เอกเพชร ฟิล์ม อำนวยการสร้าง.
กำกับการแสดง ผศ.ดร. ชวนะ มหิทธิชาติกุล-ภวกานันท์
ดารานำ จิ๊บ ปกฉัตร/เทียนชัย ตูนAF3/ธัชพล ชุมดวง/รอง เค้ามูคดี/ปทุมวดี โสภาพรรณ/ชุติมา นัยนา/โกวิท วัฒนกุล/อุ๊บ วิริยะ/ ภราดร ศรีชาพันธุ์
เข้าฉาย วันที่ 2 กันยายน 2553 ทุกโรงภาพยนตร์
เรื่องย่อ
ในวันวาเลนไทน์ วันที่ดอกรักแบ่งบาน สว่างไสวไปทุกที่ รวมทั้ง ที่นี้ ที่ว่าการเขต สมรัก ซึ่งมีคู่รักหลากวัย มายืนยันความรักต่อกันด้วยการจดทะเบียนสมรสในวันนี้ แต่คู่นี้ สมาน (ตูน AF3 ธัชพล ชุมดวง)และฉันทนา (ปกฉัตร เทียมชัย) นี้ซิ ที่เลือกวันนี้เพื่อสะบั้นรัก ที่เคยมีต่อกัน
แม้ทั้งคู่จะยังจดจำเมื่อแรกสบพบรักเมื่อสมัยวัยรุ่นวุ่นเรียนมหาวิทยาลัย แต่ความรักของทั้งคู่ก็ยัง แตกยอด ผลิดอกออกใบ เป็นคู่รักหวานใส เป็นที่อิจฉาตาร้อนแก่เพื่อนๆทั้งหลาย จริงๆ นะ... และแล้ว...เมื่อรักมันจุกอกทนไม่ได้อีกต่อไป..นายสมานก็ได้แต่งงานกับสาวฉันทนาและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขพร้อมทั้งมีเด็กชายจัมป์ เป็นดังโซ่ทองคล้องจของทั้งคู่
แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิทานที่จะจบด้วยความสุขจากนี้และตลอดไป
ความรักและผูกพันเท่านั้นคงไม่พอที่จะทำให้รักเรายืนนาน ยิ่งคิดต่างกัน มองโลกต่างกันก็ยิ่งแล้วใหญ่ ก็ดูนายสมานของเราซิทำงานเป็นเซลล์ขายปุ๋ย มีความมุ่งมั่นในการดำเนินชีวิตเจริญรอยตามแนวคิดเศรษฐกิจพอของในหลวง และหน้าที่การงานยังทำให้เค้าต้องเดินทางไปต่างจังหวัดแล้วด้วยความมีน้ำใจกับทุกคน ก็ยิ่งทำให้พ่อสมานของเรามีเวลาให้กับครอบครัวอย่างลูกจัมป์และสุดที่รักอย่างฉันทนาน้อยลง
แล้วส่วนแม่ฉันทนาก็อยากจะเป็นสาวยุคใหม่มั่นเกินร้อยที่รักก็ยุ่ง และก็ยังมุ่งกับงานอีกด้วย กับอาชีพมัณฑนากรในบริษัทขนาดใหญ่ และ โลกก็กลมจนน่าหมั่นไส้ มีอย่างที่ไหนทำเอาเธอ เจอะรุ่นพี่หนุ่มหล่อสมัยเรียนที่เคยแอบหลงรักเธอ อย่าง เนฑิต (โชกุณ บรรณเจิด) ที่ทำงานบริษัทเดียวกันในตำแหน่งเจ้านายของเธอ แล้วด้วยงานในหน้าที่รับผิดชอบทำให้เวลาที่เธอควรจะมีให้สมานและลูกชายอย่างน้องจัมป์ กลับกลายเป็นเธอต้องใกล้ชิดกับกิ๊กเก่า อย่าง เนฑิต เพิ่มขึ้น เฮอะ น่ากลุ้มนะเนี้ย
เมื่อเวลาที่มีให้กันน้อยลง ความเข้าใจและไว้ใจที่เคยมีให้กันมันก็ดูจะน้อยลงตามไปด้วย ยิ่งเมื่อมีมือที่สามอย่างเนฑิตด้วยแล้วยิ่งทำให้ความรักที่มีต่อกันยิ่งน้อย...น้อยลงไปอีก ดูเหมือนไม่ว่าสมานจะทำอะไร ก็ขวางหูขวางตาไปซะหมด แล้วความขัดแย้งในชีวิตคู่ของคนทั้งสอง ดูจะรุนแรงขึ้นตามลำดับ ไม่ต่างไม่จากความแตกแยกทางความคิดทางการเมืองของคนในสังคม ในครั้งแรกที่ สมานและฉันทนา มีปากเสียงกันนั้น ต่อหน้าน้องจัมป์นั้น ทำให้ลูกชายที่รักมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง หลังจากได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล ทั้งคู่จึงพบว่า น้องจัมป์มีกรุ๊ปเลือดพิเศษต่างจากเด็กทั่วไป ดังนั้นเมื่อได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจึงมีอาการเช่นนี้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
....สมานและฉันทนาจึงสัญญากันว่าจะไม่ทะเลาะกันต่อหน้าลูกอีก และหันหน้าเข้าหากัน เพื่อร่วมกันกอบกู้ครอบครัวของตนขึ้นมาอีกครั้ง โดยฉันทนาตัดสินใจลาออกจากงานมาดูแลลูกและครอบครัวอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งตัดขาดกับเนฑิต เมื่อคิดได้แล้วว่า เธอยังคงรักสมานอยู่ไม่เสื่อมคลาย
ถึงแม้สมานและฉันทนาจะมีเวลาให้กันมากขึ้น พยายามให้ความเข้าใจกันมากขึ้น แต่ว่าช่องว่างที่มีอยู่นั้น ความหวาดระแวงที่ยังคงเกาะกินอยู่ในใจนั้น ก็ยังคงมีอยู่และพร้อมจะปะทุขึ้นมาสร้างความร้าวฉานได้อย่างง่ายดาย
แล้วความอดทนก็มาถึงจุดสิ้นสุด เหมือนกับความขัดแย้งในสังคมที่รุนแรงขึ้นจนถึงขั้นแตกหักและมีการเผชิญหน้ากันด้วยความรุนแรง เช่นเดียวกับชีวิตคู่ของสมานและฉันทนาที่จบลงด้วยการ หย่าร้าง ที่สำนักงานเขต สมรัก ในวันแห่งความรักนี้
แต่ก่อนที่สมานและฉันทนา จะเซ้นต์ชื่อลงบนหนังสือหย่า ทั้งสองได้เห็นข่าวในโทรทัศน์รายงานว่า เกิดเหตุคนเมายาบ้าขับรถบรรทุกแก๊สฝ่าด่านตำรวจมา และหักหลบรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งตัดหน้ากะทันหัน ทำให้รถบรรทุกแก๊สพลิกคว่ำลื่นไถลไปจอดขวางกลางรางรถไฟ จนเมื่อขบวนรถไฟคันที่ ด.ช.จั้มพ์ โดยสารแล่นผ่านมา คนขับรถไฟต้องรีบเบรกกะทันหัน ทำให้ถังแก๊สที่กลิ้งมาใกล้รางเกิดระเบิดขึ้นทันที เป็นเหตุให้ขบวนรถไฟเสียหลักพลิกคว่ำตกจากราง...
เหตุการณ์เริ่มวุ่นวาย เมื่อการขนย้ายผู้บาดเจ็บเป็นไปด้วยความทุลักทุเล เพราะต้องฝ่าทั้งกลุ่มม็อบที่กำลังเผชิญหน้ากันปิดเส้นทางการจราจร....ท่ามกลางความหวาดกลัวของผู้ได้รับบาดเจ็บ และเหล่าญาติผู้รอคอยด้วยความหวังว่า ลูกหลาน พ่อแม่ หรือ พี่น้องของเขาเหล่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
รวมทั้งสมานและฉันทนาที่พบแล้วว่าสุดท้ายความรักของทั้งคู่ยังคงอยู่...ที่น้องจัมป์ ได้รีบมาโรงพยาบาลด้วยความหวังว่าจะมีปาฏิหารย์ เกิดขึ้นกับชีวิตของลูกชาย ซึ่งเป็นตัวแทนของความรักของทั้งคู่ ชีวิตที่ยังแขวนอยู่ระหว่างความเป็นและความตายในการรักษา เช่นเดียวกับทุกคนในโรงพยาบาลแห่งนี้ หวังเพียงจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นกับทุกชีวิตอันเป็นที่รัก
สัมภาษณ์ผู้บริหาร
ผู้อำนวยการสร้าง ดร.รัฐไกร เอกเพชร : นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในแวดวง อสังหาริมทรัพย์ มีผลงานสร้างชื่อเสียงมากมาย อาทิเช่น คริสตัลพาร์คไพร์เมเจอร์ อ่อนนุช และ หัวหิน ได้เล่าให้เราฟังถึงแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง สมานฉัน Color's Love ให้เราฟัง ดังนี้
ผมได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจบันเทิง โดยการก่อตั้งบริษัทเอกเพชรฟิล์ม เดือน มกราคม 2553 ได้ก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจบันเทิง ในเบื้องต้นนั้นคิดว่าทำบ.เอกเพชรฟิล์มจึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะมาช่วยในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจต่างๆ ที่ทำอยู่ แต่เนื่องจากมีความคิดมาตลอดว่าอยากจะทำสิ่งดีๆสู่สังคม ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน และเล็งเห็นว่าสื่อบันเทิง ภาพยนตร์สามารถเข้าถึงประชาชนได้ทุกกลุ่ม สมาน ฉัน ภาพยนตร์เรื่องแรกของค่ายเราจึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างสิ่งดีๆคืนกำไรสู่สังคมบ้างและได้มาพบอาจารย์ ชวนะ ได้คุยถึงคอนเซป ว่าอยากให้มีหนังที่จะช่วยสร้างความสามัคคีในสังคมไทย จนกลายเป็น หนังเรื่อง สมานฉัน Color's Love ที่จะมีทั้งความสนุกสนานและมีคติสอนใจในทุกแง่มุม เป็นภาพยนตร์ที่อิงจากชีวิตจริงของบุคคลทั่วไปในสังคมไทย
ที่ปรึกษาภาพยนตร์ สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ :
ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน ในฐานะ Producer ละครและภาพยนตร์ชื่อดังที่ทุกคนรู้จักกันดี เช่น เพียงเรา มีเรา, อยากบอกให้รู้ว่ารัก, หยุดไม่ได้ถ้าหัวใจอยากจะซิ่ง เป็นต้น ได้ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในภาพยนตร์
เรื่องสมานฉันในฐานะProducer
ตอบตกลงมาร่วมงานกับภาพยนตร์เรื่องนี้ทันทีหลังจากได้คุยกับทางอ.ชวนะ ผู้กำกับ ถึงเรื่องราวที่ต้องการจะนำเสนอในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือความต้องการที่จะบอกเล่าให้ทุกๆคน รับทราบถึงประราชกรณียกิจต่างๆที่พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่ทรงดำเนินการไว้ เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ รวมทั้งแนวนโยบายเศษฐกิจพอเพียง และยังต้องการบอกถึงคนไทยทุกคนว่าให้สามัคคี สมานฉัน กันไว้ เหมือนชื่อเรื่อง
การทำงานกับทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นไปอย่างสนุกสนาน แล้วที่ลืมไม่ได้ ต้องขอขอบพระคุณ ดร. สุเมธ ตันติเวชกร ที่กรุณามาเป็นที่ปรึกษากิตติมาศักดิ์ ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้
ผู้กำกับภาพยนตร์ ผศ.ดร. ชวนะ มหิทธิชาติกุล-ภวกานันท์
พอดีผมได้ไปเจอกับคุณรัฐไกร เอกเพชร ซึ่งท่านผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ทำธุรกิจส่วนตัวเคยรู้จักกันมา ท่านก็พูดออกมาบอกว่าอยากจะทำหนังซักเรื่องหนึ่ง ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมสามารถตอบโจทย์และเฉลยถึงปัญหาของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่ภายในบ้านเมืองเรา ทั้งสาเหตุการแบ่งแยกสีต่างๆทั้งหมด ก็เลยได้มานั่งคุยเกี่ยวกับคอนเซปท์ของหนังจนท่านเห็นด้วย สมาน ฉัน จึงเกิดขึ้น
ทางเราเลือกที่จะนำเสนอพระราชกรณียกิจของในหลวง จนกระทั่งโครงการต่างๆที่ท่านได้ทรงคิดและทำออกมาเพื่อประโยชน์สุขของคนไทย ตรงนี้จะเป็นจุดที่น่าสนใจที่สุดทุกคนจะเห็นโครงการตามพระราชดำหริของท่าน ซึ่งบางครั้งเราไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่ามีจริง
โดยเลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงสนุกสนานแทนที่จะเป็นแนวสารคดี
อย่างที่ทุกคนเคยเห็น ยิ่งช่วงนี้เหตุการณ์บ้านเมืองไม่เป็นปกติ ทางเราอยากแสดงให้เห็นว่าเราก็มีพ่อหลวงคนเดียวกันที่ทำทุกอย่างเพื่อเราคนไทยทุกคน เพื่อแสดงให้คนไทยทุกคนเห็นว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝ่ายไหน แต่คุณก็มีสายเลือดความเป็นไทยเหมือนกัน จึงควรที่จะสามัคคี ปรองดองกัน