สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

 
   

อาข่าผู้น่ารัก

  กรกฎาคม 2551
  LINK : โปสเตอร์ เรื่องย่อ เทรลเลอร์            สัมภาษณ์ผู้กำกับ
   
 

ฟูอาน่า   ฮิโรยาม่า  รับบทเป็น  “หมี่จู”   

                               
“หมี่จู” เป็นสาวน้อยชาวอาข่า ที่ความแก่นซนไม่ได้น้อยไปกว่าความน่ารักของเธอ จนวันหนึ่งเธอก็สร้างเรื่องเดือดร้อน จนพ่อกับแม่ต้องส่งเธอไปอยู่กับน้าในเมือง ที่นั่นเองที่หมี่จูได้เจอกับคนในหมู่บ้านของเธอที่หายไป ทำให้เธอรู้สึกโหยหาและคิดถึงดินแดนที่เธอเคยอยู่ และตั้งใจที่จะกลับไปบ้านเพื่อสื่อสารอะไรบางอย่างกับคนที่นั่น วีรกรรมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องซุกซนอีกต่อไป แต่จะทำให้ดินแดนแห่งนี้เปลี่ยนไปตลอดกาล                                                                      
“หนูมีความสุขที่มีรูปถ่าย...เวลาถ่ายรูปสนุกมาก หนูเจอนักท่องเที่ยวทุกวัน ถ่ายรูปทุกวันแต่...หนูอยากมีรูปถ่ายแบบนี้กับพ่อ กับแม่ กับทุกคนในหมู่บ้านมากกว่าแต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะอีกไม่นาน หนูก็คงถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเหมือน อานี ป่องเปี้ย แล้วก็น้าหมี่ยี ที่ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย….”

ผู้กำกับเปิดใจคัดเลือกผู้แสดงหมี่จู : “หมี่จูต้องมีความน่ารัก ดูสดใสบริสุทธิ์ ในขณะเดียวกันต้องมีความซุกซน แก่นแก้ว ตามประสาเด็กทั่วไป และมีมุมที่กำลังค้นหาตัวเอง หรือตั้งคำถามกับสิ่งที่ตัวเองได้พบเจอ หมี่จูต้องสามารถทำให้คนดูหัวเราะไปกับความแสบซนของเธอ และสามารถทำให้คนดูรู้สึกโหยหาเวลาที่เธอเหงา และทำให้เสียน้ำตาเวลาที่เธอร้องไห้ นี่คือสิ่งที่เราต้องการจากตัวละครหมี่จู”

สำหรับขั้นตอนการหาเด็กผู้หญิงที่จะมารับบทเป็น “หมี่จู” ผู้กำกับหญิงคนเก่งนั้นได้ใช้เวลาเกือบครึ่งปี จากผู้ที่มาคัดเลือกกว่าร้อยคน จนในที่สุดฟ้าก็ประทานเด็กผู้หญิงลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น วัย 10 ขวบที่ชื่อว่า “น้องแคนดี้” หรือมีชื่อเต็มว่า “ฟูอาน่า ฮิโรยาม่า” ให้มาเจอกับผู้กำกับหญิงคนเก่ง และหลังจากผ่านการทดสอบทางการแสดงอยู่พักใหญ่ น้องแคนดี้ ก็สามารถมารับเป็นตัวละครสำคัญตัวนี้ได้อย่างที่ผู้กำกับวาดภาพเอาไว้

 

 

“เราเริ่มจากการติดต่อน้องที่เรียนม.เชียงใหม่ ให้เขาช่วยทำแคสติ้งให้ ก็ต้องมีการพูดคุยกันเรื่องโจทย์ของเราว่าต้องการเด็กอายุประมาณ 8-10 ปี เขาก็ไปหาตามโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนบัลเล่ต์ แล้วก็ไล่ถ่ายรูปเด็กแล้วคัดส่งมาให้ จนได้เจอกับแคนดี้ ซึ่งตอนแรกที่ได้เจอกับแคนดี้ เขาเป็นเด็กคนเดียวที่สามารถเล่นได้แสดงได้ แม้ว่าจะเขินก็ตาม เราพูดอะไรไปให้ซึ้ง เขาก็ซึ้ง เขาสามารถร้องไห้ให้เราดูได้ แล้วบวกกับหน้าตา และตัวน้องเองเป็นเด็กเชียงใหม่ บุคลิกและลักษณะก็ดูเป็นคนเหนืออยู่ ช่วงเวลาที่เวิร์กช็อบด้วยกัน จะรู้เลยว่าน้องเป็นเด็กแก่น ก็เลยรู้สึกว่านี่แหละที่เป็นไปตามที่เราอยากได้ตอนนั้นรู้สึกว่าเด็กคนนี้แหละคือหมี่จูที่เราตามหา”

แต่การที่เด็กวัยสิบขวบอย่างน้องแคนดี้ ที่ยังไม่เคยผ่านงานแสดงใดๆ มาก่อน ต้องมารับบทนำในหนังเป็นครั้งแรก โดยต้องสวมบทบาทเป็นเด็กหญิงชาวเขาสุดแก่น เรื่องของภาษา และการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ลำบาก จึงเป็นเหมือนการบ้านที่หนักเอาการ สำหรับเด็กน้อยคนนี้ ซึ่งผู้กำกับหญิงคนเก่งพูดถึงการเตรียมตัวของน้องแคนดี้เพื่อมารับบทหมี่จูว่า

“เริ่มจากการส่งไปเรียนการแสดงที่โรงละครของกาดสวนแก้ว เพราะว่าเราไม่อยากให้เด็กเดินทางไกลมากรุงเทพฯ ก็ให้เขาเรียนเยอะมาก ตั้งแต่เรื่องของภาษา คือบทภาพยนตร์จะต้องมีภาษาอาข่า ซึ่งยากมากๆ แต่เด็กทำได้ เขาต้องอ่านเป็นคาราโอเกะ ตรงนี้ทำให้เราเห็นว่าน้องมีความสามารถมาก เพราะภาษาอาข่าเป็นอะไรที่ยาก ตัวเองยังทำไม่ได้เลย แล้วน้องเขาทำได้ดีมาก เขาใช้เวลาจำบทภาษาอาข่าสักประมาณหนึ่งเดือน ระหว่างที่ขึ้นไปถ่ายทำ ทุกคืนเขาก็จะต้องนั่งดูบทซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่เครียดมากสำหรับเด็ก 9 ขวบ เรื่องภาษานี่ถือเป็นเรื่องที่ยากมา ต้องยอมรับว่าน้องมีความอดทนและมีความสามารถมาก เขาต้องมาจากบ้านที่เชียงใหม่เพื่ออยู่กับเรา ต้องไปนอนอยู่หมู่บ้านชาวเขา ไม่ได้เจอเพื่อน ไม่ได้เที่ยวอะไรเลย กลางคืนก็ต้องท่องบท แรกๆ เขาก็มีอึ้งมีงอแงนิดหน่อย แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ เขาก็เริ่มสนุก ซึ่งเขาเป็นคนแก่นอยู่แล้ว วันไหนพักถ่ายเขาก็จะไปเดินเล่นน้ำตก ไปเดินดูต้นไม้ ก็เลยซึมซับกลมกลืนกับคาแรกเตอร์ที่ได้รับไปในตัว”
ทางด้านน้องแคนดี้ เด็กน้อยผู้น่ารักผู้ที่มารับบทเป็น “หมี่จู” พูดถึงช่วงเวลาและประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่แสนประทับใจ กับการแสดงหนังครั้งแรกโดยต้องมารับบทเป็นตัวสำคัญที่สุดในเรื่อง ที่จะทำให้เธอต้องจดจำความรู้สึกดีๆ ตลอดไปตราบนานเท่านาน                                                                                               
“แคนดี้รู้สึกดีใจมาก ที่ได้มาเล่นเป็นหมี่จูในหนังอาข่าผู้น่ารัก ตอนแรกที่ไปแคสติ้งก็ไม่มั่นใจ เพราะรู้สึกว่าแสดงไม่เป็น พี่ปุ๊กกี้ (ผู้กำกับ) ก็บอกให้เราเล่นเป็นธรรมชาติ พอรู้ว่าได้เล่นก็ดีใจมาก เพราะว่าจะได้ไปเที่ยวเล่นอยู่บนดอย แต่พอเอาเข้าจริงทุกอย่างดูยากมาก ต้องท่องภาษาอาข่า ต้องท่องบท ไม่ได้ดูทีวี ไม่ได้เจอเพื่อน แต่ว่าพออยู่ไปสักพักก็เริ่มสนุก บรรยากาศก็ดี เรื่องของการแสดงก็เข้าใจมากขึ้น เพราะพี่ปุ๊กกี้จะพูดเสมอว่าให้เล่นเป็นตัวเอง เพราะว่านิสัยของแคนดี้จะแก่นๆ เหมือนกับหมี่จูอยู่แล้ว”  

ประวัติ : ฟูอาน่า ฮิโรยาม่า มีชื่อเล่นว่า แคนดี้  เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2537 เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น และอาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่มาโดยตลอด หลังจากที่ทีมแคสติ้งเลือกรูปถ่ายกว่าร้อยใบเพื่อเสาะหาเด็กผู้หญิงที่จะมารับบทเป็นหมี่จู  ในที่สุดความน่ารักสดใสของน้องแคนดี้ก็โดนใจผู้กำกับหญิงคนเก่งเข้าอย่างจัง ทำให้เธอได้สวมบทบาทนักแสดงครั้งแรกในขณะที่อายุ 10 ปี 

พิมพ์พรรณ  ชลายนคุปต์  รับบทเป็น  พี่แป้น     

“พี่แป้น” เปรียบเสมือนเป็นหัวเรือใหญ่ของกลุ่มกระจกเงา เธอเป็นผู้หญิงที่เข็มแข็ง มีความเป็นผู้นำ และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาชีวิตของชาวเขา ในขณะเดียวกันพี่แป้นก็เปรียบเสมือนหน้าต่างบานใหม่ของชาวเขา เมื่อทำให้ทุกคนรู้จักกับเทคโนโลยี ที่สามารถสร้างความสุข เช่นเดียวกันกับที่หมี่จูรบเร้าพี่แป้นเพื่อจะออกทีวี เพื่อใช้บ้านนอกทีวีถ่ายทอดความรู้สึกที่หล่นหายไปจากชาวเขา

“ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าสภาพอากาศปลอดโปร่ง สัญญาณอาจไปถึงพื้นราบที่เชียงราย  แต่ก็ชั่งเถอะ...ที่สำคัญเราต้องทำรายการถ่ายทอดสดกัน เพื่อให้พวกเราบนเขาได้ดูกันแบบสดๆ ไอ้เรื่องที่จะแพร่ภาพไปพื้นราบได้หรือไม่ได้...มันก็แค่ผลพลอยได้เท่านั้น”

ผู้กำกับเปิดใจคัดเลือกผู้แสดง : พี่แป้นเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง เพราะฉะนั้นการหาใครสักคนเพื่อมารับบทนี้ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เพราะว่าพี่แป้นต้องเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่เป็นผู้นำ มีความคิดที่ทุ่มเทและเสียสละจะพัฒนาชีวิตของผู้อื่น ซึ่งพิมก็เหมาะกับบทนี้มาก สายตาเขาดูมีความแน่วแน่ คนที่จะทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเหลือคนอื่นได้ จะต้องดูมีคาแรกเตอร์ที่แข็งและแน่วแน่ ซึ่งในส่วนของทีมกระจกเงาก็อิงจากตัวจริงเลย คือคาแรกเตอร์ในภาพยนตร์ของกลุ่มกระจกเงามีจริงทุกคน ทั้งพี่แป้น อาตี อาหม่า ที่มาเป็นอาสาและสอนให้ชาวเขารู้จักการตัดต่อ การถ่ายทำรายการทีวี สอนกระบวนการการออกอากาศ ตัวละครกลุ่มนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินเรื่อง เป็นสีสันที่สามารถเรียกรอยยิ้ม จากความรู้สึกประทับใจ เมื่อได้เห็นชาวเขาทำรายการทีวี และเมื่อได้เห็นตัวเองในทีวีครั้งแรก” 

 

 

ทางด้านนักแสดงสาว พิมพรรณ ชลายนคุปต์ ก็ได้พูดถึงบทบาทใหม่ครั้งสำคัญของเธอ ที่เจ้าตัวถึงกับเอ่ยปากว่าแม้คาแรกเตอร์ไม่ได้หวือหวาอะไรมากมาย แต่กลับรู้สึกท้าทายมากกว่าทุกเรื่องที่เคยร่วมงานมา ทั้งเรื่องของการทำงานในระหว่างถ่ายทำ รวมไปถึงแง่คิดที่เธอได้รับกลับมาจากการเล่นหนังเรื่องนี้ด้วย

“สิ่งที่ท้าทายตัวเรากับการมาเล่นหนังเรื่องนี้ก็คือ ถึงแม้เป็นบทเรียบๆ ง่ายๆ แต่การจะสื่อสารให้กับคนดูดูแล้วรู้สึกอินไปกับเราได้ เป็นสิ่งที่ยาก เพราะตัวละครพี่แป้นที่พิมเล่นมีอยู่จริง วิธีการแสดงออกทุกอย่างจะต้องคล้ายกับตัวจริง ทั้งแววตาและความรู้สึกต้องทำให้เชื่อได้ว่าคนๆ นี้พร้อมจะทำอะไรเพื่อสังคมจริงๆ เพราะพิมเองไม่เคยไปสัมผัสงานในด้านแบบนี้มาก่อน อีกอย่างหนึ่งคือการถ่ายทำ เพราะเราต้องขึ้นไปอยู่บนนั้นเลย ใช้เวลาเป็นเดือนๆ รู้สึกว่าทุกอย่างดูเพียวมากๆ สิ่งที่เราซึมซับได้จากการทำงานในหนังเรื่องนี้ คือทำให้เรารู้ว่า การได้อยู่กับคนที่เรารัก นั่นแหละคือความสุขที่แท้จริง หนังเรื่องนี้กำลังจะสื่อถึงความผูกพันในครอบครัว ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่านี้แล้ว สิ่งของภายนอก วัตถุต่างๆ มันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย การได้อยู่กับคนที่เรารัก คนที่ปราถนาดีต่อเรา นั่นคือความสุขที่แท้จริง เชื่อว่าคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จะรู้สึกอิ่มใจ และอาจหันกลับไปมองคนที่รักรอบข้างมากขึ้น”

ประวัติ :  พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์ เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นที่รู้จักไปทั่วเมือง จากการมารับบทนำในหนังที่มีกระแสมากที่สุดในยุคนั้นคือ “คืนบาปพรหมพิราม” ทำให้เธอแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฐานะนักแสดงที่ผ่านบทบาทที่หินสุดๆ มาแล้ว ก่อนจะมีผลงานหนังอย่าง “ฟอร์มาลีนแมน...รักเธอเท่าฟ้า” และ โคลิค..เด็กเห็นผี” และล่าสุดกับบทบาทพี่แป้น ตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริง ซึ่งเธอก็สวมบทบาทได้ดีเยี่ยมอีกเช่นเคย

   
   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.