีแค่ความน่ากลัว แต่ยังมีความสนุก ซึ้ง สะเทือนใจ และสยองขวัญ รออยู่ให้ได้ชมกันค่ะ
เก้ารับบท สิงห์
ผู้ถูกสถานการณ์บีบคั้นให้จนตรอก จนต้องทำลายแฟนสาวทั้งที่ยังรัก
ก้าวเชื่อว่าบท สิงห์ หนุ่มห้าวที่ก่อเรื่องผิดพลาดจนเป็นปัญหาใหญ่โต นอกจากบทที่มีมิติซับซ้อนมากขึ้น ยังเป็นบทที่เจ้าตัวได้ประสบการณ์ทำงานที่เติบโตขึ้นด้วย ในเรื่องผมรับบท สิงห์ หนุ่มห้าวที่ก่อเรื่องผิดพลาดจนกลายเป็นปัญหาใหญ่สยองขวัญ สำหรับการทำงานหนังเรื่องนี้ บอกเลยว่ายาก และทำให้ผมหนักใจพอสมควร เพราะแม้ผมกับสิงห์ ตัวละครในเรื่องจะวัยใกล้เคียงกัน แต่นิสัยของผมกับสิงห์ไม่ได้คล้ายกันเลย ผมใช้วิธีเรียนรู้นิสัยตัวละครตัวนี้ไปเรื่อยๆ ค่อยๆซึมซับ ว่าเพราะอะไร ทำไมเขาตัดสินใจทำแบบนั้น จนเราตื่นเช้ามาเป็นสิงห์ และสามารถพาสิงห์ไปถึงจุดที่บทเขียนไว้ได้ และผมเองค่อยๆ โตขึ้นในหนังทุกเรื่องที่เล่น จากเคยเล่นตามผู้กำกับเล่นให้ดู จนตอนนี้เราคิดการแสดงเองได้บ้าง อย่างการทำงานเรื่องนี้ผู้กำกับบอกชัดเจนว่าต้องการอะไร ขณะเดียวกันผมเองก็สามารถแสดงความคิดเห็นในส่วนของผมออกไปได้ด้วย
อาย - พิมพกานต์ แพร่คุณธรรม
ครั้งแรกที่มาแคสติ้งเนี่ยอายไม่รู้ว่าต้องมาเล่นเป็นผี คิดว่าบทเป็นวัยรุ่นใสๆ (หัวเราะ) พอรู้ว่าต้องเล่นเป็นจอย แถมต้องเป็นผีด้วย ก็โอเค เป็นผีก็ได้ แต่ตอนแรกไม่คิดว่าจะต้องแต่งเอฟเฟคยากขนาดนี้ เพราะเคยดูหนังผีบางเรื่องแค่ทาหน้าทาตัวขาวๆ อีกอย่างผีในเรื่องนี้เป็นผีที่มีชีวิต มีอารมณ์เศร้า โกรธ เสียใจ ต้องร้องไห้ ซึ่งอายเป็นคนร้องไห้ไม่ค่อยได้ ทำให้กังวลกลัวว่าเราจะเป็นตัวถ่วงให้กับทุกคนในกอง ยิ่งต้องมาประกบกับนักแสดงเก่งๆ อย่างเก้าและปันปัน ก็ยิ่งเกร็งและเพิ่มความตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก แต่หลังจากเวิร์คช็อปก็หายตื่นเต้นเพราะเริ่มสนิทกับทุกคนมากขึ้น"
ส่วนฉากสำคัญที่ต้องรับบทเป็นผีจอยที่สร้างความสะพรึงกลัวให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ น้องอายได้เล่าให้ฟังว่า "กว่าจะมาเป็นผีจอยอย่างที่เห็นนี่ใช้เวลาแต่งเอฟเฟคนานมาก คือต้องตื่นมากองถ่ายล่วงหน้าก่อนคนอื่นเพื่อแต่งเอฟเฟคผี แล้วไม่ใช่เอฟเฟคเฉพาะแค่หน้านะคะ ของอายนี่ต้องแต่งเอฟเฟคตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียว ใช้เวลาแต่งครั้งละ 4 ชั่วโมง คือ บางครั้งนั่งแต่งเอฟเฟค จนเส้นยึดไปเลยก็มีเพราะนั่งนานมาก (หัวเราะ) บางครั้งก่อนเข้าฉากมีเดินสวนกับนักแสดงคนอื่นๆ ในกองถ่าย ทุกคนเห็นก็จะสะดุ้งตกใจ กลัวอายกันหมดเลยค่ะ(หัวเราะ) ยิ่งพอถ่ายทำออกมาแล้วก็รู้สึกว่าผีจอยน่ากลัวมากจริงๆ ถือว่าอายประเดิมงานหนังเรื่องแรกก็ได้เจออะไรที่ท้าทายความสามารถขนาดนี้ ดีที่เพื่อนร่วมงานทุกคนต่างส่งอารมณ์ให้อย่างเต็มที่ ทำให้การแสดงเล่นออกมาได้ดี โดยเฉพาะยิ่งกับปันปัน ที่ในเรื่องเราต้องเล่นเป็นเพื่อนสนิทกันมาก เรียกว่าเป็นบัดดี้กันเวลาอยู่ในโรงเรียน จนนอกจออายกับปันปันสนิทกันจริงๆ ก่อนเข้าฉากด้วยกัน ปันปันมักจะพูดให้กำลังใจว่า "มีสมาธินะ" นอกจากนั้นก็จะคอยแนะนำและให้กำลังใจเสมอ ส่วนเก้า-จิรายุ ที่ในเรื่องอายต้องเล่นเป็นแฟนกับเก้า เก้าเล่นได้ดีมาก ส่งอารมณ์ให้เยอะเหมือนกัน ตอนแรกที่รู้ว่าจะร่วมงานกับเก้าและปันปัน ตัวอายค่อนข้างกังวลเพราะทั้งสองคนผ่านงานแสดงมาหลายเรื่องแล้ว แต่พอได้ไปเวิร์คช็อปร่วมกันแล้วมาทำงานแล้ว ทั้งปันปันและเก้าน่ารักมากค่ะ"