กบฎท้าวศรีสุดาจันทร์

เรื่องย่อ

หนังเป็นเรื่องราวสมัยสุริโยไท แต่ไม่เน้นความสำคัญของพระสุริโยไท แต่จะเน้นที่ฝรั่งกับบทท้าวศรีสุดาจันทร์ บทที่ใหม่ เจริญปุระเคยรับบท

เรื่องก็มีอยู่ว่า หนุ่มโปรตุเกสชื่อเฟอร์นานโด้ เดอ กาม่า นั่งเรือมาหาโชคทางประเทศในตะวันออกไกล เผอิญเรือจมในมหาสมุทรอินเดีย เขามีชีวิตรอดอยู่คนเดียว และถูกนำตัวไปขาย เผอิญมาเรีย (ซินดี้ เบอบริดจ์) มาช่วยเหลือไว้ก่อน ต่อมาเขาได้ถวายตัวไปรับใช้พระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงสยาม ซึ่งเขาได้เพื่อนใหม่คนไทยชื่อ Tong (รับบทโดยดอม เหตระกูล) ทำหน้าที่อารักขาในหลวงเหมือนกัน

เรื่องมายุ่งก็คนที่วางแผนจะลอบปลงพระชนม์พระเจ้าอยู่หัว คือพระมเหสีนามท้าวศรีสุดาจันทร์นี้เอง (รับบทโดยโย ยศวดี) เฟอร์นานโดและ Tong พยายามอารักขาพระเจ้าอยู่หัวยิ่งกว่าชีวิต แต่ก็ไม่อาจจะป้องกันพระองค์ได้ ท้าวศรีสุดาจันทร์ลอบปลงพระชนม์ด้วยยาพิษจนสำเร็จ และฆ่าพระโอรสของพระเจ้าอยู่หัวเสีย เฟอร์นานโดและ Tong ถูกกล่าวหาว่าละเลยต่อหน้าที่ ส่วนเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เอาไว้ไปดูหนังเอง 

เฟอร์นานโดรับบทโดยแกรี่ สเตรจช์ ผู้รับบทคลีตัส จาก อเล็กซานเดอร์ ส่วน ดาราไทย นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ก็ยังมีนิรุตต์ ศิริจรรยา รับบทเป็นพระชัยราชา บทที่พงษ์พัฒน์ เคนรับมา โอลิเวอร์ พูพาร์ทรับบทเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ พระสวามีของพระนางสุริโยไท ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงในเรื่องนี้ ชาลี ไตรรัตน์รับบทเป็นพระโอรสตัวน้อย นอกจากนี้ก็ยังมีกอล์ฟ อัคร อมาตยกุล ส่วนนางเอกเป็นซินดี้

เบื้องหลังภาพยนตร์

หนังเรื่องนี้พูดภาษาอังกฤษทั้งเรื่อง ผู้กำกับชื่อเล็ก กิติพราภรณ์ ซึ่งมีผลงานต่างประเทศเรื่องเขมรเพียงเรื่องเดียว เขาเคยมีชื่อเสียงโด่งดังในยุค 80 ของไทยอย่าง สงครามกับความรัก (คว้า 3 รางวัลตุ๊กตาทอง) และ แหกค่ายนรกเดียนเบียนฟู (คว้า 5 รางวัล) เขาจบการศึกษาที่ โนโคเวล โฮเทล เดอ กิยอง ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ผ่านการอบรมฝึกงานที่ลินเด่ ประเทศเยอรมนีจบการเรียนทำหนังที่ฮอลลีวูด เอลเอ มุมหนึ่งเขาคือผู้บริหารที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์และอสังหาริมทรัพย์ที่เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก อาทิ Jusco แดนเนรมิตร, บริษัท JC Decaux, Under water world, Property Deverlopment

เดวิด วินเทอร์ส โปรดิวเซอร์หนังเรื่องนี้ ซึ่งเคยผ่านงานแสดง งานกำกับ รวมทั้งงานโปรดิวเซอร์มาหลายเรื่อง ได้ให้ข้อมูลเพิ่มว่า

“เล็ก กิติพราภรณ์ เป็นหุ้นส่วนกับผม ผู้ซึ่งเป็นคนริเริ่มความคิด และชักชวนผมให้มาร่วมงานด้วยในโปรเจ็คต์ กบฏท้าวศรีสุดาจัน ซึ่งไม่เพียงเป็นหนังไทยที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีเพราะเราใช้ทุนสร้างไปสำหรับการถ่ายทำถึง 280 ล้านบาท แต่ยังเป็นภาพยนตร์ไทยที่ระดมเอานักแสดงระดับแนวหน้าของเมืองไทยและฮอลลีวู้ดอย่างมากมายมาร่วมงานกันไม่ว่าจะเป็นโย ยศวดี, ดอม เหมตระกูล, นิรุตติ์ ศิริจรรยา อมรา ปุรานนท์, กอล์ฟ อัครา อมาตยกุล และโอลิเวอร์ พูพาร์ท, แนค ชาลี ไตรรัตน์ดาราดังหลาย ๆ คน นอกจากนี้เรายังได้รับเกียรติจากนักแสดงสำคัญจากภาพยนตร์มหากาพย์แห่งยุคอย่าง ลอร์ดออฟเดอะริง ทั้ง 3 ภาค เขาคือ จอห์น รีส เดวีส์ เขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก ถ้ายังจำได้เขายังแสดงในเรื่องขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า และอีกคนคือแกรี่ สเตร็ช ที่เพิ่งผ่านสายตาคนดูหนังไปกับ อเล็กซานเดอร์ โดยเขารับเป็นคลีตัส”

ผู้กำกับเล็กเปิดเผยที่มาของหนังเรื่องนี้จนทำให้เขากลับมากำกับภาพยนตร์อีกครั้งในรอบ 20 ปี “ผมชอบเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมเคยมีความคิดที่จะทำหนังที่สามารถนำเสนอได้ทั้งในประเทศไทย และอีกหลายประเทศทั่วโลกอยู่แล้วที่สำคัญผมเชื่อว่าคนตะวันตกยังไม่ค่อยมีใครได้เห็น

ภาพยนตร์เช่นนี้มาก่อน พวกเราไม่ค่อยได้ดูหนังไทย นั่นคือเหตุผลที่ผมอยากให้ดาราในหนังเรื่องนี้พูดภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะสามารถฉายได้ทุกประเทศทั่วโลก”

"หนังเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากหนังสือที่เขียนขึ้นโดยปินโต้ เกี่ยวกับอยุธยาสมัยที่เขาเข้ามาเมืองไทยประมาณปีค.ศ. 1540 กว่า เกี่ยวกับการผจญภัยของเขาในประเทศไทย และมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับท้าวศรีสุดาจัน เขียนไว้น่าสนุกมาก นั่นคือแรงบันดาลใจเริ่มต้น"

ปินโต้เป็นชาวโปรตุเกสที่เป็นนักผจญภัยที่เดินทางออกจาโปรตุเกส เดินทางไปยังเมืองจีน ญี่ปุ่น เขาถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัยของเขาลงในหนังสือ และกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากของโปรตุเกส จุดที่กล่าวได้ว่าสร้างความสนใจให้กับผมมาก ๆ ก็คือ เขาเขียนบอกว่า อยุธยาในสมัยโน้นค่อนข้างมีลักษณะของความเป็นอินเตอร์คือ มีหลายชนชาติที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทย เทียบเท่าได้กับถึงกว่าครึ่งค่อนที่เป็นคนที่เดินทางมาค้าขาย ทั้งชาวตะวันออกเอง หรือแม้กระทั่งชาวตะวันตก”

“คือส่วนใหญ่แล้วเราไม่ค่อยได้เห็นมุมมองของชาวต่างชาติในหนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไทยเราสักเท่าไหร่ เมืองไทยเรามีทั้งญี่ปุ่น ชาวโปรตุเกสและอีกหลายเชื้อชาติที่มาตั้งรกราก ผมจึงคิดว่ามุมมองที่เรานำเสนอน่าจะสร้างความสนใจให้กับคนทั่วโลกทั้งในส่วนของวัฒนธรรมไทย และเรื่องราวในประวัติศาสตร์ รวมไปถึงมุมมองของการผจญภัยของคนตะวันตกในอยุธยาในสมัยนั้น ซึ่งหลังจากที่เราทำบทแก้ไขไปมาถึง 23 ครั้งโดยทำกับนักเขียนบทชาวอังกฤษซึ่งมีชื่อว่า ชอนน์ เจ เคซี่ จนกระทั่งเราพอใจจึงได้เริ่มมีการแคสติ้งนักแสดงขึ้นมา”

เล็กกล่าวต่อ “ ในส่วนนักแสดงไทยก็มีการคัดเลือกและทดสอบหน้ากล้องหลายคน แต่ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้สคริปต์เป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นทั้งแอ็คติ้งและการใช้ภาษาจึงสำคัญ นักแสดงที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วเราก็ต้องมีครูมาฝึกสำเนียงภาษา ในการออกเสียง ให้ออกมาถูกต้อง เพราะนักแสดงทุกคนต้องเข้าฉากร่วมกับนักแสดงชาวต่างประเทศด้วย ดังนั้นการที่จะทำให้งานออกมาสมจริงและนักแสดงมีความรู้สึกสนุกไปกับการทำงานจึงต้องค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร และต้องใช้การวางแผนงานที่ดีสำหรับการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้”

บทของท้าวศรีสุดาจันทร์นั้น ในตอนแรกมีการมองที่ดาราเอเชียหลายคน อย่างลูซี่ ลิวด้วยซ้ำ หรือ แม็กกี้ เมย์ เรามองไปถึงดาราฟิลิปปินส์

“ปัญหาของผมคือนักแสดงเหล่านั้นอาจจะไม่มีความเป็นไทย ขณะเดียวกันในช่วงที่เราคัดเลือกนักแสดงตอนนั้นเรายังหานักแสดงไทยที่จะมาเล่นบทนี้ไม่ได้ จนกระทั่งเราได้พบกับโย”

“สิ่งสำคัญสำหรับโยที่ต้องทำให้คนดูเชื่อให้ได้ว่า นี่คือผู้หญิงที่กุมอำนาจในสมัยนั้น สามารถที่จะคุมหรือเปลี่ยนประเทศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังอำนาจของความเป็นผู้หญิงที่สามารถทำทุกอย่างได้เพื่อความรักในขณะเดียวกันก็ต้องถ่ายทอดทุกความรู้สึกของตัวละครทั้งรัก โลภ โกรธ หลงให้ชัดให้คนดูสามารถรับรู้ความรู้สึกและเข้าถึงใจของตัวละครผู้หญิงคนนี้ ที่แตกต่างจาก ผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคสมัยนั้นที่เป็นเพียงช้างเท้าหลัง ไม่มีปากเสียง ภายใต้ไดอาล็อคและสคริปต์ต่างๆที่ถูกเขียนขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ ”

ไม่น่าแปลกใจที่ เดวิด วินเทอร์สโปรดิวเซอร์ฮอลลีวู้ด ก็อดทึ่งและชื่นชมความสามารถของโยไม่ได้ “เวลาที่กล้องโคลสอัพไปที่ใบหน้าของโย เราได้เห็นน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมาจากตาของเธอ โยน่าทึ่งมาก ๆ และในหนังมีฉากหนึ่งที่เธอพยายามสร้างเรื่องเกี่ยวกับความฝันของเธอเมื่อคืนเพราะเธอจะได้แต่งตั้งคนรักเป็นกษัตริย์ เธอเพิ่งฆ่าสามี และลูกชายของเธอ เธอเริ่มร้องไห้ เรามองเห็นน้ำตาได้ชัด เราไม่มีการตัดต่อฉากนั้นเลย เราผ่านไปได้ในเทคเดียว”

ซินดี้ เบอร์บริดจ์ในบทมาเรีย สาวชาวโปรตุเกสที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ตรงหน้า ที่ต้องเลือกระหว่างความรักและความเกลียดต่อชายคนรัก ก็เป็นอีกหนึ่งความสามารถทางการแสดงของซุปเปอร์โมเดลระดับแถวหน้าของเมืองไทยที่ผู้กำกับไม่สามารถมองข้ามได้

“ต้องขอบอกว่าซินดี้ให้ความทุ่มเทกับคาแรคเตอร์มาเรียมากตั้งแต่การทดสอบหน้ากล้องเลยทีเดียว ยิ่งฉากที่เป็นดราม่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่รู้ว่าคนที่เขารักเป็นคนที่ฆ่าพ่อเขา กล่าวได้ว่าเป็นฉากที่หนักมากสำหรับซินดี้ที่ต้องแสดงออกให้คนดูรู้สึกถึงความขัดแย้งที่อยู่ในใจระหว่างความรักที่มีต่อชายคนรักกับความรักที่ลูกมีต่อพ่อ ผมเชื่อว่าหลังจากกบฏท้าวศรีสุดาจันถูกฉายออกไปซินดี้เบอร์บริดจ์จะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ และน่าจะไปเล่นหนังฮอลลีวู้ดได้อย่างสบาย