สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
กวน มึน โฮ (Hello Stranger)
  LINK :
  แบ่งปัน  
 

 

นักแสดงเล่าประสบการณ์

เต๋อ - ฉันทวิชช์ ธนะเสวี -

 

 

ไอเดียจากคนเขียนบท - ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคนเขียนบทเรื่องนี้ ไอเดียของเรื่องเกิดมาจากความคิดที่ว่า จริงๆแล้วความรักมันเกิดขึ้นจากอะไร เกิดจากการที่เราเจอกันคุยกัน หรือความรักเกิดขึ้นมาเลยทั้งๆที่เราไม่รู้จักกัน ในขณะที่บางคนคบกันมา 8-9 ปี ยังไม่แน่ใจเลยว่ารักกันหรือเปล่า แต่บางคนอาจจะรักกันได้เลย เลยพัฒนาบทมาจนเป็นเรื่องนี้

บทบาทคนเขียนบท และนักแสดง - เป็นโปรเจคท์ที่ปั้นมาตั้งแต่แรก ผมตื่นเต้นมาก อย่างแรกคือเป็นอะไรที่ผมไม่เคยทำมาก่อน คือเขียนบทด้วยแล้วมาเล่นด้วย มันหลายความรู้สึกมาก มันกดดัน ไม่มั่นใจ ตื่นเต้น สนุก เรารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้จากบท พอเราได้เห็นภาพเรารู้สึกว่ามันดีกว่าที่คิดไว้อีก บางอันที่คิดไว้ เช่นฉากหิมะสกีรีสอร์ท ผมคิดไว้ประมาณนึง พอไปถ่ายจริงมันอลังการ ยิ่งใหญ่ บางครั้งด้วยความที่เราเขียนบทเอง ทำให้เกิดความกดดันเล็กๆว่าเล่นไม่ได้ได้ไงอ่ะ เขียนเอง จะมีความรู้สึกแบบนี้แทรกเข้ามาตลอด กดดันตัวเอง แต่ข้อดีคืออินกับตัวละคร จะรู้ว่าฉากนี้พูดเพื่ออะไร ผ่านการคุยกันมาหมดแล้ว

กางเกงขาสั้นกับอุณหภูมิ 0 องศา - มีอยู่ฉากหนึ่งที่ทรมานมากคือฉากที่ผมต้องใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ท่ามกลางอากาศหนาวที่สุด คืออุณหภูมิ 0 หรือใกล้ๆติดลบ เพื่อความสมจริงกับบทที่ตัวเองเขียนไว้ ก็เลยต้องโชว์สปิริต ในขณะที่คนอื่นแต่งตัวเต็มที่ แต่ผมทั้งหนาว ทั้งสั่น เพราะลมแรง เรียกว่าหนาวจนป่วย ลามจนเป็นหวัดเลย ต้องกินวิตามินซีตลอด

สกีรีสอร์ท สุดยอดความประทับใจ - ความประทับในการถ่ายทำ ที่ผมชอบมากๆคือที่สกีรีสอร์ท เพราะเกิดมาผมไม่เคยเล่นสกีมาก่อน พอเห็นลานสกีแล้วก็ตกใจ เราไปในช่วงที่ลานสกีมันปิดให้บริการแล้ว ช่วงที่เขาปิดไม่ให้คนเข้า เลยไม่มีนักท่องเที่ยวเลย แต่ว่าหิมะยังมีอยู่ แปลกมาก ชอบมาก ผมได้ไปเล่นสกี เล่นกี่ทีก็ล้มเกือบทุกครั้ง เวลาดูหนังแล้วเห็นคนหกล้ม ดูไม่น่าจะเจ็บ แต่จริงๆแล้วมันเจ็บ ถึงแม้จะล้มลงบนหิมะแต่เจ็บจริงๆ มีบ้างที่ประคองตัวได้ บอกพี่ๆว่าพอได้ๆ แต่ไม่ทันจบประโยคก็ล้มอีก แต่น้องหนูหนาเก่งมาก ไม่รู้ว่าพื้นฐานการเต้น มันจะช่วยทำให้มีเบสิคการทรงตัวหรือเปล่า

ปลาหมึกดูดปาก - ถือเป็นฉากที่โหดที่สุดสำหรับผม ในเรื่องต้องกินปลาหมึกเป็นๆ ในความเป็นจริงแล้วคนเกาหลี เวลากิน จะตัดหนวดเป็นชิ้นเล็กๆ ตัดหัวทิ้งไป หนวดก็จะสดมาก ยังดิ้นอยู่ แล้วก็โรยน้ำมันงา จิ้มน้ำจิ้มกินได้เลย ในฉากที่ต้องเล่นมันโหดกว่านั้นคือ ต้องกินทั้งตัว ไม่มีน้ำจิ้ม ไม่มีน้ำมันงา ผมต้องอมหัวปลาหมึกมันเข้าไป คือไม่กัดไม่งับ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะฆ่ามัน พอแค่ถ่ายได้ แต่สัญชาตญาณของมันคือการเอาชีวิตรอด มันเลยต่อสู้ ต่อสู้แรงเลย มันพยายามบีบรัดด้วยหนวดของมัน ผมก็ต้องทน กล้องก็ถ่ายต่อไป จนผมเริ่มทนไม่ไหว เพราะเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปลาหมึกเวลาเราไปจับหนวดมันจะดูดนิ้วแรงมาก นี่มันเป็นพื้นที่ในปาก มันก็เลยดูดปากผมไป ผมร้องเสียงหลงเลย มันดูดปากจนข้างในแตก เลือดก็ทะลักมาท่วมตัวปลาหมึก จนปลาหมึกกลายเป็นสีแดง แม้มันจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ ต้องคายออกมา ปากก็ค่อยๆบวมขึ้น บวมขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเป็นสูญญากาศ มันเป่งมาก ความยาวของหนวดประมาณ 8-9 นิ้ว ตอนนั้นพี่โต้งก็อึ้ง ตอนที่ปากผมเริ่มบวม มันบวมเหมือนมีปากอีกอันหนึ่งขึ้นมา ตอนถ่ายเทคแรกมันไม่กัดแรง แค่ดึงออกมา เจ็บนิดเดียว เลือดนิดเดียว แต่ครั้งนี้ตัวมันใหญ่ขึ้น มันดูดแรงกว่าเดิม ก็เลยไปโรงพยาบาลเลย พอไปถึงโรงพยาบาลหมอก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้เพราะไม่เคยมีเหตุแบบนี้มาก่อน ไม่รู้จะช่วยยังไงดี เดี๋ยวมันก็จะยุบลงไปเอง เค้าก็ไม่ได้ให้ยาอะไรเลย พอมาหาหมอที่เมืองไทย หมอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ใช่อาการบวมจากอาการอักเสบ มันบวมแบบสูญญากาศ ก็เลยไม่รู้จะทำอะไร รอให้แผลมันยุบลงไปเอง ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ประหลาดดีครับ

ฉากฮาๆ - มีฉากหนึ่งที่ผมต้องวิ่งตามรถ พี่โต้งบอกให้วิ่ง ผมก็วิ่ง แต่รถดันเร่งสปีด ผมเลยต้องวิ่งซอยเท้าอย่างเร็วเพื่อจะตามให้ทัน หน้ามันเลยออกมาเหมือนนักวิ่งทีมชาติ ทุกคนฮากันแบบน้ำตาไหล

กองถ่ายมหาอึด - มีช่วงหนึ่งของการถ่ายทำ ผมเหนื่อยมาก ต้องบินไปมา เพราะติดงานที่เมืองไทย พอบินกลับไปที่เกาหลี ก็เลยต้องรวบวันถ่าย ให้พอดีกับวันที่หายไป ก็เลยมีคิวหนึ่งที่ต้องถ่ายแบบนันสตอป 5 วันติด พักวันหนึ่งแล้วถ่ายอีก 6 วันติดๆ เรียกว่าคิวนั้นโหดมาก ก็เลยเป็นการถ่ายทำที่ทำให้พวกเรากลายเป็นกองถ่ายที่อึดมาก แต่ยอมรับว่าเป็นการทำงานที่มันส์มาก เพราะคนน้อย รวมแล้วประมาณ 15 คน ทุกคนสนิทกันหมด เพราะต้องกินนอนด้วยกัน เฮไหนเฮนั่น วันหยุดพักก็ออกไปกินข้าวด้วยกัน ไปช้อปปิ้ง เอาของมาอวดกัน

 

 

ยกนิ้วให้หมูย่างเกาหลี - อาหารเกาหลีอร่อยมาก สิ่งที่กินบ่อยๆคือ อาหารปิ้งย่าง หมูเกาหลี น้ำจิ้มนี่สุดยอดมาก กินได้ทุกมื้อเลย ต่างกับรสชาติที่กินที่บ้านเราเยอะเลย ข้าวหมูเกาหลี ไม่เหมือนกันเลยครับ คนละแบบ อาหารการกินที่นี่เต็มที่มาก ที่สำคัญผักกับกระเทียมเยอะมาก ผักอร่อย ปกติผมเป็นคนไม่ชอบกินผัก แต่ที่นู่นอร่อย แต่มีบางอย่างที่เราไม่ไปยุ่งกับมันอยู่แล้ว เช่น เนื้อหมา พอรู้ว่าร้านนี้ทำจากเนื้อหมา พวกเราก็ไม่ยุ่งละ ไม่เอา อาหารการกินอย่างอื่นๆก็ดี ปกติผมไม่กินกิมจิ แต่ซุปกิมจิอร่อย อยู่ที่นั่นเกือบสองเดือน อยู่มาวันหนึ่ง ขึ้นรถทัวร์เปิดข้าวกล่องมาเจอกระเพราไข่ดาว ทุกคนดีใจมาก เพราะกินแต่อาหารเกาหลี อาหารไทยไม่มีเลย เซอร์ไพร์สมาก กินกันเกลี้ยงเลยครับ

แฟนพันธ์แท้นักร้องเกาหลี - มีอยู่วันหนึ่งนั่งกินข้าวกันอยู่ จู่ๆก็เห็นมหาชน วิ่งผ่านร้านไปเกือบร้อยคน วิ่งกรี๊ดกร๊าดเสียงดังผ่านหน้าร้านไป ทีมงานดูตื่นเต้นมาก พี่โต้งรีบคว้ากล้องตามไปถ่ายรูป ปรากฏว่าที่กรี๊ดกันเพราะนักร้องชื่อดังของเกาหลี ชื่อ ลีเฮียวริ มีการ์ดช่วยกันเยอะมาก คือได้เห็นบรรยากาศจริงๆของแฟนพันธุ์แท้ที่เขาปลื้มศิลปินเกาหลีกัน

หนีไปดูคอนเสิร์ต - วันถ่ายวันสุดท้ายมีปาร์ตี้ปิดกล้อง ปรากฏว่าผู้กำกับ น้องหนูหนา และพี่ทีมงานอีก 2 คน หายไปทั้งคืน เพราะไปดูคอนเสิร์ตกันมา มี เรน ซุปเปอร์จูเนียร์ เกิร์ลเจนเนอร์เรชั่น เรียกว่าแต่ละคนที่ไปดูร่าเริงกันมาก อยู่ที่กองถ่ายหนูนาร้องเพลงให้ฟังทุกวันจนผมเริ่มจะร้องตามได้แล้ว

คาแรกเตอร์นางเอก - นางเอกเป็นคนตื่นเต้นกับทุกอย่าง สนุกสนานกับชีวิตเป็นอีกขั้วหนึ่งของพระเอกที่แอนตี้เกาหลีมาก แต่นางเอกชัดเจนว่าคลั่งไคล้สุดๆ พอสองคนนี้มาเจอกันมันก็เลยสนุก แต่พออยู่ด้วยกันไปสักพักต่างคนต่างเปลี่ยนตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว เข้ากันได้ดีซะงั้น

 

 

หนูนาฮอต หนุ่มเกาหลีตามแจ - เวลาเราถ่ายทำคนเกาหลีก็จะดูๆว่าถ่ายทำอะไรกัน น้องหนูนามีพวกผู้ชายตามมามองๆ ประมาณว่าชอบ เลยพยายามก้อร่อก้อติก เดินตามไม่หยุด ดูน่ากลัวหน่อย ผมก็ไม่ได้ช่วยอะไร ปล่อยให้เด็กเขาเรียนรู้เอง (หัวเราะ) หลังๆชักเริ่มไม่น่าไว้ใจ แต่โชคดีที่ทีมงานเราหน้าโหด เขาคงกลัวไปเอง

เม้าท์ถึงหนูนา - ตอนเวิร์คช็อป พี่เงาะแอคติ้งโค้ช บอกให้เราบอกข้อเสียของตัวเองว่ามีอะไรบ้าง ผมบอกว่าผมเป็นคน ขี้เกียจ อยากปรับปรุงมาก ส่วนหนูนาบอกหนูเป็นคนซุ่มซ่าม พี่เงาะก็บอกว่า ซุ่มซ่ามไม่น่าจะใช่ข้อเสีย น่าจะเป็นนิสัยมากกว่า เพราะเราไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซุ่มซ่ามคือเราไม่ได้ตั้งใจให้เกิด สุดท้ายคือจบว่าไม่มีข้อเสียอะไร พอคิวแรก วันแรกที่ถ่ายทำ หนูนาเอาไม้สกีทิ่มเข้าตาผม เลือดซิบเลย น้องบอกขอโทษมันเป็นอุบัติเหตุ จากนั้นคิวต่อๆไปน้องก็หกล้ม หน้าครูดลงไปกับพื้น แผลเต็มตัวไปหมด สุดท้ายก็ถ่ายฉากนี้ไม่ได้เพราะเจ็บ หลังจากนั้นทุกคนเดาทางได้ ชอบทำนั่นทำนี่ตก พอนับ 5 4 3 2 ก็จะสะดุดนั่นสะดุดนี่ หยิบของปุ๊บอันนี้หล่นใส่ จนผมรู้สึกว่าน้องซุ่มซ่ามของจริงแล้วล่ะ

 

 

เจริญอาหาร - นอกจานี้น้องหนูนาดูเจริญอาหารมาก กินเยอะจนน้ำหนักขึ้น จนพี่โต้งบอกพอละ ต้องบอกแบบจริงจัง น้องเลยต้องลดอาหารการกิน แรกๆที่ไปถึงยังเดาทางกันไม่ถูก ผมไม่ทานเนื้อ น้องหนูนาไม่ทานหมู พี่ทีมงานอีกคนไม่ทานไก่ คราวนี้ไม่รู้จะกินอะไรกันเลย พอมารวมตัวกัน ก็ออกแนวปลา หลังๆชักเบื่อ เลยบอกเราแยกกันดีกว่า อย่ารวมกันเลย

เชี่ยวชาญเส้นทาง - 2 เดือนของการถ่ายทำ ละแวกที่เราพัก ผมเชี่ยวชาญมาก รู้หมดว่ามินิมาร์ทอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วก็รู้ว่าสถานีรถไฟขึ้นอย่างไร จะเดินไปที่นี่ต้องไปอย่างไร เพราะศึกษาเส้นทางอยู่ทุกๆวัน เลยเริ่มรู้ว่าทางลัดที่จะไปโผล่ยังจุดหมาย ต้องผ่านตรงไหนบ้าง วันไหนที่ว่างจะไปเที่ยวด้วยตัวเอง นั่งรถไฟไปเอง สนุกดี

 

 

ฝันของ “เต๋อ” เป็นจริงที่เกาหลี - ในชีวิตนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะได้ทำ อย่างแรกคือขับรถปอร์เช่เปิดประทุนซึ่งมีพวงมาลัยฝั่งซ้าย อีกอย่างคือขี่มอแตอร์ไซค์ร่อนไปตามที่ต่างๆ เรียกว่าเป็นฉากในฝันที่ได้ขับรถหรู ซึ่งฉากนี้การถ่ายทำยากมาก เพราะต้องมีการกั้นถนน แถมยังเป็นถนนที่เกาหลี มันไม่เหมือนเมืองไทย คุยกันลำบาก โชคดีที่ทีมงานที่เกาหลีเขาฟิตมาก ดำเนินการทุกอย่าง ทำให้การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดี ส่วนฉากคาสิโนก็เป็นอีกฉากที่ค่อนข้างเหนื่อย เพราะคาสิโนก็ต้องเปิดรับลูกค้า เลยถูกจำกัดไปด้วยพื้นที่ เวลา ทุกอย่างต้องตามแผนเป๊ะ เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างซีเรียส เพราะเป็นของรัฐบาล เป็นฉากใหญ่อีกฉากที่ท้าทายมากครับ

พี่โต้ง - บรรจง จากผู้กำกับหนังผี สู่ผู้กำกับหนังรัก
เรื่องนี้เป็นหนังรักเรื่องแรกที่พี่โต้งกำกับ ไม่ใช่แนวที่เคยทำ เป็นการฉีกจากหนังผี มาเป็นหนังรัก แรกๆก็เห็นพี่เขาออกแนวเครียดๆบ้าง เพราะพี่โต้งเป็นคนจริงจังกับการทำงานมากครับ ถ่ายไปสักพักเริ่มไม่เครียด เพราะมีที่ระบาย เห็นด่าผมตลอด เวลาผมเล่นไม่ได้ แต่การโดนด่านี่มันช่วยได้มาก บางครั้งเรามองข้ามไป แต่พี่เขาบอกตรงๆ ทำให้เรารู้ว่าไม่ใช่ตรงไหน จะได้แก้กันได้ทันท่วงทีเลย

มุมมองความรัก - สำหรับผมมองว่าความรักไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว บางครั้งเกิดขึ้นเอง มาเอง โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว อย่างพระเอกมีส่วนใกล้เคียงกับเต๋อเยอะเหมือนกัน ตรงที่เป็นคนกวนๆ ไม่คิดอะไรกับใคร ต๊องๆไปวันๆ สนุกสนานกับเพื่อนบ้าบอไปวันๆ มีความขัดแย้งในตัวเอง บางครั้งที่เขาเป็นคนแบบนี้จะมีปมนิดหนึ่งตรงที่เขาไม่สามารถจริงจังอะไรได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่มั่นคง หรือเก็บเงินอาจจะทำไม่ได้ เป็นคนจับจด จนกระทั่งวันหนึ่ง เจอคนที่คิดว่ายอมรับในจุดๆหนึ่งได้ ก็เลยเป็นความขัดแย้งในใจว่าเอาไงดี ในชีวิตจริงไม่เคยขัดแย้งแบบนี้ เพราะลื่นไหลมาก ในชีวิตหนึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ยากเหมือนกัน ผมรู้สึกว่ามีเส้นอยู่เส้นหนึ่งที่เราเลือกจะก้าวข้ามไป ถ้าเราก้าวไปแล้วเราจะกลับมาไม่ได้ แต่ถ้าเราพอใจในโซนของเรา เราก็ไม่ต้องก้าวข้ามเส้นนั้นไป ในชีวิตจริงคนเราบางครั้งเขาไม่ให้เรากลับมาแล้ว หมายความว่าเราต้องเลือกว่า เราอยู่กันมานาน เรามีความสุขหรือยัง ประมาณนี้โอเคหรือยัง กับการทิ้งไปแล้วไปลองเสี่ยงกับสิ่งใหม่ๆ ซึ่งแล้วแต่คน แค่เส้นนึงที่เราจะเลือกก้าวไปข้างหน้าหรือยู่ที่เดิม ผมพอใจกับอะไรง่ายๆ ผมเลยอยู่ที่เดิม

เต๋อ ตั้งใจเกินร้อย - ที่ผ่านมาในฐานะอาชีพนักแสดง ผมมักเข้ามาตอนบทเสร็จแล้ว ครั้งนี้พูดได้เต็มปากว่าเหมือนเป็นลูกเลย ค่อยๆปั้นมันขึ้นมาจนได้เป็นส่วนหนึ่งของมันด้วย รู้สึกว่าเหนื่อยแต่มีความสุขมาก เต็มที่ ทั้งเหงื่อแตก หนาวสั่น เป็นไข้ไม่สบาย อยากให้ลองดูกันเยอะๆนะครับ

นางเอกหนังรักคนใหม่ หนูนา – หนึ่งธิดา โสภณ

 

 

เกาหลีฝันที่เป็นจริง - ชอบมากได้ไปเกาหลี เป็นประเทศที่อยากไปที่สุด ได้ไปเที่ยว ได้เจอคนเกาหลี ได้เรียนรู้ภาษาเกาหลีแบบง่ายๆ ชอบมาก สนุกมาก หนูชอบนักร้อง ชอบดงบังชินกิ ชื่อจิมแจจุน เรียกว่าเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบศิลปินเกาหลีที่สุดเหมือนกัน นางเอกในเรื่องบ้าดาราเบยองจุน ส่วนหนูนาบ้านักร้อง ดีใจได้ไปประเทศที่เราชอบ และเป็นหนังเรื่องแรกของเราด้วย เรียกว่าเครซี่เลย ไม่ได้ชอบเฉพาะนักร้อง ชอบประเทศ ชอบอากาศ ชอบคน ชอบภาษา ชอบทุกอย่าง เป็นครั้งแรกของหลายๆอย่าง

ที่สุดของความประทับใจ - ต้องยกให้เกาะนามิ ไปตอนแรกเป็นช่วงรอยต่อที่กำลังจะเปลี่ยนฤดู จากหนาวเป็นใบไม้ผลิ ไปครั้งแรกคิดว่าทำไมคนเกาหลีมาเที่ยวเกาะนามิ มันดูแห้งๆ ต้นไม้แห้งๆ ไม่เห็นสวยเลย แต่พอไปอีกที เป็นช่วงที่มันผลิแล้ว แค่ใบไม้อย่างเดียวสวยมาก มีสีเหลือง สีแดง สีเขียวอ่อน เขียวเข้ม ตัดกับท้องฟ้า ข้างหลังมีแม่น้ำเป็นทะเลสาป สวยมาก ตื่นตาตื่นใจมาก ต่างจากตอนแรกที่ไป คือมันเป็นช่วงเปลี่ยนฤดูพอดี ไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน เลยไม่รู้ว่าเวลาใบไม้ผลิ ทุกอย่างจะเปลี่ยนสีไปหมด เป็นประเทศแรกที่ได้ไป หนูไม่เคยนั่งเครื่องบิน เป็นการนั่งเครื่องบินครั้งแรก ตื่นเต้นมาก เกาหลีเป็นประเทศที่สวยมาก ยิ่งเป็นประเทศแรกที่ได้ไป ยิ่งประทับใจมาก ได้ใส่เสื้อกันหนาวสวยๆด้วย ปกติอยู่เมืองไทยไม่ค่อยได้ใส่กัน หน้าหนาวยังใส่แขนสั้นอยู่เลยเพราะร้อนมาก

 

 

วิญญาณนักช้อปเข้าสิง - มาถึงแหล่งทั้งที วิญญาณนักช้อป สิงเข้าร่างทุกคน ส่วนใหญ่จะมีแก็งค์ปล่อยไหล ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการ ช้อปปิ้ง หนูก็อยู่ในแก็งค์นี้ด้วย ช้อปกระจาย เน้นพวกเสื้อผ้า ย่านทงแดมุน นำแดมุน สนุกมาก เรียกว่าแหล่งช้อปปิ้งมีที่ไหน พวกเราก็ไปมาทุกที่ พอถ่ายทำกันไปสักพัก ทีมงานเริ่มแต่งตัวกันแรงขึ้น เนียนเหมือนวัยรุ่นแถวนั้น หลังๆเริ่มเชี่ยวชาญนั่งรถไฟไปเที่ยวเองหลายที่ ข้ามแม่น้ำไปซิ่งกัน

อาหารการกินที่โปรดปราน - อาหารของที่นี่มีเพียบ ชอบมากค่ะ กินจนน้ำหนักขึ้นพรวดๆ ที่ชอบที่สุดคืออาหารพวกปิ้งย่าง ร้านเด็ดเป็นร้านตรงข้ามที่พัก เป็นแบบซีฟู๊ดเอามาปิ้งย่าง กินกับน้ำจิ้มอร่อยมาก ร้านนั้นไปกินมาหลายรอบ เรียกว่ากองถ่ายเราไม่เดือดร้อนเรื่องอาหารการกิน เพราะทุกคนแฮปปี้กับอาหารเกาหลี สามารถกินเนื้อย่างเกาหลีได้บ่อยๆ

ที่สุดของความกรี๊ด - หนูนามีโอกาสได้ไปดูดรีมคอนเสิร์ต เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ที่รวม นักร้อง ศิลปินดังๆ ของเกาหลีไว้ในคอนเสิร์ตเดียว งานนี้เลยไม่พลาดขอติดสอยห้อยตามพี่โต้งผู้กำกับ และพี่ทีมงานไปดูคอนเสิร์ต สนุกมาก ประทับใจที่สุด ตื่นตาตื่นใจกับแสงสีเสียง แต่เสียดายนิดเดียว ไม่มีดงบังชินกิ เพราะรู้ว่าเราชอบเขาเลยไม่มาเลย (หัวเราะ)

ฉายา “จอมซุ่มซ่าม” - ความซุ่มซ่ามของหนู ไม่ได้เป็นการซุ่มซ่ามแบบแอ๊บแบ๊ว เพราะแค่ฉากแรกก็เอาไม้สกีไปจิ้มตาพี่เต๋อ ซะเลือดไหล ต้องรีบขอโทษพี่เขาใหญ่เลย เรื่องโก๊ะ ฮาๆ ส่วนใหญ่จะเป็นหนูนาทั้งนั้น เพราะเป็นคนซุ่มซ่ามของแท้ จนหลายคนอาจจะคิดว่าคนแบบนี้มีด้วยเหรอ เป็นคนขี้ลืมมาก ชอบตั้งของทิ้งไว้ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ กระเป๋าตังค์ โต๊ะอาหารตรงกาลางจะมีของหนูวางอยู่ตลอด แล้วก็จะงง นี่ก็ไปทำแหวนทองหายที่นู่นด้วยค่ะ วางไว้ในห้องน้ำแล้วก็ลืม และยังมีอีกหนึ่งวีรกรรมในฉากที่ต้องวิ่ง แต่หนูนาก็ยังคงเป็นหนูนาอยู่วันยังคำ วิ่งแล้วก็ล้ม วิ่งแล้วอยู่ๆก็หายไปจากเฟรมเลย ทุกคนก็อึ้งว่าหนูนาไปไหน จริงๆก็ล้มคว่ำอยู่ตรงนั้น ทั้งเลือดทั้งแผลเต็มไปหมด ได้แผลกลับมาตลอด

อยู่เกาหลีเลยต้องไกลบ้าน - คุณแม่ตอนแรกก็เป็นห่วง แต่หลังๆปล่อยให้พี่ๆทีมงานดูแลไปแล้วกัน ทุกครั้งที่ไปไหนไกลๆก็จะมีแม่ไปด้วยตลอด ไม่เคยห่างแม่เกิน 3 วัน เคยนานสุดตอนเข้าค่าย นี่ไป 2 เดือน ตอนแรกก็เจื่อนเหมือนกัน เพราะเหงา มีช่วงอาทิตย์หนึ่งก่อนกลับ คือในใจคิดถึงบ้าน เพราะเป็นคนติดบ้าน ติดที่นอนตัวเอง เป็นห่วงหนังสือการ์ตูน ซีดีที่เก็บไว้ คิดไปไกลเลยค่ะ ช่วง 5 วันก่อนกลับจะรู้สึกว่า อยากกลับใจจะขาด คิดถึงแม่ คิดถึงน้องชาย คิดถึงพ่อ แต่ 2 วันก่อนกลับ ขออยู่ต่อได้ไหม ยังอยากช้อปปิ้ง

เห็นหิมะตกครั้งแรก - มีฉากที่ต้องเล่นสกี ต้องมีหิมะโปรยปราย แต่มันจะหมดฤดูที่หิมะตกแล้ว แต่กองถ่ายเราก็โชคดีที่หิมะตกลงมาจริงๆ ดีใจกันทั้งกองถ่ายเลยค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหิมะตก คิดมาเสมอว่าหิมะต้องเป็นลักษณะกลมๆ จริงมันเป็นสะเก็ดๆแฉกๆเหมือนในการ์ตูนเลย สวยมาก

ไฮโซแต่ต้องทนหนาว - มีฉากหนึ่งที่ต้องแต่งตัวหรูหราไฮโซ ทำโรแมนติก ท่ามกลางอากาศหนาวจัด ยิ่งตอนกลางคืนอุณหภูมิก็ยิ่งลดลง แถมในฉากนี้ต้องนั่งรถเปิดประทุน เรียกว่าลมแรงจนตัวสั่น แต่เป็นการทำงานที่สนุกมาก อึดทั้งนักแสดงและทีมงาน

 

การร่วมงานกับพระเอกจอมกวน - การร่วมงานกับพี่เต๋อ สนุกดีค่ะ เพราะพี่เขาเหมือนพี่ชาย คุยล้อหยอกกันไปมา มีเรื่องแอบเมาท์ของพี่ เต๋อเรื่องหนึ่ง มีอยู่ฉากนึงที่พี่เต๋อต้องร้องไห้ บิ๊วยังไงพี่เต๋อก็ไม่ยอมร้อง จนพี่โต้งต้องบอกว่าให้ลองนึกภาพตามว่าถ้าพี่พีคแฟนพี่เต๋อต้องเข้าโรงพยาบาล เต๋อจะรู้สึกอย่างไร พอพูดแค่นี้พี่เต๋อน้ำตาแตกเลยค่ะ วิธีนี้เจ๋งมาก อีกเรื่องพี่เต๋อไม่ค่อยช้อปปิ้งเหมือนพวกสาวๆแต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่พี่เต๋อต้องตามล่าในทุกที่คือ ชอคกาจุ๊บ แบบไม่มีน้ำตาล ซื้อไปฝากพี่พีคห่อเบ้อเริ่มเลย จนทุกคนในกอง แซวกระจาย

ร่วมงานกับพี่โต้งผู้กำกับ - สนุกมากเลยค่ะ พี่โต้งเป็นผู้กำกับที่ไม่ดุ พี่เขาเป็นคนทำงานละเอียด หนูเคยทำงานละครมาก่อนก็จะถ่ายแบบแป๊บๆ พอมาถ่ายหนังตอนแรกคิดว่า ทำไมหนังถ่ายเยอะจัง ยากมาก เพราะต้องถ่ายตามคัท จังหวะของหนังจะถ่ายเยอะจนตอนแรกนอยด์ไปสักพัก คิดว่าตัวเองเล่นไม่ดี แต่จริงๆเป็นธรรมชาติของหนังที่ต้องถ่ายหลายคัทอยู่แล้ว

รักแรกพบเกิดขึ้นได้ - หนูนาว่าความรักแบบแรกพบ น่าจะเกิดขึ้นได้ บางคนเจอกันแค่ครั้งเดียวยังรู้สึกรัก ตกหลุมรักเข้าเต็มเปา เก็บไปคิดเป็นจริงเป็นจัง เพ้อฝันเป็นเดือนเป็นปี แสดงว่ารักแรกพบมีอยู่จริง แม้ไม่เคยรู้จักกัน เราอาจจะรักกันได้ เรื่องที่จะสมหวังไม่สมหวังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความรัก มันเกิดขึ้นได้

ฝากแฟนๆช่วยเชียร์ - หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในชีวิตของหนูนา เป็นหนังที่ตอนถ่ายสนุก ทีมงานทุกคนตั้งใจกันเต็มที่ เป็นความสนุกที่มีความท้าทายอยู่ เพราะต้องแข่งกับเวลา แข่งกับสภาพอากาศ ส่วนตัวแล้วหนูนาภูมิใจกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะทำให้ตัวเองกล้าเปิดโลกของตัวเอง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทั้งเรื่องการแสดง และการใช้ชีวิต อยากให้ทุกคนติดตาม และช่วยกันเชียร์ หนังเรื่องแรกในชีวิตของหนูนาด้วยนะคะ

 

   
   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.