สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
“ฝัน-หวาน-อาย-จูบ”    หวาน
  LINK : หน้าแรก โปสเตอร์ ข้อมูลรวม                   ภาพงานเปิดกล้องหนัง
 
ข้อมูล ฝัน
ข้อมูล อาย
        ข้อมูล จูบ
 
       
 

“ หวาน ”

 

 

  วันใดก็ตามที่เริ่มหมดรัก ชีวิตคู่หมดสิ้นความหวาน

กล่องความทรงจำแห่งรักจะพาเขาและเธอ

ย้อนเวลากลับไปสู่วันแรกรัก เพื่อพิสูจน์ว่าอานุภาพแห่งรักแท้….,มีอยู่จริง

 

กำกับภาพยนตร์                           ปรัชญา ปิ่นแก้ว
บทภาพยนตร์                              มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล,เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์
นำแสดงโดย                              ชาคริต แย้มนาม , สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา,สายป่าน อภิญญา สกุญเจริญสุข    แชมป์ วิศิษฎ์ ผ่องโสภา

เรื่องย่อ

บนทางแยกของความรักที่แสนเปราะบาง หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานานนับสิบๆปี ดูเหมือนว่า “ความหวานในความรัก”ของ “เชน”(ชาคริต แย้มนาม) ที่มีต่อหวาน (นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา) กำลังจะหมดไป

ในเช้าวันหนึ่งที่เหมือนกับทุกๆวันหญิงสาวที่เขารักมากที่สุดขอร้องให้ชายหนุ่มยกเลิกงานชิ้นสำคัญ เพื่อที่จะอยู่เคียงข้างเธอ......อย่างน้อยเพียงแค่วันนี้เท่านั้น  แต่เขากลับปฏิเสธ ทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง ในวันที่29 กุมภาพันธ์ ที่4ปีจะมีแค่ครั้งเดียว   วันสำคัญที่มีความหมายที่สุดของ วันที่เขาไม่ควรจะลืม  เพราะมันคือวันเกิดของเธอ ...หวาน     

เมื่อเชนกลับมา พบว่าบางสิ่งได้เกิดขึ้นกับหวาน  เมื่อกล่องความทรงจำแห่งรักถูกเปิดขึ้น ทำให้เชนเรียนรู้ว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต นั่นคือความทรงจำทั้งหมดที่หวานเคยมีต่อเขา ทางเดียวที่จะรักษาความรักและคนรักเอาไว้ได้นั่นคือ “การย้อนความทรงจำแห่งรักกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่เขาและเธอรักกัน”

ใครเป็นใครใน...หวาน

ชาคริต แย้มนาม รับบทเป็น ราเชนทร์

ราเชนทร์สถาปนิกหนุ่มที่หมกมุ่นและมัวแต่ทำงานเพื่อความมั่นคงในหน้าที่การงานของตัวเอง จนหลงลืมที่จะให้เวลาและความรักกับหวานภรรยาของตน และเมื่อความรักของทั้งคู่กำลังมาถึงทางตันที่อาจทำให้ราเชนทร์สูญเสียคนที่เขารักไปตลอดกาล เขาจึงต้องลุกขึ้นมาทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความรักนี้เอาไว้

“(ชาคริต) เริ่มถ่ายวันแรกก็เจอซีนหนักเลยครับ เพราะซีนนี้ถือเป็นจุดเริ่มเรื่องของหนัง ผมก็ต้องส่งอารมณ์แรงๆ ไปที่นุ๊กเพื่อให้เขาอินกับอารมณ์ให้มากที่สุด พี่ปรัชญาก็ช่วยแนะนำจังหวะ หรือคอยช่วยบอกว่าต้องใส่สีหน้าและน้ำเสียงประมาณนี้นะ ก็ถือว่ายากแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ”

ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา : คนป่วนสายฟ้า (พ.ศ.2540) , โอเนกทีฟ-รักออกแบบไม่ได้ (พ.ศ.2541) ,กุมภาพันธ์ (พ.ศ.2546) , โอปปาติกะ เกิดอมตะ (พ.ศ.2550) , คริตกะจ๋า บ้าสุดสุด (พ.ศ.2551) ,บางกอกแดนเจอรัส (พ.ศ.2551)

สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา รับบทเป็น หวาน


หวานเป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งต้องการความรักเหมือนกับคนทั่วไป โลกของหวานมีเพียงแต่ราเชนทร์ซึ่งเป็นสามีกับสุนัขตัวโปรด เมื่อความรักที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเธอเริ่มจืดจางจนทำให้เธอรู้สึกไม่เหลือใครอีกแล้ว จิตใจของเธอจึงถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก จนทำให้ความทรงจำของเธอกำลังย้อนกลับไปเด็กเรื่อยๆ และอาจทำให้เธอสูญเสียความทรงจำไปตลอดกาล

“ก็รู้สึกดีใจ และก็ตื่นเต้นค่ะ เพราะห่างหายไปนานมาก ก็รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาทำงานที่ตัวเองชอบอีกครั้ง ก็ต้องมีการเคาะสนิมกันบ้าง ก็เลยขอทีมงานว่าขอเวิกช็อบเยอะๆแล้วกัน จะได้รื้อฟื้นวิชากันหน่อย (หัวเราะ) และที่ดีใจมากที่สุดคือได้กลับมาทำงานกับพี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) หลังจากเคยร่วมงานกันตอนอยู่ที่อาร์เอส ก็เป็นผู้กำกับที่ตัวนุ๊กชื่นชอบและติดตามผลงานมาตลอด ก็เลยมั่นใจว่าพี่ปรัชต้องมีคำแนะนำดีๆ สำหรับการกลับมาทำงานตรงนี้ของเราแน่นอน”      

นอกจากนั้นเรื่องนี้สาวนุ๊กต้องมาเจอกับ “น้องสายป่าน” ที่ใครหลายคนให้ฉายาว่า “นุ๊กสอง” เพราะหน้าตาที่คล้ายกันราวกับฝาแฝดคนละฝานั่นเอง

“ก็เคยเห็นน้องสายป่านจากทีวีหรือตามข่าว ก็มีหลายๆคนก็บอกว่าน้องเขาหน้าคล้ายเรา แต่จริงๆ น้องเขาสวยกว่าเราตั้งเยอะ (หัวเราะ) ก็ดีใจค่ะที่ได้มาร่วมงานกัน ส่วนในหนังเราจะเชื่อมโยงกันยังไง เกี่ยวกันยังไงต้องไปดูในหนังกัน”

ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา : โลกทั้งใบให้นายคนเดียว (พ.ศ.2538) , เด็กระเบิดยืดแล้วยึด (พ.ศ.2539) , แตก4รัก/โลภ/โกรธ/เลว (พ.ศ.2542)

วศิษฎ์ ผ่องโสภา รับบทเป็น ราเชนทร์
ราเชนทร์เป็นเด็กหนุ่มที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อความรัก ความรักที่เกิดขึ้นกับราเชนทร์เป็นตัวแทนของความรักแรกเริ่มที่เต็มไปด้วยความสุขและสวยงาม
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา : วัยอลวน 4 (พ.ศ.2548), เขาชนไก่ (พ.ศ.2549)

อภิญญา สกุลเจริญสุข รับบทเป็น หวาน
หวานเป็นผู้หญิงที่เพิ่งได้รู้จักกับความรักอันสวยงาม ความรักครั้งนี้เป็นจุดแรกเริ่มของการเดินทางของความรักที่หวานเองก็ไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา : พลอย (พ.ศ.2550) , สี่แพร่ง (พ.ศ.2551) , เฟรนด์ชิพ เธอกับฉัน (พ.ศ.2551) , บุญชูไอเลิฟสระอู (พ.ศ.2551)

 

ผู้กำกับปรัชญาเปิดใจ


จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ฝันหวานอายจูบ
คือบรรดาผู้กำกับจะคุยกันอยู่เรื่อยๆว่า อยากจะทำหนังร่วมกันเป็นคนละตอน คือเป็นหนังแนวอะไรก็ได้ ก็คุยกันไว้นานแล้ว  เลยไปปรึกษามะเดี่ยวว่าอยากเอาทีมนักแสดงจากรักแห่งสยามกลับมารวมตัวเล่นหนังด้วยกันอีกครั้ง ก็เลยได้ไอเดียว่ามาทำหนังรักสี่ตอนในเรื่องเดียวดีมั้ย ก็เลยรวบรวมผู้กำกับมาสี่คนก็มีผม มะเดี่ยว (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) อ๊อด (บัณฑิต ทองดี) ราเชนทร์ (ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล) ผมก็ให้การบ้านไปว่าใครมีไอเดียอยากจะทำเรื่องอะไร พอมานั่งคุยกันแต่ละคนก็มีไอเดียของตัวเอง ซึ่งพอผมเล่าไอเดียของผมให้ทั้งมะเดี่ยว และอ๊อด และราเชนทร์ ฟัง เขาก็บอกว่าเหมาะกับผมที่จะทำเลย                                        

พูดถึงไอเดียเรื่องหวาน หนังรักของปรัชญาเรื่องนี้กำลังจะบอกอะไร
คือไอเดียเกิดจากตัวผมเอง ช่วงตอนที่ผมอายุเกินสี่สิบมาใหม่ๆ ก็รู้สึกว่าความทรงจำของเราเริ่มมองแต่เรื่องเก่าๆ
มองถึงความทรงจำในอดีต จนเราเริ่มรู้สึกว่าหรือเส้นชีวิตคนเราจะถูกพับครึ่ง คือเดินย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของชีวิตของเรา
ก็เลยเอามาใส่ในเรื่องรักของคู่รักคู่หนึ่ง เป็นคู่รักที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานาน แล้วความรักระหว่างคนสองคนกำลังจะจืดจางไป การได้ทบทวนความรักที่มีต่อกันมันจะเป็นอย่างไร แล้วก็มีเรื่องของความมหัศจรรย์เข้ามา ทำให้ได้ย้อนกลับไปที่ช่วงเวลาที่คุณเริ่มรักกัน ในเรื่องหวานจะเป็นการได้ทบทวนสำหรับคู่รัก ซึ่งผมว่ามันอาจจะดีสำหรับชีวิตคู่ในยุคสมัยนี้

ห่างหายจากการทำหนังรักมาเป็น 10 ปี รู้สึกอย่างไรกลับการกลับมาทำแนวนี้ กลัวคนจะติดภาพของผู้กำกับหนังแอ๊คชั่นหรือเปล่า 
ผมกลับรู้สึกสนุกกับความคาดไม่ถึงของคนนะ ถ้าผมได้ทำหนังแอ๊คชั่นเรื่องต่อไปเนี่ย ผมก็สนุกกับการที่มีคนคาดหวังว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่มาวันนี้ผมมาทำหนังอีกทางหนึ่งคือหนังรัก คนอาจจะคาดไม่ถึงว่าจะเป็นอย่างไร แล้วมันจะโอเคหรอ นั่นแหละผมกำลังสนุกว่าให้คนมาดูแล้วเขาจะรู้สึกอย่างไร ซึ่งมันไม่ใช่แค่หนังรัก ยังมีหนังอีกหลายแนวด้วยซ้ำที่ผมอยากจะทำ

เรื่องราวของหวาน
ในเรื่องหวาน หวานในที่นี่หมายถึงความหวานที่ผ่านมาแล้ว เพราะเชื่อว่าหลายคนที่เริ่มจีบกันใหม่ๆ รักกันใหม่ๆ มันต้องเต็มไปด้วยความหวานแน่ๆ เหมือนกันกับคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งคือ ราเชนทร์ (รับบทโดย ชาคริต แย้มนาม) กับ หวาน (รับบทโดย นุ๊ก-สุทธิดา) ที่ชีวิตรักเริ่มหมดความหวานจนกลายเป็นขม ฝ่ายชายก็ทำแต่งานๆ จนฝ่ายหญิงเริ่มรู้สึกขาดความรัก จนทำให้เกิดอาการความทรงจำไหลย้อนกลับ เหมือนกับนาฬิกาแห่งความรักและความทรงจำของทั้งคู่กำลังเดินถอยหลัง ราเชนทร์จึงต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อรักษาความรักนี้ให้กลับมาเหมือนเดิม


 

พูดถึงนักแสดงในเรื่องนี้ที่ได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง ชาคริต แย้มนาม มาประกบคู่กับ นุ๊ก-สุทธิดา
ตอนที่ทำบทเสร็จทีแรกที่ตั้งใจว่าจะเอานักแสดงจากรักแห่งสยามมาเล่น ก็ถูกตอนอื่นเอาไปเล่นหมดแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ ไม่ใช่หรอก คือว่าด้วยเรื่องราวและเนื้อหาของตอนหวานมันดูโตมาก ถ้าเอากลุ่มวัยรุ่นจากรักแห่งสยามมาเล่นคงไม่เหมาะ ซึ่งพอเห็นบทนักแสดงคนแรกที่เรานึกถึงเลยคือ นุ๊ก-สุทธิดา เพราะด้วยวัยและประสบการณ์ในชีวิตของเขา เหมาะกับบทหวานมาก ซึ่งภาพของนุ๊กตอนนี้ต่างจากสมัยที่เขาเล่นโลกทั้งใบให้นายคนเดียวมาก ไม่ใช่ว่าแก่นะ หมายถึงเขาดูโตสมกับบทบาทนี้จริงๆ หลังจากนั้นก็ต้องมองหาคนที่จะมาประกบคู่กับนุ๊ก ซึ่งเราก็นึกถึงชาคริตก่อนเลย คือผมเคยคุยกับชาคริตว่าอยากลองร่วมงานกันดูบ้าง ซึ่งพอคุยเรื่องบทกับทั้งนุ๊กและชาคริตก็สรุปว่าคลิ้กกันพอดี เหมาะที่สุดแล้วสำหรับบทราเชนทร์และหวาน

พูดถึงรายละเอียดของตัวละครหวานกับราเชนทร์
คาแรกเตอร์ของหวาน จะต้องแสดงออกถึงความโหยหาความรัก เมื่อไม่ได้มาในสิ่งที่ต้องการ และจมอยู่กับความเสียใจและผิดหวังจากคนที่ตัวเองรักมากๆ แล้วพอรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้วก็เลยช็อค  เป็นจุดเริ่มต้นของนาฬิกาชีวิตและความทรงจำของหวานที่จะเดินย้อนหลัง ซึ่งถือว่าเล่นยากมาก แต่นุ๊กก็ทำการบ้านมาดีมาก ส่วนคาแรกเตอร์ของราเชนทร์  จะเป็นผู้ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของอนาคตหน้าที่การงานมาก จะว่าบ้างานก็ได้ ก็เลยลืมที่จะใส่ใจและให้เวลากับหวาน จนทำให้เขาต้องเจอเหตุการณ์ที่อาจทำให้เขาสูญเสียความรักไป ก็จึงต้องทำอะไรเพื่อแก้ไขมัน

เรียกได้ว่า ชาคริต กับ นุ๊ก-สุทธิดา สามารถตีบทบาทนี้ได้แตกเลยหรือเปล่า
สำหรับชาคริตเรื่องฝีมือทางการแสดงไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก ซึ่งเรื่องนี้เราจะได้เห็นชาคริตที่แตกต่างออกไป ซึ่งเขาถ่ายทอดบทบาทของราเชนทร์ออกมาได้ดีมาก  ส่วนนุ๊กพูดตามตรงเลยคือเราไม่คิดว่าเขาจะแสดงได้ดีขนาดนี้ คือเราติดแต่ภาพของนุ๊กที่เป็นนักร้องวัยรุ่นชื่อดังในยุคนั้น อย่างตอนที่เล่นโลกทั้งใบฯ ก็เป็นอีกบทบาทหนึ่ง พอมาร่วมงานจริงๆ นุ๊กคุมอารมณ์ของตัวละครได้ดีมาก ถือว่าเอาอยู่เลย ซึ่งเขาทำการบ้านมาหนักนะ หนักจนเขาเกร็งด้วยว่าจะทำการบ้านได้ไม่ดี ถึงขนาดเขาขอกลับไปถ่ายใหม่บางฉากที่เขาคิดว่าไม่ดี ทำให้ผมรู้สึกประทับใจในความตั้งใจของนุ๊กมาก

พูดถึงฉากที่ทั้งสองคนแสดงได้ดีจนตัวผู้กำกับเองก็เกือบน้ำตาซึม
มีซีนหนึ่งที่อารมณ์ผมมาเลย น้ำตาก็ซึมนิดๆ ก็แอบมองทีมงานว่ารู้สึกเหมือนเรามั้ย พอดีเราน้ำตาซึมก็เลยไม่กล้าสบตาใคร อยากรู้เหมือนกันว่าคนอื่นจะรู้สึกแบบนั้นด้วยหรือเปล่า โดยเป็นซีนที่นุ๊กกับชาคริตเขาต้องแสดงความรู้สึกเข้าหากัน คือลุกส์เขาต้องดูอายุมากแต่เขาก็เล่นเป็นเด็ก แล้วพอถึงช่วงหนึ่งที่เขาต้องมาเจอกัน  แล้วคือต้องรอความรู้สึกนี้มานานแล้ว ฉากนั้นผมไม่รู้ว่าคนดูจะรู้สึกอย่างไร แต่ตัวผมเองรู้สึกมาก ต้องจับตาดูว่าคนดูจะรู้สึกเหมือนเรามั้ย

พูดถึงบทบาทของแชมป์กับสายป่าน
แชมป์กับสายป่านก็เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่เริ่มรักกัน เป็นจุดเริ่มเรื่องที่ทำให้รู้ว่าตัวละครสองตัวนี้เมื่อเริ่มรักเป็นอย่างไร แต่แก่นของเรื่องจะพูดถึงความรักที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า ซึ่งการทำงานกับแชมป์และสายป่านก็ไม่มีผิดหวังอยู่แล้ว อย่างสายป่านก็ชอบเขาจากเรื่องพลอย แล้วมาเล่นเรื่องนี้เขาก็แสดงได้ลื่นมากๆ ส่วนแชมป์เขาก็โตขึ้น จากวัยอลวนหรือเขาชนไก่ ร่วมงานกันสบายมากกับสองคนนี้  

พูดถึงความน่าสนใจของโปรเจกต์ฝันหวานอายจูบ
การทำงานของผู้กำกับหลายๆ คนในคอนเซปต์เดียวกัน หรือภายใต้โจทย์เดียวกัน มันถือเป็นประสบการณ์ที่สนุกของคนที่ได้มาทำ ผมเชื่อว่าผู้กำกับทุกคนอยากมีประสบการณ์แบบนี้ ตัวผมเองก็เคยฝันว่าอยากทำโปรเจกต์ร่วมกันแบบนี้ สำหรับผู้กำกับบางคนอาจคิดว่านี่คือการพักร้อน จากที่เคยทำงานหนังเต็มๆทั้งเรื่อง อย่างผมทำหนังแอ๊คชั่นที่มีคนมีงานในสเกลใหญ่ๆ พอมาได้ทำหนังสไตล์แบบนี้ก็เป็นการเบรกอารมณ์ มันทำให้เราได้ลงรายละเอียดที่มากขึ้นกับงาน ถ้ามีโอกาสก็อยากจะรวมกันทำแบบนี้อีก เพราะนี่ถือเป็นหนังสั้นเรื่องแรกของผม ศาสตร์ของมันแตกต่างจากหนังยาวแน่นอน การที่จะเล่นกับมันให้อยู่หมัดอยู่มือเนี่ย มันต้องทำต่อเนื่อง ก็อยากจะทำอีก

อันนี้คำถามส่วนตัว ปกติพี่ปรัช เป็นคนโรแมนติกหรือเปล่า
ส่วนตัวก็เป็นคนโรแมนติกนะ คาแรกเตอร์อาจจะดูนิ่งๆ เงียบๆ  แต่จริงๆ เป็นคนให้ความสำคัญกับความรักมาก
เราก็ชอบทำเซอไพรซ์ให้แฟน ก็มีครั้งที่หวานที่สุดที่ทำให้เคยทำให้ คือตอนนั้นเป็นวันเกิดของเขา ก็ไปปากคลองตลาดแล้วเหมาดอกกุหลาบมา เหมามาเต็มรถตู้เลย แล้วก็ไปจัดวางหน้าห้องเขาให้สวยงาม ก็ทำยันเช้าเลยตัวเองไม่ได้นอน พอเขาตื่นมาเห็นก็น้ำตาซึมเลย แล้วเขาก็มาหอมแก้มเรา น้ำตาเขาก็มาเปียกแก้มเรา เราไม่ได้เห็นภาพตอนที่เขาเห็นดอกกุหลาบ ตอนแรกก็ว่าจะตั้งกล้อง ความรู้สึกตอนนั้นคือหวานที่สุดแล้ว  

ความรักในมุมมองของ ปรัชญา ปิ่นแก้ว
ความรักของผมคือการถูกนำมารู้จัก แล้วก็นำมาจัดการ โดยมีสามสิ่ง หนึ่งคือความรัก สองคือเรื่องเซ็กซ์ สามคือเรื่องความฉลาดทางอารมณ์  โดยสามข้อเนี่ยผมเอามาผูกรวมเป็นธรรมชาติ เพราะฉะนั้นความรักในมุมมองที่ผมมองคือสิ่งที่เต็มไปด้วยหลักการ และเหตุผล เพื่อให้ความรักทำให้เรามีความสุข

เรื่องราวหวานๆ ในความทรงจำของ ปรัชญา ปิ่นแก้ว
คงเป็นตอนเรียนประถม ประมาณป.3 ก็ไปตกหลุมเพื่อน ช่วงนั้นก็เริ่มประดิษฐ์ของอะไรเป็น พอถึงวันวาเลนไทน์ก็ไม่ต้องทำการ์ดเลย เราก็จะทำการ์ดให้คนที่เราที่เราชอบเอง ตอนนั้นชอบทำมาก ถึงขนาดแจกเพื่อนทั้งห้อง เราก็ตั้งใจทำการ์ดสุดพิเศษไปให้เขา

ฝากหนังฝันหวานอายจูบ
ฝันหวานอายจูบก็เป็นหนังรัก ของคนทำงานสี่คนซึ่งทุกคนน่าจะรู้ถึงสไตล์ของผู้กำกับสี่คนนี้อยู่แล้ว แล้วก็เรื่องของความรักมันยังมีอีกหลายมุม ที่เราอาจยังไม่เคยเห็นและรู้สึก แต่ถ้าเราได้รู้จักมันแล้วมันทำให้เรามีความสุขมาก ภาพรวมของหนังเรื่องนี้อาจจะดูโรแมนติก อาจจะดูแล้วมีความสุข แต่จริงๆ แล้วถ้าได้ดูทั้งหมดสี่เรื่องอาจจะได้แง่คิดหรือสาระของความรักแถมเข้าไปอีก อีกอย่างคือเรื่องนี้เพลงเพราะด้วย แค่นี้ก็คุ้มแล้ว

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.