เทรลเลอร์

มิวสิควีดีโอ

ควบคุมงานสร้าง                             ปรัชญา ปิ่นแก้ว,สุกัญญา วงษ์สถาปัตย์
ออกแบบงานสร้างและกำกับศิลป์           สิรนัท รัชชุศานติ, รัชต พันธุพยัคฆ์,โสภณ พูลสวัสดิ์, นพพร เกิดศิลป์
ออกแบบเครื่องแต่งกาย                     จินตภัทร์ ธรรมโชติ,นิรชรา วรรณาลัย, พราวเพลิน ตั้งมิตร
ดนตรีประกอบ                               วรุตม์ พสุธาดล , กิตติ เครือมณี , นิมิตร จิตรานนท์ , ณภัทร ยุวจิตติ

4 เรื่องราวแห่งรักที่ถูกถ่ายทอดผ่าน 4 มุมมอง จาก 4 ผู้กำกับระดับแนวหน้าของเมืองไทย 22 นักแสดง

ถ้า “ฝัน” คือการถ่ายทอดความรัก ของเด็กมัธยมต้นที่มีต่อ บทเพลง ความฝัน และออกัสวงดนตรีไอดอลในดวงใจภายใต้บรรยากาศของหนังรักในรูปแบบ MUSICAL ROMANCE ที่เราจะได้เห็นโลกแห่งจินตนาการ เขตแดนแห่งความฝัน เรื่องราวแห่งความรักอันยิ่งใหญ่จากมุมมองและพลังไอเดียทางความคิดที่ไม่รู้จบจากผู้กำกับหนังมากความสามารถแห่งพ.ศ.นี้อย่าง “มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” (รักแห่งสยาม,12begins,13เกมสยอง)

“หวาน” ของ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” จะเป็นการหวนกลับมากำกับภาพยนตร์รักโรแมนติคครั้งแรกนับตั้งแต่ “เกิดอีกทีต้องมีเธอ” เมื่อเกือบทศวรรษที่แล้ว ก่อนที่ชื่อของผู้กำกับปรัชญาจะโด่งดังไปทั่วโลกพร้อมกับเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ความเป็นผู้กำกับแอ็คชั่นเต็มตัวจากองค์บาก,ต้มยำกุ้งและช็อคโกแลต ถึงเวลาแล้วที่หนังรักเรื่องล่าสุดเรื่องนี้จะทำให้คอหนังได้เห็นความละเมียดละไมที่แสนลึกซึ้งกับมุมมองความรักที่ผ่านโมงยามแห่งการตกผลึกทางความคิดผสมผสานกับความมหัศจรรย์เล็กๆจึงเป็นที่มาของความเป็นหนังรักในรูปแบบของ MAGICAL ROMANCE ที่มาเพื่อสะกิดต่อมน้ำตาของคุณโดยเฉพาะ

“อาย” ของ “บัณฑิต ทองดี” ผู้กำกับเจ้าพ่อมิวสิควิดีโอที่อยู่เบื้องหลังศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับแถวหน้าของไทยมากมาย และเป็นผู้กำกับเจ้าของหนังทำเงินอย่าง “มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม”, “เฮี้ยน” สมหวังซะทีกับหนังรักที่อยากทำมาทั้งชีวิต โดยมาพร้อมบรรยากาศของหนังรักกุ๊กกิ๊กในสไตล์ CHEMICAL ROMANCE ของหนุ่มสาวที่มีเคมีหัวใจไม่ตรงกัน ที่ดันจับผลัดจับผลูต้องใช้ชีวิตร่วมกันในระยะเวลา3วัน2คืนบนเกาะสวรรค์ที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นใจให้ทั้ง หาดทรายขาว ท้องฟ้าใส และทะเลสีคราม ที่จะทำให้คุณนึกถึงประสบการณ์ “อาย” ที่เกิดขึ้นกับหัวใจของคุณ

 โดยมี “จูบ” ที่ผู้กำกับโลกทั้งใบให้นายคนเดียวอย่าง “ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล” คันไม้คันมือจับเอาหนุ่มฮอตแห่งยุคอย่างมาริโอ้ เมาเร่อ มาพลิกโฉมในหนังรักสไตล์ PHYSICAL ROMANCE ความพลุ่งพล่านทางฮอร์โมนของเด็กม.ปลาย ที่เรียกกันว่าวัยห่ามกับการลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อผู้หญิงที่ตนรักโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่อยู่ในความสนใจของวัยรุ่นอย่าง “จูบแรก”

ฝัน

โลกแห่งจินตนาการ เขตแดนแห่งความฝัน และวง AUGUST
คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อค้นหาพลังแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของหัวใจดวงจิ๋ว

กำกับภาพยนตร์                          มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
บทภาพยนตร์                              มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
นำแสดงโดย                                พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงศ์กุล, วงออกัส- ปฐมวรรธน์ วันสุขประเสริฐ(นายน์),ชานนร    กุลสุรกาน(นน),ด.ช.ภาสกร วิรุฬห์ทรัพย์(เพชร),ทีฆทัศน์ นันทวลีกุล(โจ้),วรปรัชญ์ เดชขจรวุฒิ(ไมค์), วัชริศ อวศิริพงษ์(อาร์ม), สุวพัชร ทรงเสียงไชย(แม็ค),นภันต์ธนัชย์ พ่วงออมสิน(ต่อ),ณฐพงษ์ นวศัลวัตร์(อ๋อง),อรรถนันต์ ปิยเศรษฐ์(แวน) และจั๊ด-หิมะ กาญจนไพริน

และขอแนะนำ                         ด.ช.จารุวิทย์ ลัยวิรัตน์(เอิร์ท)       

“มะเดี่ยว” เปิดกองถ่าย “ฝัน” ใน ฝัน หวาน อาย จูบ, “พิช-วิชญ์วิสิฐ” โชว์เพลงซึ้ง

เพลงดวงตะวัน จากวงออกัส

พิช เผยบทถูกใจ เล่นเป็นตนเอง กับวงออกัส ใน ฝัน หวาน อาย จูบ

เรื่องย่อ :

ใครๆ ก็มักอยาก “ฝัน” ถึงสิ่งที่รักสิ่งที่ชอบ “ต้นข้าว” (น้องเจน-เจนจิรา จำเนียรศรี) เองก็เช่นกัน เธอมักจะฝันถึงวงออกัสที่เธอสุดแสนจะคลั่งไคล้เข้าเส้นเป็นประจำ หายใจเข้าออกเป็นออกัสๆ จนเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออย่าง “บอย” (น้องเอิร์ท-จารุวิทย์ ลัยวิรัตน์) เริ่มเกิดอาการหมั่นไส้ผสมน้อยใจ จนเรื่องราววุ่นๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อต้นข้าวฝันว่าได้ออกไปผจญภัยกับวงออกัสในดินแดนในโลกแห่งจินตนาการของเธอ และพบกับเรื่องราวที่เธอจะไม่มีวันลืมความฝันครั้งนี้อย่างแน่นอน

ใครเป็นใครใน...ฝัน

พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล และวงออกัส รับบทเป็น วงออกัส

ถ้าวงออกัสคือตัวแทนของการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนที่มีบทเพลงแห่งความฝันและความรักในเสียงดนตรี จึงไม่น่าแปลกใจที่วงออกัสจะเป็นวงดนตรีในฝันที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กหนุ่มเด็กสาวในยุคนี้รวมทั้งเจน ที่มีความฝันอันสวยงาม และแน่นอนว่าถ้าเป็นคุณมีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝันกับวงดนตรีในดวงใจอย่างต้นข้าว คุณจะปฏิเสธโอกาสเดียวในชีวิตที่จะได้ใกล้ชิดไอดอลในดวงใจของคุณเชียวหรือ
ผลงานภาพยตร์ที่ผ่านมา : รักแห่งสยาม (พ.ศ.2550)

ด.ญ. เจนจิรา จำเนียรศรี รับบทเป็น ต้นข้าว

ต้นข้าว เด็กน้อยวัยช่างฝัน  หลงใหลและปลาบปลื้มออกัสซุปเปอร์วงดนตรีไอดอลในดวงใจ จนหายใจเข้าออกเป็นออกัสๆ และเก็บไปฝันเป็นเรื่องราวอยู่ประจำ แต่แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเมื่อต้นข้าวหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝันกับวงออกัส เพียงทว่าภายใต้ความฝันที่สวยงามกลับมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ ต้นข้าวและวงออกัสจึงต้องผจญภัยเพื่อหาทางออกมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง
ขอแนะนำ : ด.ญ. เจนจิรา จำเนียรศรี หรือ น้องเจน เด็กน้อยวัย 12 ขวบ ที่ไม่เคยผ่านผลงานใดๆ มาก่อน จนวันหนึ่งฟ้าก็ประทานน้องเจนให้ได้มาเจอมะเดี่ยว ในขณะที่ทีมงานออกไปตามหาเด็กผู้หญิงที่จะมารับบทต้นข้าว เด็กน้อยป.6จากเซนต์ฟรังฯคนนี้ก็เดินปรี่มาหาทีมงานโดยไม่ทันตั้งตัว และถามว่า “พวกพี่มาทำอะไรกันหรอ” และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอมารับบทตัวละครสำคัญของมะเดี่ยวในเรื่อง “ฝัน” และที่บังเอิญคือน้องเจนก็ชื่นชอบวงออกัสเหมือนกับต้นข้าวในเรื่องเสียด้วย

ด.ช. จารุวิทย์ ลัยวิรัตน์ รับบทเป็น บอย

บอยเป็นเพื่อนสนิทของต้นข้าว และแอบมีความรู้สึกดีๆ ให้กับต้นข้าวอยู่ฝ่ายเดียว บอยจึงน้อยใจต้นข้าวอยู่บ่อยๆ เพราะต้นข้าวไม่เคยสนใจ เพราะมัวปลื้มอยู่แต่กับวงออกัส จนเมื่อต้นข้าวต้องหลุดเข้าไปติดอยู่ในโลกแห่งความฝันของเธอ บอยจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยต้นข้าวออกมาให้ได้                             

ขอแนะนำ : ด.ช. จารุวิทย์ ลัยวิรัตน์ หรือ เอิร์ธ เด็กชายวัยกำลังแตกเนื้อหนุ่ม (อายุ 14 ปี) คนนี้ไม่เคยผ่านผลงานอะไรมาก่อนเช่นเดียวกับน้องเจน สาเหตุที่ไปเตะตามะเดี่ยวผู้กำกับเพราะด้วยความที่น้องเอิร์ธมีใบหน้าละม้ายคล้ายตัวการ์ตูน ตามที่มะเดี่ยวอยากได้ ในที่สุดบอยก็ได้มารับบท “บอย” หนุ่มน้อยผู้แอบรักเพื่อนในเรื่อง “ฝัน”

บทสัมภาษณ์มะเดี่ยวกับรายละเอียด "ฝัน"

พูดถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ ฝันหวานอายจูบ
จุดเริ่มต้นของฝันหวานอายจูบคือ พี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) เขามีไอเดียอยากจะเอานักแสดงจากรักแห่งสยามมารวมกันอีกครั้งในหนังเรื่องใหม่สักเรื่องหนึ่ง ก็สรุปกันว่าจะทำโปรเจกต์หนังรักที่มีสี่ตอนในหนึ่งเรื่อง ซึ่งจะมีผม พี่ปรัชญา พี่เชนทร์ (ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล) พี่อ๊อด (บัณฑิต ทองดี) ก็เลยต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดกันระหว่างสี่ผู้กำกับ ทุกคนก็ต้องไปคิดในแง่มุมของตัวเองว่าจะพูดถึงความรักในแง่มุมไหน  

ที่มาและไอเดียของเรื่อง “ฝัน”
แรงบันดาลใจก็คือ พอเราพูดถึงฝันก็นึกถึงเรื่องราวความฝันของเรา อยากเล่าเรื่องอะไรสนุกๆ คือเราเป็นคนชอบฝัน บางทีอาจเป็นเรื่องราวที่ไม่ได้ปะติดปะต่อกัน บางทีตื่นมาจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็เลยเอาความฝันมาทำเป็นหนังรักดู ก็เลือกที่จะหยิบยกเรื่องราวจินตนาการของเด็กๆ เพราะเด็กเป็นวัยที่ช่างฝัน เราก็เลยตั้งใจผสมผสานระหว่างเรื่องความรักกับความฝันในโลกของจินตนาการไปในหนังเรื่องนี้

ฝันพูดถึงความรักในแง่มุมแบบไหน
ความฝันจะพูดถึงความรักที่ใสๆ  พูดถึงโลกของความฝันของเด็กๆ ทุกคน เมื่อเริ่มต้นที่จะมีความรักก็จะจินตนาการสวยงาม สดใส เต็มไปด้วยหัวใจสีชมพู ล่องลอยไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการของเขา บางคนก็ฝันว่าอยากมีแฟนหล่อๆ มีไอดอลในใจ อาจจะชอบพี่มาริโอ้ พี่พิช หลักๆ ในตอนฝันก็จะพูดถึงเรื่องของความฝันของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

เรื่องราวในตอนฝัน
ฝันจะพูดถึงเรื่องราวของต้นข้าว เด็กผู้หญิงที่เป็นคลั่งไคล้วงออกัสเอามากๆ ถึงขนาดเก็บไปฝันเป็นเรื่องเป็นราว บางทีก็ฝันว่าพี่พิชกับวงออกัสมาร้องเพลงให้ฟัง จนเพื่อนสนิทที่แอบมีใจให้ต้นข้าวอย่างบอยก็เลยหมั่นไส้ปนน้อยใจ จนเรื่องราววุ่นๆ เกิดขึ้นเมื่อต้นข้าวฝันว่าได้ออกไปผจญภัยกับวงออกัสในดินแดนในโลกแห่งจินตนาการของเธอ ซึ่งความฝันครั้งนี้กลับไม่ใช่ความฝันธรรมดาๆ ซึ่งจะมีเรื่องสนุกสนานอะไรเกิดขึ้นคงต้องไปดูในหนัง

พูดถึงการจับเอาวงออกัส กลุ่มนักแสดงและนักดนตรีจากรักแห่งสยาม กลับมาร่วมงานในเรื่องนี้อีกครั้ง
ก็หลังจากรักแห่งสยาม ก็ยังต้องคลุกคลีกันเพื่อทำอัลบั้มเพลงชุดใหม่ แล้วแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์ มีคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจ ประกอบกับเราทำงานด้วยกันมานานตั้งแต่หนังรักแห่งสยาม ก็เลยเลือกให้มาเล่นเรื่องนี้เลยดีกว่า รู้สึกว่าคงจะสนุกดีถ้าได้ร่วมงานที่เกี่ยวกับหนังกันอีก อย่างในเรื่องฝันเราก็เขียนเรื่องที่เกี่ยวกับวงดนตรีออกัสไปเลย

เรื่องนี้เราจะได้เห็นความแปลกใหม่อะไรในวงออกัส ที่แปลกใหม่จากเรื่องรักแห่งสยาม
ตอนรักแห่งสยาม พิช (รับบทเป็น มิว ในรักแห่งสยาม) ก็จะแสดงนำ มีคนอื่นในวงก็มีบทคนละนิดคนละหน่อย ซึ่งเรื่องนี้แต่ละคนก็จะมีความสำคัญต่อเรื่องราวในหนังกันมากขึ้น คาแรกเตอร์และจุดเด่นของแต่ละคนก็นำมาใส่เป็นลูกเล่นและสีสันใหม่ๆ ผมคิดว่าพวกเขามีความน่าสนใจพอที่จะมีหนังของตัวเองได้ ซึ่งเรื่องนี้วงออกัสก็จะได้สวมบทบาทเป็นตัวตนของพวกเขาจริงๆ ในหนังเรื่องนี้

พูดถึงตัวละครที่ถือเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักในตอนฝัน ที่ได้นักแสดงหน้าใหม่ตัวจิ๋วมาแสดง
คาแรกเตอร์ของต้นข้าวในเรื่องนี้ต้องเป็นเด็กผู้หญิงวัยใสๆ หน่อย ประมาณป.6 ต้องมีอารมณ์กรี๊ดกร๊าดวงดนตรีหล่อๆ ตามประสาของเด็กวัยนี้   พอตั้งโจทย์ของตัวละครนี้ได้ปุ๊ป ก็เลยเริ่มหาเด็กผู้หญิงที่มีคาแรกเตอร์แบบนี้กันเลย ใช้วิธีการแคสแบบไปเดินหากันเองเลย ไปเดินหาตามโรงเรียน เราก็ต้องการคนที่มีคาแรกเตอร์ ถ้าไปหาจากโมเดลลิ่งก็จะไม่ได้เห็นอากัปกิริยาที่เป็นธรรมชาติของคนๆ นั้น จนได้มาเจอน้องเจน (เจนจิรา จำเนียรศรี)   เขาจะวิ่งเข้ามาหาเราเองเลย มาถามว่าพวกพี่มาทำอะไรกันหรอ ขอเล่นด้วยได้มั้ย ซึ่งเราชอบเด็กแบบนี้ เขาต้องมีความอยาก คนเป็นนักแสดงต้องมีความทะเยอทะยาน แล้วต้องมีความตั้งใจจริง เราก็เลือกนักแสดงผู้หญิงหลายๆคนนะ สุดท้ายก็คิดว่าน้องเจนนี่แหละใช่ที่สุดแล้ว

พอได้ร่วมงานกันแล้วเห็นสีสันหรือความน่าสนใจอะไรในตัวน้องเจนบ้าง
พอได้ร่วมงานกันแล้ว น้องเจนก็เป็นคนน่ารัก เป็นคนสนุก เล่นได้ทุกอย่าง คือไม่มีห่วงสวยไม่มีอะไรทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อว่าน้องอยู่ป.6 เอง บางทีมันจะมีรายละเอียดยากๆ ของการแสดง ที่น้องเขาก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี แล้วก็เชื่อว่าน้องเขายังแสดงบทอื่นที่ยากกว่านี้ได้อีก และก็ถือว่ามีอนาคตไกลมาก แล้วเวลาอยู่ในกองน้องเจนจะอะเลิทตลอดเวลา ถือเป็นสีสันให้ทีมงานทุกคนอีกด้วย

พูดถึงฉากที่ประทับใจในตัวน้องเจน
น้องเจนต้องมีเข้าฉากใหญ่ๆหลายฉาก ต้องมีฉากกระโดษเกาะรถตู้ ซึ่งเป็นความคลั้งไคล้อย่างสูงสุดของเธอที่มีต่อวงออกัส จริงๆ ก็มีเอาสลิงมาห้อย มีการเตรียมตัวกันค่อนข้างรัดกุม ภาพออกมาดูขำนะ แต่เวลาเล่นจริงๆ เนี่ยเครียดกันเหมือนกัน เราก็เป็นห่วงว่าน้องเจนจะร่วงลงมามั้ย แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี น้องเจนก็กลายเป็นจีจ้าน้อยไปเลย

พูดถึงนักแสดงตัวจิ๋วหน้าใหม่อีกคนหนึ่ง ที่มาสวมบทบาท บอย ในเรื่องนี้
บอยก็เป็นนักแสดงอีกคนที่ได้มาจากการไปเดินหาตามโรงเรียน บทบอยไม่ได้อยากได้คนหน้าตาหล่อ แต่อยากได้คนที่หน้าตาดูเป็นการ์ตูน แล้วก็ดูมีความกวนอยู่ตรงนั้น แต่ยังมีความน่ารักแบบเด็กๆ อยู่ บทที่ได้รับก็ไม่ไกลจากตัวเขาเท่าไหร่ สิ่งที่ยากกับเอิร์ธคือเขาต้องเล่นในโลกของจินตนาการ เขาก็เล่นได้ดีนะ ดูแล้วสมจริง ก็เป็นคาแรกเตอร์แบบเด็กๆ เป็นเด็กผู้ชายที่ไปแอบชอบเพื่อนผู้หญิงแต่ไม่กล้าบอก แต่ก็จะมีบางฉากที่เขาเล่นด้วยกันแล้วดูจั๊กจี้ดี

พูดถึงสีสันและเสน่ห์ของตอนฝันที่ต่างจากอีกสามเรื่องในโปรเจกต์นี้
ในตอนฝันจะมีสีสันและลูกเล่นในตัวหนังค่อนข้างเยอะ ซึ่งทั้งสี่เรื่องก็จะมีสีสันแตกต่างกันไป อย่างเรื่องฝันก็จะโดเด่นในเรื่องของความสนุก เพลิดเพลิน ได้หัวเราะ ล่องลอยไปในโลกของความฝัน แล้วก็จะมีส่วนของความเป็นมิวสิคัล มีเพลงเข้ามามีส่วนในการดำเนินเรื่อง เหมือนเป็นตัวเล่าเรื่อง คือตัวละครต้นข้าวจะชอบฟังเพลงของออกัสมาก ก็เลยเก็บไปฝันเป็นเพลง เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งในส่วนของดนตรีก็ยังเป็นฝีมือจากวงออกัสและทีมงานเหมือนเดิม

มีการเตรียมงานในพาร์ทของความเป็นมิวสิคัลอย่างไรบ้าง
ก็ต้องมีการซ้อมท้าเต้น ซ้อมการเคลื่อนไหว คือมันยากตรงที่จังหวะมันต้องเป๊ะๆ ซึ่งก็ท้าทายตัวเราเหมือนกัน เพราะไม่เคยเอาลูกเล่นตรงนี้มาใส่ในหนัง แต่ผมเคยทำอะไรที่เป็นมิวสิคคัลแบบนี้สมัยที่ทำละครให้นิเทศจุฬา ส่วนใหญ่จะอยู่ฝ่ายเพลง ก็คอยทำเพลงให้กับละครเวที ละครเวทีของคณะนิเทศจะมีเสน่ห์ตรงที่ความสนุกมีโชว์มีเต้นมีร้องเพลง ซึ่งเราก็มีความทรงจำที่ดีสำหรับตรงนั้น เลยหยิบเอาตรงนั้นมาใช้ในหนังเรื่องนี้ อีกอย่างหนึ่งเป็นคนชอบดูมิวสิคคัลอยู่แล้ว ชอบดูละครเพลง ชอบดูหนังเพลงซึ่งพอนำตรงจุดนี้มาใส่ มันก็ทำให้เรื่องราวที่พูดถึงความฝันมันดูชัดเจนมากขึ้น

พูดถึงฉากที่คิดว่ายากสำหรับเรื่องนี้บ้าง
เรื่องราวในฉากคือต้นข้าวฝันเห็นวงออกัส กำลังร้องเพลงหลับตา สิ่งที่ยากคือตอนซ้อม อย่างที่สองคือต้องเล่นสดในบางคัท สามก็ต้องร้องสด ต้องใช้เทคนิคกล้องเยอะแยะ คือตอนไปถ่ายเราลืมไปเลยว่าเรากำลังถ่ายหนังที่ไม่ได้มีความยาวสองชั่วโมงอยู่ มันอาจไม่ได้มีตัวละครหรือบทพูดอะไรเยอะแยะ แต่ว่ามันก็งานสเกลที่ใหญ่สำหรับเราเหมือนกันนะ ต้องควบคุมบรรยากาศ ต้องทำให้คนดูรู้สึกล่องลอยไปในความฝัน เหมือนกับที่ตัวละครรู้สึกให้ได้

ในเรื่องฝัน รวมไปถึงโปรเจกต์ฝันหวานอายจูบ จะได้ฟังบทเพลงเพราะๆ จากมะเดี่ยวและวงออกัสเหมือนเดิมหรือเปล่า
โปรเจกต์นี้ก็ยังคงได้ฟังเพลงเพราะๆ เหมือนเดิม ก็แน่นอนว่ายังมีวงออกัสมารับหน้าที่ในส่วนของเพลงประกอบหนังเหมือนเดิม ส่วนผมก็ทำหน้าที่โปรดิวเซอร์เหมือนเดิมอีกเช่นกัน แต่คราวนี้ก็จะมีคนเก่งๆ มาช่วยกันอีกแรง อย่างคุณแสตมป์ เซเว่นซีน หรือพลอย ณัชชา ที่มาร่วมร้องเพลงที่ชื่อว่าฝันหวานอายจูบกับน้องพิช ก็น่าจะทำให้หนังเรื่องนี้นอกจากจะได้รับความซาบซึ้งแล้ว ก็ยังมีความบันเทิงจากเพลงเพราะๆ มีหนังสนุกๆ มีความรักของเด็กวัยใส ซึ่งเป็นหนังที่ใสที่สุดที่เคยทำมา รับรองว่าจะได้อมยิ้มกลับบ้านไปอย่างมีความสุข

ทำไมต้องไปดูฝันหวานอายจูบ
หนังเรื่องนี้เนี่ย ควรที่จะไปดูเลยเพราะเป็นอีกก้าวหนึ่งของน้องๆ ที่เกิดมาจากหนังรักแห่งสยาม ซึ่งจะได้เห็นพัฒนาการที่ก้าวไปอีกขั้น หลังจากได้พิสูจน์ตัวเองมาจุดหนึ่งแล้ว ซึ่งแต่ละคนจะมีทิศทางอย่างไรก็ต้องไปติดตามดู จะได้เห็นน้องตาลที่เปลี่ยนไปเยอะ เรายังแอบชอบเลย คือน้องตาลในหนังของพี่อ๊อดดูดีมาก พิชกับวงออกัสที่มีฝีมือทางดนตรีที่น่าจับตา ส่วนมาริโอ้ก็ยังหล่อเหมือนเดิม

อันนี้คำถามส่วนตัว ปกติเป็นมะเดี่ยวเป็นคนโรแมนติกหรือเปล่า
ก็ไม่ค่อยนะ เด็กๆ อาจจะมีบ้าง แต่หนักไปทางมีอารมณ์อ่อนไหวมากกว่า คือความโรแมนติกของเราคงเป็นความใจดีมากกว่า เราก็ให้ความรักกับคนทุกคนแหละ เวลาไปไหนมาไหนก็จะซื้อของมาฝากพี่ๆน้องๆเสมอ แต่ว่าถ้าจะทำอะไรให้ใครสักคนหนึ่งคงยังไม่อินแบบนั้น เป็นคนที่ชอบสนุกๆกับคนเยอะๆมากกว่า

ความรักสำคัญสำหรับมะเดี่ยวอย่างไร
ความรักสำคัญกับเรามาก ถ้าไม่มีคงไปเป็นขุนโจรอยู่ คงเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ ถ้าเรามีความรักอยู่เต็มหัวใจ และพร้อมที่จะมอบให้คนอื่น แล้วคนอื่นก็จะให้ความรักเรากลับมา จริงๆ ก็ไม่ได้หวังให้เขารักตอบแต่ว่าการมอบความรักให้คนอื่นเป็นสิ่งที่ดี ถ้าคนส่วนใหญ่คิดได้แบบนี้ สังคมก็คงน่าอยู่มากขึ้นกว่านี้ไปอีก

นิยามความรักของมะเดี่ยว
เราคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่ทำให้โลกนี้สวยงาม ทำให้เราอยู่อย่างมีความสุข และก็มีความหวัง ทำให้เราไม่แห้งเหี่ยว

ประสบการณ์ความฝันที่ไม่มีวันลืม
จริงๆ เราเป็นคนชอบฝันมาก ฝันแบบเป็นหนังเลยนะ ชอบฝันถึงเรื่องสนุกๆ พอตื่นขึ้นมาแล้วแบบมันส์จังเลย บางทีตื่นมาก็ต้องหาอะไรจดไว้ ก็เคยฝันว่าได้เจอพี่เบิร์ด ก็เคยฝันว่าเจอพี่เบิร์ดแบบว่าคลั่งไคล้มาก จนวันหนึ่งได้เจอตัวจริง ก็แฮปปี้มีความสุขมาก ในฝันคือเราเห็นพี่เบิร์ดร้องเพลงอยู่ไกลๆ แล้วก็เดินมาคุยกับเรา ตอนนั้นรู้สึกว่าพอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเสียดายมาก

ฝากผลงานในเรื่องฝัน หนึ่งในโปรเจกต์ฝันหวานอายจูบ
ก็อยากฝากผลงานฝันหวานอายจูบด้วยนะครับ เป็นงานที่พวกเราตั้งใจทำกันมาก นานๆ ทีจะได้ร่วมงานกับผู้กำกับอีกสามคนในเรื่องเดียว แล้วก็รวมนักแสดงฮ็อตๆ เอาไว้ในเรื่องเดียวเยอะมาก เชื่อว่าทุกคนจะประทับใจกับแง่มุมความรักในแต่ละเรื่อง ซึ่งอาจตรงกับประสบการณ์ของใครบางคน โดยเฉพาะตอนฝันสนุกมาก (หัวเราะ) คิดว่าทุกคนต้องชอบครับ