กำหนดฉาย 18 มีนาคม พ.ศ.2553
แนวภาพยนตร์ แอ็คชั่น-ดราม่า
บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย บริษัท สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
บริษัทดำเนินงานสร้าง บริษัท บาแรมยู จำกัด
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสิรฐ
ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์ บัณฑิต ทองดี
ดำเนินงานสร้าง ศิตา วอสเบียน
กำกับภาพยนตร์ ภวัต พนังคศิริ
เรื่อง /บทภาพยนตร์ ภวัต พนังคศิริ, ณัฐ นวลแพง, โกเศส ชฤทธิ์พร, พีระภัทร ชูตระกูล, โยธิน สวัสดิ์เรือง
กำกับภาพ ธีระวัฒน์ รุจินธรรม
กำกับศิลป์ โสภณ พูลสวัสดิ์
ลำดับภาพ ธวัช ศิริพงศ์
ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอกศิษฏ์ มีประเสริฐสกุล
ฟิล์มแล็บ บริษัท สยามพัฒนาฟิล์ม จำกัด
บันทึกเสียง ห ้องบันทึกเสียงรามอินทรา
ดนตรีประกอบ นรินทร ณ บางช้าง
นำแสดงโดย สมชาย เข็มกลัด, เร แม็คโดแนลด์, ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์, อินทิรา เจริญปุระ, สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์, รัชนู บุญชูดวง
เรื่องย่อ
ภาพยนตร์แอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้นว่าด้วยเรื่องราวของสามโจร สิงห์ (เร แม็คโดแนลด์), ป่าน (สมชาย เข็มกลัด), ปอ (เต้ ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ที่รวมหัวกันวางแผนปล้นรถขนเงิน แต่เคราะห์กรรมทำให้ถูกไล่ตามจับ เมื่อจนมุมตัดสินใจนำเงินที่ปล้นมาได้แอบซ่อนไว้ในวัด และเมื่อย้อนกลับมาขุดหาเงินจึงรู้ว่า ที่ซ่อนเงินถูกโบสถ์ใหม่สร้างทับไปแล้ว ทางเดียวที่จะทำให้ได้เงินคืนมาคือการปลอมเป็นพระภิกษุในวัดนั้น สิงห์จึงทำการปล้นผ้าเหลืองด้วยการบังคับให้ หลวงตาชื่น (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) บวชให้ตนและป่าน เพื่อกลายสภาพเป็นพระธุดงค์ปลอมเข้ามาอยู่ในวัด มีเพียงปอเท่านั้นที่ยืนกรานที่จะไม่บวชเพราะเชื่อว่านี่คือสิ่งผิด จึงตัดสินใจเป็นแค่เด็กวัดเพื่อคอยติดตามพระปลอมทั้งสองเท่านั้น
ถึงแม้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของแต่ละคนจะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน ป่านและปอ สองพี่น้องตัดสินใจลงมือทำเพื่อต้องการนำเงินที่ได้ไปรักษาตาที่มืดบอดของแม่ (รัชนู บุญชูดวง) ส่วนสิงห์ทำลงไปด้วยความชั่วที่ฝั่งลึกอยู่ในสันดาน แต่ใช่ว่าพฤติกรรมที่แฝงเร้นเข้ามาในวัดของทั้งสาม จะรอดพ้นไปจากสายตา แห่งความเคลือบแคลงสงสัยของเหล่าพระและเด็กในวัดไม่ ในขณะเดียวกันผ้าเหลืองที่สองโจรห่มอยู่คล้ายดั่งเครื่องห้ามความชั่วที่อยู่ในตัวของเหล่ามารศาสนาลงไปได้บ้าง ส่วนปอเองกลับค่อยๆ เรียนรู้และซึมซับเอาหลักธรรมคำสอนแห่งความดีที่ได้จากหลวงตาขึ้นทีละน้อย
จนกระทั่งเมื่อความจริงปรากฎขึ้น กิเลส ความเลว และความโลภ ที่ครอบงำถึงส่วนลึกในจิตใจได้ ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธาจะเกิดขึ้นในห้วงสำนึกสุดท้ายของคนได้หรือไม่ ศาสนาจะสามารถขัดเกลาให้คนเลวกลับกลายเป็นคนดีได้จริงหรือ เตรียมพบกับบทสรุปของเหตุการณ์พลิกผันที่หลายคนไม่คาดคิด สู่แก่นแท้ของ ความดี และ ความเลว ที่สุดขั้วในใจคน
เกร็ดภาพยนตร์
การเดินทางอันยาวนานของภาพยนตร์แอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้นที่คนในวงการภาพยนตร์ไทยต่างเฝ้าจับตามองมากที่สุดและต่างเป็นกำลังใจอย่างขีดสุดว่าจะได้ ฉายในประเทศไทย หรือไม่ หลังจากเป็นข้อถกเถียง จนพูดได้ว่านี่คือหนังไทยเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับการกล่าวขานถึง และได้รับเกียรติเข้าฉายรอบปฐมทัศน์โลกที่ประเทศแคนาดาในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต้ครั้งที่ 33 เมื่อปี 51 โดยที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ฉายหรือไม่ในเมืองไทย หลังจากรอพรบ.ภาพยนตร์ประกาศใช้ ในที่สุด นาคปรก ก็ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาการจัดเรทภาพยนตร์ จากคณะกรรมการโดยลงความเห็นชอบให้ภาพยนตร์ผ่านการพิจารณาโดยที่ยังคงความสมบูรณ์ของเนื้อหาและภาพยนตร์อย่างครบถ้วนไม่ถูกตัดออกแม้แต่เฟรมเดียว กลับกันหลายคนที่ได้ชมต่างยกนิ้วและพูดเป็นเสียงเดียวกันกล่าวชื่นชมถึงคุณค่าและความดีของตัวหนังถึงขนาดหลั่งน้ำตาในฉากไคล์แม็กซ์สำคัญ
ผลลัพธ์จากการเดินทางนำภาพยนตร์ทั้งเรื่องไปฉายให้ยังนักศึกษาประชาชนผู้คนทั่วไปตลอด1ปีเต็มโดยตัวผู้กำกับและนักแสดงเองกำลังจะส่งผล และสะท้อนถึงคุณค่าของตัวงานอย่างเต็มที่ นาคปรก เปรียบได้กับ กระจกเงาสัจธรรม ที่จะพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสถึงด้านมืด และส่วนที่อยู่ลึกที่สุดในจิตใจของมนุษย์แต่ละคนว่าแท้จริงแล้วยากแท้หยั่งถึงจริงหรือ เมื่อกิเลส และศรัทธาคือบทสะท้อนความดีที่มีอยู่ในตัวตนและความจริงที่เกิดขึ้นในสังคม ผลงานการกำกับของ ภวัต พนังคศิริ (อรหันต์ซัมเมอร์) ครั้งเดียวในชีวิตในการทุ่มเทจิตวิญาณทางการแสดงแบบไว้ลายฝีมือของ 4 นักแสดงอย่าง สมชาย เข็มกลัด, เร แม็คโดแนลด์, เต้ ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ (ไอ้ฟัก), ทราย เจริญปุระ ที่โปรดิวเซอร์อย่างปรัชญา ปิ่นแก้วยืนยันว่านี่คือ การดวลกันทางด้านการแสดงในแบบที่ชาตินี้เราจะได้เห็นแค่ครั้งเดียว นอกจากจะเป็นการทุ่มเทบทบาทที่ดีที่สุดในชีวิตของพวกเขาและเธอแล้ว สิ่งที่ 2 นักแสดงระดับลายครามของไทยอย่าง สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ และ รัชนู บุญชูดวง ถ่ายทอดในหนังสะท้อนถึงความเป็น รุ่นครู ที่นักแสดงทุกคนต้องยกนิ้ว
สำหรับจุดเริ่มต้นของ นาคปรก ที่อาจพูดได้ว่านี่คือภาพยนตร์ ประวัติศาสตร์ ของวงการหนังไทย ทั้งด้านของเนื้อหาที่ฉีกทุกกฏเกณฑ์ด้วยความ แรง ในประเด็นและเรื่องราวที่หนังได้หยิบมาพูดถึง รวมไปถึงระยะทางและเวลาในการที่หนังได้ต่อสู้กับทุกกระแสวิจารณ์จากกลุ่มคนที่ พิพากษา แบนหนังเรื่องนี้ทั้งที่ยัง ไม่ได้ดู ก่อนที่จะได้พิสูจน์ความ ยอดเยี่ยม จากสายตาของผู้คนทั่วประเทศในการทำประชาพิจารณ์ ที่ต่างยกนิ้วในความ ดีจริง และ แรงจริง และเมื่อย้อนกลับไปถึงจุดกำเนิดที่มาจากตัวผู้กำกับ ใหม่-ภวัต พนังคศิริ ที่เคยฝากผลงาน SIX หกตายท้าตาย และ อรหันต์ซัมเมอร์ ให้คอหนังได้พิสูจน์ฝีมือแบบ น้ำจิ้มๆ กันมาแล้ว ก่อนจะลุกขึ้นมาปลดปล่อยความเก๋าและความกล้าที่มีอยู่ในตัวออกมา ซึ่งเจ้าตัวพูดถึงก้าวแรกในการเดินทางของหนังเรื่องนี้ว่า
คือเริ่มจากตัวผมเอง คือเราได้รับความรู้สึกที่ดีมาก ตอนที่ได้บวช ไม่ว่าจะเป็นตอนโกนหัว ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เรารับผ้าไตร ผมจะร้องไห้ตอนที่เราได้รับผ้าไตร ตอนที่ย่า ตอนที่แม่เค้าส่งผ้าไตรให้เรา ตอนที่ผมไปบิณฑบาตก็ร้องไห้ รู้สึกปลาบปลื้มใจ คือย่าเค้าสุขภาพไม่ดี แต่เขาคลานมาตักบาตรเรา ก็เลยเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เราประทับใจกับการที่ได้เป็นพระ เคยนึกไว้ในใจเล่นๆ ถ้าเกิดไม่มีอะไรอีกแล้วในชีวิต จะขอบวชตลอด ก็เริ่มที่จะมานั่งคุยกับน้องๆ แล้วก็บอกว่า มีไอเดียอันนึงเกี่ยวกับพระ ลองหาข้อมูลมาคุยกัน ต่างคนต่างก็ไปทำการบ้านกันมา ก็เลยเกิดโปรเจ็คต์นี้ น้องๆบางคน น้องๆ เขียนบทบางคนก็ต้องไล่ให้ไปบวชก่อนพรรษานึง เพื่อที่จะกลับมาคุยกัน
เมื่อ ความกล้า และ ความตั้งใจ ถูกต่อยอดจนกลายเป็นบทภาพยนตร์ นาคปรก ซึ่งขั้นต่อมาคือการนำโปรเจกต์นี้ไปเสนอกับโปรดิวเซอร์มือฉมัง ปรัชญา ปิ่นแก้ว เพื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการหนังไทย ก่อนที่จะได้รับไฟเขียวทั้งจากโปรดิวเซอร์ ปรัชญา ปิ่นแก้ว หรือจะเป็นผู้อำนวยการสร้างอย่าง เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสิรฐ ที่มีทั้งความเข้าใจและความกล้าโอกาสให้ผู้กำกับฝีมือดีสร้างสรรค์ผลงานที่ ฉีก จากรูปแบบของหนังไทยทั่วไปในตลาด ซึ่ง นาคปรก ก็กำลังจะกลายเป็นหนังที่สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์วงการหนังไทยอีกครั้ง
ยอมรับว่าตอนที่ไปคุย ก็คิดอยู่แล้วว่าหนังเรื่องนี้แรงมากสำหรับคนไทย แต่เราก็ดีใจที่ทางผู้ใหญ่ ทางพี่ปรัชให้โอกาสแล้วก็ไม่ทราบว่าพี่ปรัชมองเห็นตรงไหน เพราะว่าเรายังไม่เห็นภาพอะไรเลย มีแต่เปเปอร์ มีแต่เรื่องเข้าไปนำเสนอ ภาพที่ออกมามันแรงแน่นอน ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนังมันจะออกมายังไง เพราะพี่ปรัชยังเคยพูดเลยว่า ไม่รู้ว่ามันจะออกมาแรงแค่ไหน แต่ก็ดีใจที่พี่ปรัชเค้าก็ไฟเขียว หลังจากที่พี่ปรัชได้อ่านแล้ว พี่ปรัชอาจจะรู้ถึงจุดประสงค์ ประเด็นของเรื่อง ที่ต้องการนำเสนอจริง โดยที่ไม่เห็นภาพด้วยซ้ำ โดยที่ยังคุยกันอยู่ว่า หนังมันแรง แรงนะใหม่ จะไหวมั้ย ลองคุมดีๆ ลองเล่าเรื่องดีๆ เขียนบทไปให้พี่ปรัชหลายครั้งมาก พี่ปรัชแก้ไขหลายครั้งเหมือนกันกว่าจะลงตัว นี่ก็ตรงกลางที่สุดแล้ว
ถ้าเราจะให้คำนิยามของ นาคปรก ว่านี่คือหนังที่ ฉีกทุกความกล้า...ท้าทุกความแรง คงไม่ผิดแต่อย่างใด เพราะด้วยเนื้อหาและภาพที่สื่อออกมาทั้งฉีกและแหวกจากหนังไทยที่เคยผ่านสายตาคอหนังมา ทั้งการเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่ขึ้นชื่อว่าเป็น โจรปล้นผ้าเหลือง และประเด็นที่เกี่ยวกับศาสนาที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับคนไทย ซึ่งผู้กำกับพูดถึงประเด็นนี้ว่า
ถามว่าแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ มั้ย ผมว่าแตกต่างจากตลาดที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมดนะ มันฉีกออกมาเลย ค่อนข้างมั่นใจว่า นาคปรกมันต่าง ที่ต่างชัดๆ คือนอกจากจากความเป็นแอ็คชั่นดราม่าเข้มข้นแล้ว
คือเราพูดถึงหนังนัวร์ เราพูดถึงด้านมืด เราพูดถึงความชั่ว เราพูดถึงสิ่งไม่ดีเป็นหลัก ตัวละครทุกตัวมีด้านมืดของตัวเอง สิ่งที่แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นก็คือเรื่องรายละเอียดของตัวละครที่เราพูดถึงในด้านมืด แต่เราไม่ได้ทำให้คนมองศาสนาลบ เนื้อในถ้าได้ไปดูจะรู้ว่าเราทำให้เห็นเลยว่าศาสนาส่งผลต่อจิตใจมนุษย์ขนาดไหน หนังเรื่องนี้จะบอกว่าคุณควรเชื่อและเลือกทำในสิ่งใด
หลายคนคงสงสัยถึงที่มาของชื่อ นาคปรก ว่ามีที่มาความหมายอะไรที่เป็นพิเศษหรือเปล่า ถึงถูกเลือกให้เป็นชื่อของหนังเรื่องนี้
เริ่มมาจากความชอบส่วนตัว เริ่มมาจากการที่ชอบพระปางวันเสาร์ ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้เกิดวันเสาร์ แต่ชอบพระปางวันเสาร์เพราะว่าดูมีรายละเอียดที่สวยงาม มีพญานาคขึ้นมาปรก เวลาดูพระทั้งหมด ก็จะไปสะดุดอยู่ที่พระปางนาคปรกทุกครั้ง เพราะฉะนั้นพระนาคปรกตอบโจทย์เรามากที่สุด คือมีองค์พระและก็มีงู งูหมายถึงอสรพิษ ถ้าจะมองอีกด้านคือความชั่วร้าย ก็จะมี 2 อย่างให้เราเห็น ตอบโจทย์เรามากที่สุด อาการของการปกป้อง ปรก เราตีความเป็นปกป้องคุ้มครอง มีอะไรซ้อนอยู่ บางอย่างที่คำว่า ปรกกับปก พ้องเสียง ซึ่งในเรื่องเนี่ย เราเอาคำนี้มาเล่นด้วยปกป้องคุ้มครองกับพระนาคปรก ปกปิด ปิดบังซึ่งมันเกี่ยวกับนาคปรก ศาสนาเปรียบเงินเป็นงู แล้วเรื่องนี้เราพูดถึงเงิน ซึ่งเป็นตัวสร้างกิเลสตัณหาให้กับมนุษย์เพราะฉะนั้นพระปางนากปรกก็ตอบโจทย์เราอีก ก็เลยเอาชื่อนาคปรกมาตั้งเป็นชื่อเรื่องเลย
แม้ว่าหน้าหนังจะดูเหมือนเป็นหนังศาสนา ที่หลายคนคงตีความกันไปก่อนว่าคงเป็นอะไรที่ดูยาก หรือมีเนื้อหาที่มุ่งไปทางศาสนาจนขาดรสชาติของความสนุกหรือความบันเทิงที่คอหนังคาดหวังได้ ซึ่งประเด็นนี้ตัวผู้กำกับยืนยันว่า นาคปรก คือหนังแอ็คชั่นเข้มข้นที่คนดูจะได้ลุ้นไปตลอดเวลา โดยมีกลิ่นอายของศาสนาเคลือบไว้อยู่อีกด้วย
ความสนุกของเรื่องนาคปรกอยู่ที่ว่าเราจะต้องคอยลุ้น เป็นหนังเรื่องที่เราจะต้องลุ้นไปกับคนเลว เราจะต้องลุ้นว่าไอ้โจรสามตัวมันจะอยู่ในวัดนี้ได้มั้ย เราจะต้องลุ้นว่าตำรวจจะจับมันได้หรือเปล่า หรือพระรูปอื่นๆ จะรู้มั้ยว่ามันเป็นโจร เป็นหนังที่เราจะต้องลุ้นช่วยตัวร้าย ซึ่งผมว่ามันก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงของหนังเรื่องนี้ เราจะมีตัวละครหนึ่งตัวที่ร้ายมากแต่เราจะต้องคอยลุ้นว่ามันจะรอดมั้ย มันจะหนีกับตำรวจได้มั้ย เรื่องราวมันค่อนข้างจะเข้มข้นสนุกน่าติดตาม ด้วยการแสดงของนักแสดงทั้งหมดในเรื่องนี้ ผมว่ามันไหลลื่นไปทางเดียวกันหมดเลย มันก็เลยรู้สึกว่า เรื่องทั้งหมดมันทำให้ชวนน่าติดตามไปด้วย ลุ้นไปตลอดทั้งเรื่อง
นอกจากเรื่องราวที่น่าติดตามของตัวละครทุกๆ ตัวแล้ว ผมแทบจะบอกว่าเกือบจะทุกฉาก เกือบจะทุกตอนของหนัง นอกจากความสนุกหรือเรื่องราวแอ็คชั่นที่ชวนติดตามของหนังแล้ว เราพยายามที่จะแทรกแล้วก็สอดในสิ่งที่ศาสนาสอนเราไว้ว่าสิ่งไหนเป็นยังไง ไม่ว่าจะเป็นข้อคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่คอยชวนให้เราได้รู้สึกว่า มันเป็นจริง มันเป็นข้อคิดบางอย่างที่เราเอามาปรับใช้ได้ หรือว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกที่ศาสนาเคยพูดกับเราไว้แล้ว เหตุการณ์แบบนี้ หรือว่าข้อมูลอะไรต่างๆ หรือว่ารายละเอียดปลีกย่อยอะไรเล็กๆ น้อยที่เกี่ยวข้องกับคำสอนที่เกี่ยวกับข้อคิดได้ มันจะคอยสอดแทรกอยู่ตลอด แทบจะทุกฉาก
ประวัติศาสตร์การเซ็นเซอร์อันยาวนาน
เป็นเวลากว่า3 ปีที่ นาคปรก ได้ผ่านการเดินทางอันยาวนานนับตั้งแต่วันที่หนังเริ่มถ่ายทำจนถึง ณ วันนี้วันที่หนังกำลังจะได้ลงโรงฉายให้ได้พิสูจน์ความ แรงจริง และ ดีจริง ซึ่งถือเป็นการจารึกตัวเองในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์หนังไทยทั้งเรื่องของการผ่านด่านกองเซ็นเซอร์ ทั้งการทำประชาพิจารณ์ทั่วประเทศ หรือการอดทนรอกฏหมาย พ.ร.บ. เรื่องการจัดเรท ซึ่งคงไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนในบ้านเราที่ต้องฝั่นฝ่าอุปสรรคนานัปการเพื่อพิสูจน์เจตนาอันดีงามรวมไปถึงความสนุกเข้มข้นเพื่อคอหนังอย่างครบถ้วนอย่างยาวนานขนาดนี้ แต่ด้วยภาพและหน้าหนังที่ค่อนข้างที่จะดูหมิ่นเหม่โดยเกี่ยวโยงกับเรื่องศาสนาจึงทำให้หนังเรื่องนี้ถูก พิพากษา ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดูหนัง ซึ่ง ปรัญชา ปิ่นแก้ว โปรดิวเซอร์ผู้อยู่ร่วมในเบื้องหลังการผลักดันให้หนังไทยประวัติศาสตร์เรื่องนี้ได้ออกฉาย พูดถึงเรื่องนี้ว่า
ณ วันนี้ที่หนังกำลังจะได้ฉายแล้ว ดีใจมากครับ เพราะตั้งแต่แรกที่เราทำ เรามีความมั่นใจว่า หนังต้องได้ฉาย คนต้องได้ดู คืออยากให้คนดูรู้สึกภูมิใจในความกล้าที่คนจะทำหนังแบบนี้ออกมา จนตอนนี้นาคปรกกำลังจะได้ฉายแล้ว ผมรู้สึกตื่นเต้นที่คนกำลังจะได้ไปดูกัน เราอาจจะมองว่าหนังดูจำกัดอายุคนดูพอสมควร แต่ผมคิดว่าคนดูหนังมีวุฒิภาวะในการดูแตกต่างกันอยู่แล้ว หนังเรื่องนี้ไม่ได้สื่อสารว่าศาสนาเสื่อม แต่คนต่างหากที่เสื่อม บวกกับความแอ็คชั่นดราม่าที่เข้มข้น รับรองว่าคุ้มค่าการรอคอย ทั้งแง่คิดที่เป็นสิ่งเตือนใจ และสิ่งสอนใจที่เคลือบหนังเรื่องนี้ไว้ ผมว่ามันน่าจะมีประโยชน์กับสังคมในบ้านเรา แต่ผมยังยืนยันว่าเนื้อหาข้างในนาคปรกไม่ได้ทำให้ศาสนาเสื่อมแต่อย่างใด
ทางด้านผู้กำกับ ใหม่-ภวัต ที่งานนี้ดีใจกว่าใครเพื่อน ที่หนังซึ่งทุ่มแรงกายแรงใจมานานกำลังจะได้ฉายแล้ว โดยเจ้าตัวกล่าวว่า
ดีใจ ดีใจมากด้วย คือในฐานะผู้กำกับที่อยู่กับหนังมาตั้งแต่เริ่มต้น เริ่มเปิดกล้อง จนปิดกล้อง คือมันเหมือนลูก พอปิดกล้องเสร็จ ตัดต่อเสร็จ เราก็อยากให้คนได้เห็นมัน อยากรู้สึกว่าคนรู้สึกอย่างไร ระหว่างที่รอมันเหมือนยังไม่หายเหนื่อย จนกว่าคนจะได้เห็นหนัง แล้วเรื่องนี้ผ่านอะไรมาเยอะมากกว่าจะได้ฉาย ที่ผ่านมาเหมือนมันยังหายเหนื่อยไม่สุด มาถึงตอนนี้ก็ดีใจมาก แล้วก็เชื่อว่าคนดูจะเปิดใจไปพิสูจน์สิ่งที่อยู่ในหนังกัน
กว่าหนังเรื่องนี้จะได้ฉายให้คนไทยได้พิสูจน์ความแรงและความกล้าที่เรียกได้ว่าพลิกทุกประวัติศาสตร์หนังไทยที่เคยมีมา ก็ต้องผ่านการต่อสู้กับกองเซ็นเซอร์ หรือแม้แต่กลุ่มคนที่พิพากษาหนังในทางลบทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดู ซึ่งทีมงานได้ต่อสู้ทั้งการทำประชาพิจารณ์โดยนำหนังนาคปรกไปฉายผ่านสายตามาแล้วกว่า 1,000 คน ทั้งจากนักศึกษาจากมหาลัยทั่วกรุงเทพ และหมู่คณะสงฆ์ ซึ่งกว่า 95 เปอร์เซนต์ต่างการรันตีว่าหนังเรื่องนี้ แรงจริง...ดีจริง จนในที่สุดนาคปรกก็ได้ไฟเขียวให้ฉายโดยไม่มีการตัดทอนตัวหนังแม้แต่ฉากเดียว ซึ่งงานนี้ผู้กำกับ ใหม่ ภวัต เผยความรู้สึกว่า
ต้องขอบคุณหลายๆ ฝ่าย ที่ช่วยกันทำให้นาคปรกได้ฉายครับ ตลอดเวลาสามปีเราก็ลุ้นมาตลอดว่าหนังจะได้ฉายมั้ย ผมในฐานะคนทำ ตั้งใจมาแต่แรกว่าเรามีเจตนาดี แล้วก็มีความเชื่อมาตลอดว่าหนังต้องได้ฉาย คือช่วงที่ลุ้นว่าจะได้ฉายหรือไม่ได้ฉาย ก็ไม่สบายใจมากที่คนกำลังมองเจตนาของเราผิดไป คนที่อยากแบนหนัง พิพากษาหนังไปในทางลบก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ยังไงก็อยากให้เปิดใจและดูสิ่งที่หนังอยากจะบอกก่อน อย่างตอนที่เราไปทำประชาพิจารณ์ทั่วประเทศ เสียงส่วนใหญ่จากคนที่ดูหนังเขาก็ชอบและอินไปกับสิ่งที่หนังอยากจะบอก ตรงนี้เป็นกำลังใจ เป็นความหวังให้เราเสมอมา จนวันนี้หนังกำลังจะได้ฉายโดยไม่โดนตัด หรือเซ็นเซอร์อะไรเลย เพราะมันมีการจำกัดอายุคนดูแล้ว ถ้าโดนตัดไปสักฉากหนึ่ง หนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่นาคปรกแล้ว อยากให้ไปดูเนื้อหาในหนังก่อน ก่อนจะพิพากษาว่ามันดีหรือไม่ดี
18 มีนาคมนี้ คือวันดีเดย์ที่ นาคปรก จะได้ให้คอหนังในบ้านเรา พิพากษา ภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างชนิดที่ว่าไม่ตัดเนื้อหาและความชัดเจนที่หนังอยากจะบอกไปเลยแม้แต่เฟรมเดียว ซึ่งก่อนจะถึงวันนั้นผู้กำกับของหนังเรื่องนี้ก็อยากจะบอกกับคนดูว่า
คือนอกจากจะสนุกและลุ้นไปกับเรื่องราวของหนังแล้ว อยากให้ดูนาคปรกเพื่อเป็นอุทาหรณ์ เพื่อเป็นคติ เพื่อเป็นข้อคิด หนังเรื่องนี้ อยากจะนำเสนออะไรที่แรง คือนอกจากในความเป็นหนังแอ็คชั่นเข้มข้น ผมเชื่อว่าแมสเสจที่หนังต้องการจะบอก จะทำให้คนดูได้แง่คิดดีๆ ติดตัวกลับไป คุณจะรู้ว่าควรจะเลือกทำสิ่งไหน เลือกที่จะเดินลงนรกหรือจะเลือกทางขึ้นสวรรค์ ดูหนังเรื่องนี้จบแล้วคุณจะรู้ว่าศาสนาจะให้อะไรดีๆ ในหัวใจของคุณได้บ้าง