ส่างหม่อง (อนันดา เอเวอริงแฮม) - หนุ่มชาวพม่า หลานชายของ พะโป้ คหบดีใหญ่เจ้าของสัมปทานป่าไม้ผู้ทรงอิทธิพล ส่างหม่องกำพร้าบิดามารดาตั้งแต่ยังเด็ก และได้รับการอุปถัมภ์เลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากพะโป้ผู้เป็นอา ทำให้เขาเคารพรักและบูชาพะโป้ประดุจบิดาบังเกิดเกล้า แต่แล้วเมื่อชายหนุ่มต้องตกหลุมพรางแห่งกิเลสตัณหาที่มาในร่างของอาสะใภ้อย่าง ยุพดี กรอบแห่งประเพณีและศีลธรรมอันดีที่เคยเคร่งครัดก็มิอาจหยุดยั้งเขาไว้ได้
ไอ้ความง่ายของบทไม่รู้มันมีหรือเปล่า แต่เรื่องยากน่ะมีเพียบเลย (หัวเราะ) ตัวละครของส่างหม่อง สำหรับผมมันอาจจะยากเป็นพิเศษหน่อย เพราะว่ามันจะเริ่มจากคนที่ใสเป็นผ้าขาวมาก และพอคาแร็คเตอร์มันดำเนินไป มันก็จะค่อยๆ มืดขึ้น เมื่อมันโดนดึงเข้าไปด้านมืด สิ่งที่มันยากก็คือพัฒนาการจากคนไร้เดียงสากลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยกิเลส ความใคร่หรือตัณหาราคะ การพัฒนาคาแร็คเตอร์ตรงนี้ค่อนข้างยากหน่อย และนี่ยังไม่พูดถึงฉากดราม่าต่างๆ มีอะไรยากๆ เต็มไปหมดเลย
คือทั้งส่างหม่องกับยุพดีอยากจะอยู่ใกล้ชิดกันมาก พะโป้ก็เลยทำให้สมหวังล่ามโซ่ให้อยู่ด้วยกันตลอดเลย ซึ่งผมรู้สึกว่า มนุษย์มันเกิดมาเพื่อให้อยู่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ การที่จะโดนผูกติดกับมนุษย์อีกคนหนึ่งมันผิดธรรมชาติมาก ทุกคนต้องการความเป็นอิสระ คือถ้าดูผิวเผิน มันก็ดูเป็นสิ่งโรแมนติก เรารักกัน จะได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป แต่บางทีเราไม่ได้คำนึงถึงเรื่องอื่นๆ มันมีความลำบากอยู่ตรงนั้น ในที่สุดการที่ถูกผูกติดกันอย่างนี้มันก็เป็นสูตรสำหรับหายนะอยู่แล้ว
นักแสดงหนุ่มมากความสามารถ อนันดา เอเวอริงแฮมมีผลงานการแสดงอันเป็นที่ยอมรับระดับแถวหน้าของวงการ หลังจากแจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่องแรก อันดากับฟ้าใสผลงานการกำกับของหม่อมน้อยเมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดทั้งคู่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในเรื่องนี้ ซึ่งอนันดาบอกว่าสุดเกร็งเหมือนต้องทำงานกับครูและพ่อของตัวเอง แต่ถึงที่สุดแล้ว เขาก็ทุ่มเททั้งตัวและหัวใจให้กับการแสดงเรื่องนี้อย่างสุดฝีมือ
ผลงานภาพยนตร์ : อันดากับฟ้าใส (2540), 303 กลัว กล้า อาฆาต (2541), คนสั่งผี (2546), ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ (2547), Twelve Twenty (หนังสั้น-2549), Me
Myself ขอให้รักจงเจริญ (2550), พลอย (2550), โรงงานอารมณ์ (Pleasure Factory - 2550), ดึกแล้วคุณขา (2550), เมมโมรี่...รักหลอน (2551), The Leap Years หยุดหัวใจไว้รอเธอ (February 29 - ฉายไทย 2551), สะบายดีหลวงพะบาง (2551), โลงต่อตาย (The Coffin - 2551), ปืนใหญ่จอมสลัด (2551), แฮปปี้เบิร์ธเดย์ (2551), สวัสดีบางกอก ตอน Bangkok Blues (หนังสั้น-2552), ชั่วฟ้าดินสลาย (2553), อินทรีแดง (2553), Hi-So (2554)
ยุพดี (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) - สาวชาวพระนครผู้เลอโฉมผู้รักการอ่านหนังสือ รักดนตรี และศิลปะร่วมสมัยเป็นอย่างยิ่ง และจากอาชีพเลขาที่ทำให้เธอสมาคมกับชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย ทำให้ความคิดความอ่านของเธอล้ำสมัยไปกว่าสตรีชาวสยามในยุคสมัยนั้น เธอรักเสรีภาพและความเป็นปัจเจกชนประดุจลมหายใจ
ยุพดีกำพร้าทั้งบิดามารดา เธอต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้ส่วนลึกในใจของเธอนั้นแสวงหาซึ่งความรัก และ พะโป้ก็ปรากฏกายให้เธอได้ยึดเหนี่ยวและน่าจะเติมเต็มความรักครั้งใหม่นี้ให้สมบูรณแบบได้ ถ้าหากว่า ส่างหม่องไม่แฝงร่างมาในเงาแห่งรักนั้นให้หัวใจของเธอหวั่นไหวเสียก่อน
ถือว่าเป็นตัวแทนผู้หญิงยุคใหม่ในสมัยนั้นเลยนะ คือยุพดีจะเป็นคนที่กล้าฉีกม่านประเพณีออก กล้าฉีกทุกอย่าง และก็ซื่อตรงกับความคิดความรู้สึกของตนเองมาก คือไม่ใช่ปากอย่างใจอย่าง ใจอยากทำอย่างนี้แต่ว่าประเพณีบ้านเมืองและสังคมกรอบมันเป็นแบบนี้ แต่เธอเป็นคนแบบไม่สนใจ ไม่แคร์ ก็คล้ายๆ พลอยตรงที่ว่ารักอิสระ เป็นคนที่รักอิสระมากๆ ไม่ชอบอยู่ในกรอบเหมือนกัน
จริงๆ แล้ว ชั่วฟ้าดินสลาย นี่ โดดเด่นมาตั้งแต่บทประพันธ์แล้ว เป็นบทประพันธ์ที่พูดได้ว่า พลอยไม่เคยอ่านบทประพันธ์ไหนที่แบบว่าทำให้เฌอมาลย์ร้องไห้ได้ทันควันมากมายขนาดนี้ เป็นบทประพันธ์ที่ดีมาก ตัวหนังก็ให้แง่คิดได้หลายมุมมอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ถ้าคนเราทำอะไรที่ตามความรู้สึกมากจนเกินไป ก็อาจจะนำผลเสียมาให้ตัวเองได้ และมันก็จะมีมุมมองความรักอันสวยงามที่สะท้อนออกมาในบทพูดของตัวแสดงแต่ละประโยค ซึ่งพลอยเอง พลอยอ่านแล้วก็เออ...จริง มุมมองความรักแบบนี้ จริงนะ ทำไมเราไม่คิดแบบนี้บ้าง
ด้วยความสามารถที่หลากหลาย พลอย เฌอมาลย์ผ่านงานในวงการบันเทิงมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นละคร, ภาพยนตร์, ถ่ายแบบ, พิธีกร และดีเจ จนปัจจุบันชื่อชั้นของเธอก็สามารถขึ้นแท่น นักแสดงหญิงแถวหน้า ของไทยได้อย่างสมศักดิ์ศรี และโดยเฉพาะกับภาพยนตร์เรื่องนี้ การทุ่มเทพลังการแสดงอย่างสุดหัวใจของเธอที่จะต้องครองใจผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ย่อมให้ผลลัพธ์ที่สุดคุ้มค่าแก่การชมอย่างแน่นอน
ผลงานภาพยนตร์: Goodbye Summer เอ้อเหอเทอมเดียว (2539), สตางค์ (2543), แมนเกินร้อย แอ้มเกินพิกัด (2546), เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล (2546), บุปผาราตรี (2546), The Park สวนสนุกผี (2546), บุปผาราตรี เฟส 2 (2548), รักแห่งสยาม (2550), สี่แพร่ง ตอน Last Fright (2551), บุปผาราตรี 3.1 (2552), บุปผาราตรี 3.2 (2552), ชั่วฟ้าดินสลาย (2553)
พะโป้ (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) มหาเศรษฐีหม้ายชาวพม่าผู้สืบเชื้อสายมาจากเจ้านายชั้นสูงในรัฐฉาน ทำให้เขาภาคภูมิและหยิ่งทะนงในเกียรติภูมิของตนจนเหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นคนสองบุคลิก ด้านหนึ่งเป็นผู้มีเมตตากรุณายึดมั่นในพระพุทธศาสนา ส่วนอีกด้านกลับเป็นเพลย์บอยอย่างหาตัวจับยาก และมีนางบำเรอหลายสิบนางอยู่ในอาณาจักรแห่งเขาท่ากระดานของเขา
พะโป้ให้ความรักและเมตตาอย่างลึกซึ้งต่อ ส่างหม่อง หลานชายของเขา แต่เมื่อหม้ายสาวหัวสมัยใหม่อย่าง ยุพดี ผู้จุดประกายแห่งรักแท้แก่เขา และทำลายมันลงอย่างไม่ใยดีเดินเข้ามาในชีวิต โศกนาฏกรรมรักครั้งใหญ่จึงบังเกิดอย่างไม่คาดฝัน
คาแร็คเตอร์พะโป้แตกต่างไหม ในชีวิตจริงพี่ก็ไม่มีนางบริวาร อิทธิพลก็คงไม่มีด้วย ก็น่าจะแตกต่างมาก (หัวเราะ) แต่ว่าโอเค อารมณ์แกว่งก็ทุกคนคงเป็นอาร์ติส พูดถึงมีบ้าง มีโกรธ มีดีใจสุดขีด มีโกรธสุดขีด ไม่เถียง อาร์ติสทุกคนเป็นอย่างนี้ ก็คิดว่ามันก็ไม่เหมือนเลยทีเดียว แต่ว่าถามว่าเล่นตัวพะโป้ได้ไหม ได้เพราะว่าได้ศึกษามาก่อนว่าคาแร็คเตอร์เขาเป็นยังไง เพราะหม่อมได้บรีฟมาแล้วว่าโอเค เอาอารมณ์ดีของคนนี้มา เอาอารมณ์เจ้าชู้ของคนนี้มา แล้วเอามารวมกันเป็นพะโป้และลองเล่นดู ก็โอเคครับ
ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย ผมคิดว่าน่าจับตาดูมากครับ เพราะยุคนี้ก็มีแต่ถ้าไม่ใช่หนังผี ก็เป็นหนังคอเมดี้ เป็นหนังตลกหรือไม่ก็หนังวัยรุ่น นี่เป็นหนังราม่าค่อนข้างที่จะหนักเป็น Tragedy อย่างหนึ่ง ที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ที่ยังไม่อยากเปิดเผยตอนนี้ แต่ว่ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ รวมถึงทีมนักแสดงแต่ละคนก็เล่นกันอย่างเต็มที่ นักแสดงมีไม่กี่คน แต่ว่าแต่ละคนก็ได้บทดราม่าหนักๆ กันทั้งนั้น เนื้อหาก็สะท้อนความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง สะท้อนสังคมไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยมนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์ที่ยังมีกิเลสตัณหากันอยู่ และนี่ก็เป็นการกลับมาอีกครั้งหนึ่งในการกำกับหนังของหม่อมน้อย เป็นแนวทางของหม่อมน้อยเองเลยซึ่งมันก็ไม่ได้ถูกสร้างมานานแล้วเหมือนกันครับ
เป็นอีกหนึ่งนักแสดงเจ้าบทบาทที่ดูมีพลังอำนาจแฝงอยู่ในตัวอย่างเงียบๆ นั่นทำให้ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ถูกเลือกให้มารับบทบาทที่อาจกล่าวได้ว่าโดดเด่นที่สุดในชีวิตการแสดงของเขานี้ และเขาเองก็ปล่อยพลังการแสดงสุดเชือดเฉือนบาดลึกทางอารมณ์ได้อย่างลงตัวทีเดียว
ผลงานภาพยนตร์ (บางส่วน): ล่าข้ามโลก (2526), สงครามเพลง (2526), แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว (2542), After School วิ่งสู่ฝัน (2553), Who Are You? ใคร...ในห้อง (2553), ชั่วฟ้าดินสลาย (2553)
นิพนธ์ (เพ็ญเพชร เพ็ญกุล) นักเขียนหนุ่มวัย 35 ผู้มีหัวก้าวหน้าและอนาคตไกล เขาทำงานประจำที่หนังสือพิมพ์ ประชาชาติ รายวันและรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์อันเป็นที่นิยมในพุทธศักราช 2486 บิดามารดาของเขามีอาชีพค้าไม้ ทำให้ครอบครัวของเขาได้ทำธุรกิจและสนิทสนมกับ พะโป้
และในวันหนึ่ง เมื่อเขากลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่กำแพงเพชร และได้รับการเชิญชวนจากพะโป้ให้เข้าป่าล่าสัตว์ที่ค่ายพักเขาท่ากระดาน. นั่นทำให้นิพนธ์ได้รับรู้เรื่องราวอันน่าพิศวงในโศกนาฏกรรมรักของ ส่างหม่อง และ ยุพดี เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
ความยาก-ง่ายของการแสดงเรื่องนี้มันอยู่ที่ความลึกของตัวละคร เราจะเล่นอย่างไรให้คนดูเขารู้สึกตามไปกับเรา เพราะว่าเราจะเป็นคนพาคนดูเข้าไปสู่บรรยากาศในเรื่องนี้นะครับ ก็พยายามคิดแล้วก็จินตนาการตามไปเรื่อยๆ
คาแร็คเตอร์นิพนธ์นี้ที่เหมือนเลยคืออายุนะครับ อยู่ในช่วงวัยเดียวกัน แล้วก็ทางด้านความคิดก็มีอะไรคล้ายๆ กันนะครับ การคิดการจินตนาการตามเรื่องก็เลยไม่ค่อยยากเท่าไหร่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ปรับแต่งเอานิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่หม่อมจะเลือกคนที่แบบคาแร็คเตอร์ที่มันใกล้เคียงกับตัวละครอยู่แล้วครับ ซึ่งตัวนิพนธ์เนี่ย หม่อมเขาอยากให้ตัวนี้เป็นตัวแทนของผู้เขียนเรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย ด้วยครับ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นที่ไม่สั้นทีเดียวนะครับ ก็พออ่านไป มันทำให้เห็นความต้องการของมนุษย์ลึกๆ นะครับ คือมันเป็นเรื่องกิเลสตัณหา แล้วก็บาปบุญที่แบบว่าบางทีเราก็เผลอ หรือว่ายั้งตัวไม่ทันนะครับ เป็นเรื่องสั้นที่ดีมากอีกเรื่องหนึ่งนะครับ ถ้ามีโอกาสคงต้องหาอ่านกัน พอถูกดัดแปลงมาเป็นหนังโดยฝีมือหม่อมน้อย ก็การันตีความน่าดูได้แล้วครับ
นักแสดงหนุ่มที่ห่างหายจอภาพยนตร์ไปพักใหญ่ๆ ล่าสุดก็ได้ฤกษ์ที่ เพ็ญเพชร เพ็ญกุลจะคืนจอแปลงโฉมเป็นหนุ่มนักเขียนผู้จะนำพาคนดูไปประสบพบเจอกับโศกนาฏกรรมรักอันยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้อย่างน่าติดตามและเอาใจช่วยในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผลงานภาพยนตร์: เร็วกว่าใจ ไกลเกินฝัน (2536), วิ่งหน้าตั้งกำลัง 2 บนเส้นทางมหัศจรรย์ (2536), ถ้ารักแล้วจะแห้วไม่ว่ากัน (2536), สมองกลคนอัจฉริยะ (2536), เดอะโกร๋น ก๊วน กวน ผี (2547), ชั่วฟ้าดินสลาย (2553)
ทิพย์ (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) - ชายชาวพระนครวัยกลางคน ผู้ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน เขาเป็นผู้จัดการปางไม้ของพะโป้ที่เขาท่ากระดาน ทิพย์เป็นคนเปิดเผยซื่อตรงและน่าเชื่อถือ ทำให้พะโป้ไว้วางใจเขายิ่งนัก เขายินดีที่จะมอบความช่วยเหลือทุกคนอย่างจริงใจในทุกสถานการณ์
และเขาคนนี้เองที่เป็นผู้กุมความลับและเปิดเผยเรื่องราวความรักของ ส่างหม่องและ ยุพดีที่มีกิเลสตัณหาเป็นที่ตั้งอันนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ให้นิพนธ์ได้รับรู้
เรื่องนี้ผมรับบทเป็น ทิพย์ ครับ ทิพย์จะเป็นผู้ช่วยดูแลปางไม้ของพะโป้ จะเป็นคนที่จิตใจดี แล้วก็รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ แต่ว่าต้องเก็บไว้ในใจ แต่ก็แสดงความรู้สึกออกไปด้วยการยิ้ม เพื่อจะเก็บเรื่องทั้งหมดไว้ เป็นคนที่เข้าใจชีวิตคนทุกๆ คนในเรื่องนะครับ ทั้งเรื่องของส่างหม่องที่เป็นชู้รักกับยุพดี เราก็รู้ เราเห็นการกระทำของเขาทุกอย่าง แต่ว่าไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้ เพราะว่าไม่อยากให้พะโป้ซึ่งเป็นเจ้านายเราเนี่ยได้รับรู้ ก็เหมือนทำให้เรากดดัน อึดอัดอยู่เหมือนกันนะครับ
เล่นกับหม่อมเป็นประจำอยู่แล้ว แทบจะทุกเรื่อง ก็เหมือนพี่เหมือนอาจารย์ คือเขาให้โอกาสเราน่ะครับ สไตล์การกำกับของหม่อมไม่ค่อยจะเหมือนผู้กำกับคนอื่น คือต้องซ้อมก่อน ต้องทำการบ้าน ถ้าทุกคนไม่ทำการบ้านจะทำงานไม่ได้เลยเรื่องนี้ แต่ก็สบายใจขึ้นเพราะเราได้ทำการบ้านมา มาถึงปุ๊บทำงานเนี่ย เรามีความมั่นใจมากขึ้น และโอกาสที่จะพลาดหรือหลุดมันก็มีน้อย หรือบางทีหลุดนิดๆ หน่อยๆ เนี่ย หม่อมก็จะคอยบิ๊วท์ให้ ว่าตรงนี้เป็นอย่างนี้นะ อย่างนี้นะ เราก็สบายใจทำงานกับเขา ไม่เหมือนทำงานที่อื่น ที่โยนให้ แล้วเอาไปเล่นเองนะ บางทีก็ตีความมันผิดบ้างถูกบ้าง คือหม่อมจะเป็นคนละเอียดมากในการกำกับ
เป็นอีกหนึ่งนักแสดงเจ้าบทบาทที่ห่างหายจากจอภาพยนตร์ไปเป็นเวลานาน กลับมาครั้งนี้ ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ก็ได้รับบทสำคัญมากบทหนึ่งของเรื่องที่ต้องอาศัยฝีมือทางการแสดงให้ผู้ชมเชื่อถือในคำบอกเล่าของเขาถึงโศกนาฏกรรมรักอันยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งเขาก็สามารถถ่ายทอดความเป็นตัวละครนี้ออกมาได้อย่างสมจริงและน่าติดตามไปตลอดทั้งเรื่อง
ผลงานภาพยนตร์: พี่เลี้ยง (2531), ทองประกายแสด (2531), ขุมทรัพย์เมืองลับแล (2533), หล่อ ซ่า เซอร์กับเธอผู้หวานใจ (2536), ฉีกป่าล่าคน (2538), เชอรี่แอน (2544), ชั่วฟ้าดินสลาย (2553)
มะขิ่น (ดารณีนุช โพธิปิติ) อดีตนางบำเรอเอกของพะโป้ที่ถูกปลดระวางไปเป็นแม่บ้านในอาณาจักรปางไม้เขาท่ากระดาน เธอรักและซื่อสัตย์ต่อพะโป้อย่างสุดจิตสุดใจ แม้จะถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดีก็ตาม นั่นทำให้มะขิ่นรู้สึกอิจฉาที่ ยุพดีเข้ามาเป็นนายหญิงคนใหม่ และได้ครองทั้งตัวและหัวใจของพะโป้ไปเสียทั้งหมด
เมื่อเธอได้รับรู้ถึงความรักที่มิอาจหักห้ามเสน่หาของ ส่างหม่องและ ยุพดีแม้จะไม่เห็นด้วย แต่มะขิ่นก็พยายามช่วยให้ทั้งคู่หลุดจากความทรมานของพันธนาการแห่งรักนั้น
มะขิ่นเนี่ยเปรียบไปก็เป็นเหมือนแบล็คอัพ เป็นคนที่ดูแลอาณาจักรของพะโป้ แล้วก็เคยเป็นภรรยา ซึ่งพะโป้เนี่ยก็เก็บกวาดผู้หญิงทั้งหมดในอาณาจักรเป็นภรรยา พี่ก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น แต่เป็นรุ่นเก่า แล้วพอเขาเบื่อแล้วเนี่ย เขาก็จะหมุนเวียนภรรยาส่งไปให้ลูกน้องต่างๆ แต่สำหรับพี่เนี่ยก็ได้อยู่ประจำตำแหน่งดูแลภาพรวม เป็นเหมือนแม่บ้านใหญ่ที่คอยดูแลที่นี่ แต่ลึกๆ แล้วมะขิ่นเนี่ยไม่ได้อยู่ด้วยหน้าที่ แต่อยู่เพราะว่าหลงรักพะโป้ คือจริงๆ แล้วถึงแม้ว่าเขาจะมีผู้หญิงอื่นๆ เยอะแยะ เราก็ไม่ได้หึงหวงเพราะเรารู้สึกเสมอว่าเราสำคัญ จนกระทั่งนางเอกยุพดีมาถึงที่นี่ เราไม่เคยเห็นพะโป้แต่งงานอีกเลยหลังจากที่ภรรยาเขาเสียชีวิต จนกระทั่งเห็นเขามาแต่งงานกับยุพดีซึ่งทั้งสวยทั้งสาว เป็นผู้หญิงที่มาจากในเมือง อีกโลกหนึ่งที่เราไม่รู้จัก เราก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นยังไง ดีหรือเปล่า ไว้ใจได้ไหม ที่สำคัญเลย ก็คือมาแย่งความสำคัญของเราไปเพราะเขาจะเป็นคนที่มาดูแลพะโป้
ถามว่าเหมือนพี่ไหม มันก็มีส่วนเหมือนอยู่ พี่ว่าในตัวคนๆ หนึ่งมันจะมีหลายๆ มุม เพราะฉะนั้นความเป็นสากลของความเป็นมนุษย์มันจะคล้ายๆ กัน ความเป็นผู้หญิง เป็นเพศหญิง ความเป็นแม่บ้าน ความเป็นอะไรต่างๆ เพียงแต่เราจะหยิบมาใช้ในมุมที่แตกต่าง ถ้าเกิดเราเป็นแม่บ้านที่เรามีครอบครัวมีลูกก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่นี่มันก็จะเป็นความรักที่เรามีต่อเขา ดูแลเขาเหมือนกับเขาเป็นทั้งสามี เป็นลูก เป็นสามีที่เราไม่ได้ครอบครอง เป็นลูกของเรา เป็นอะไรของเรา ความรู้สึกมันก็จะคล้ายๆ กัน มันก็เลยรู้สึกว่าเวลาเรามองเห็นเขาหรือเวลาที่เราดูแล หรือเราเห็นฉากเห็นอะไร เราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นที่ๆ เราจะต้องสละชีวิตให้ เราต้องดูแล มันก็คงคล้ายๆ กับเวลาที่เราอยู่บ้าน เราต้องดูแลครอบครัวของเรา
งดความฮา ดราม่าใส่เต็ม เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่นักแสดงหญิง ดารณีนุช โพธิปิติต้องแสดงฝีมือออกมาในอีกหนึ่งคาแร็คเตอร์สำคัญของเรื่องที่จะมาสร้างสีสันสั่นสะเทือนทางอารมณ์ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้ชม ซึ่งเธอไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน
ผลงานภาพยนตร์: มอ ๘ (2549), ลิขิตรัก ขัดใจแม่ (2550), สายลับจับบ้านเล็ก (2550), ชั่วฟ้าดินสลาย (2553)
|