หลังจากเปิดตัวไปเมื่อปีก่อน และหายเงียบไปนาน ในที่สุดภาพยนตร์ไทยฟอร์มใหญ่ อินทรีแดง ก็ได้ฤกษ์เปิดกล้องเสียที เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา โดยถือเอาฤกษ์ดี เวลา 9.19 น. ทำพิธีหน้าองค์พระพิฆเนศ บริเวณห้างเซ็นทรัลเวิล์ด ราชดำริ โดยที่วิศิษฎ์ - อนันดายังคงอยู่กับโปรเจ็คท์ เสริมทัพด้วยนักแสดงที่บางคนอาจจะเล่นเป็นเรื่องแรก บางคนอาจจะเล่นเป็นเรื่องที่สอง แต่ก็ยังถือว่าเป็นหน้าใหม่มากๆ ในส่วนของบริษัทผู้สร้าง ไฟว์สตาร์ยังคงเป็นหัวเรือหลัก โดยมีบริษัทกันตนามาร่วมมือด้วย ภายใต้การดูแลของบริษํทโลคอล คัลเลอร์ ที่เป็นผู้ดูแลการผลิตให้หนังไทยอย่างเช่น นางไม้
อนันดากล่าวถึงการเตรียมงานในส่วนของตัวเขาเองว่า เขาได้ศึกษาดูหนังฉบับมิตร ชัยบัญชามาแล้ว แต่เป็นแค่การดูเพื่อหาแนวทาง เป็นแรงบันดาลใจมากกว่า เพราะการนำเอาตัวละครเดิมมาใช้คงไม่เหมาะกับแนวทางของเรื่องในฉบับใหม่นี้ เลยสร้างตัวละครขึ้นมาใหม่ เรื่องนี้จะหนักไปทางบู๊ ผมไม่เคยทำอะไรที่ใช้วิชาการต่อสู้มากขนาดนี้ ก็ต้องเรียนเพิ่มเยอะ เรียนมวยไชยาตั้งแต่ก่อนมอเตอร์ไซคล์คว่ำ หลังจากอาการดีแล้วก็เรียนอย่างอื่นต่อ ส่วนเรื่องที่ว่าการถ่ายทำหนังเรื่องนี้อาจจะมีคิวชนกับ Hi Society ผลงานชิ้นใหม่ของอาทิตย์ อัสสรัตน์ อนันดากล่าวว่าไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจอะไร เพราะเราถ่ายหนังเราก็ไม่ได้ถ่ายทุกวันอยู่แล้ว ก็ให้ทีมงานเขาคุยกัน ทำไงก็ได้ให้ไม่กระทบการทำงานของแต่ล่ะฝ่าย
ทางด้านนางเอก ก็เป็นคนเดียวกับที่มีข่าวหลุดออกมาก่อนหน้านี้ คือญารินดา บุญนาค ที่เพิ่งแสดง ความจำสั้น แต่รักฉันยาว ไปเป็นเรื่องแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ญารินดากล่าวถึงตัวละครของเธอว่าเป็นด็อกเตอร์จบจากฮาวาร์ด แล้วก็กลับมาทำงานเมืองไทยทำงานเพื่อสังคม ต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่เธอก็ไม่ได้บู๊อะไรกับใคร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหนุ่มๆ ในเรื่องไป ญารินดายังกล่าวอีกว่าเธอรู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วม ไม่รู้สึกหนักใจกับการแสดงและคิดว่าบทของเธอเป็นบทที่น่าสนใจมาก
|
แต่ที่ดูเหมือนจะไม่มีข่าวมาก่อนเลยคือวรรณสิงห์ ประเสริฐ์กุล นักเขียนหนุ่มดาวรุ่งลูกชายคนเล็กของเสกสรรค์ ประเสริฐ์กุลและจีระนันท์ พิตรปรีชา ที่มารับบทหมวดชาติ คู่แข่งของอินทรีย์แดง วิศิษฐ์เล่าถึงเหตุผลที่เลือกวรรณสิงห์ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านการแสดงมาก่อนว่า คือจริงๆ คาแร็กเตอร์เขาก็ได้อยู่แล้ว และผมก็ติดตามผลงานพวกหนังสือของเขาอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นก็เคยเอาพี่ชายของเขามาเล่นหนังสั้น (โครงการ สวัสดีกรุงเทพ) เลยรู้จักกัน เลยลองเรียกมาแคส แล้วเขาก็เหมาะ คือเขาเป็นคนหนุ่มที่ไฟแรง วรรณสิงห์กล่าวถึงบทของตัวเองว่า อาจจะไม่บู๊เท่ากับอนันดา แต่ก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเพื่อบท ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสตันท์ แต่ด้วยความเชื่อมั่นที่ผู้กำกับการันตีว่าเขาสามารถเล่นได้ เพราะตัวละครกับตัวของชายหนุ่มมีความใกล้เคียงกัน วรรณสิงห์เลยไม่กดดันมากนัก |
รายละเอียดอื่นๆ ของหนังก็คล้ายๆ กับที่วิศิษฎ์เคยได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ อินทรีแดงจะมีเรื่องราวและภาพลักษณ์ที่ทันสมัยขึ้น และจะแตกต่างจากเรื่องราวในฉบับที่มิตร ชัยบัญชาเคยแสดงไว้ วิศิษฐ์เล่าถึงฉากหลังของหนังว่าจะเกิดในอนาคตอีก 4-5 ปีข้างหน้า และสังเกตุได้จากนักแสดงที่เราคัดมา คือเป็นคนรุ่นใหม่หมดแล้วอย่างตัวพระเอก ผมก็อยากให้ดูดุดันจริงจัง อย่างของคุณมิตรจะมีหลายมุม จะมีขี้เล่นมาก แต่ของผมจะไม่เลย คือแอ็คชั่นสมัยนี้จะไม่เป็นแบบสตันท์โชว์แล้ว จะเล่นแบบรวดเร็วและรุนแรง ดูเจ็บจริง แอ็คชั่นเราก็จะอิงไปทางนั้น เป็นแบบสมัยใหม่ การปรับเปลี่ยนแนวทางให้ร่วมสมัย ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากเจ้าของบทประพันธ์ คุณเศก ดุสิต เพราะเรื่องราวก็เขียนขึ้นเมื่อ 40-50 ปีก่อนแล้ว อาจจะไม่ทันยุคนี้เท่าไหร่ เพียงแต่คุณเศกก็ได้ขอให้ผู้กำกับหนุ่มคงตัวละครดั้งเดิมสี่ตัวไว้ อันประกอบด้วย โรม ฤทธิไกรหรืออินทรีย์แดง วาสนา นางเอก หมวดชาติ และสารวัตรมนตรี เจ้านายของหมวดชาติ
ส่วนเรื่องที่ว่าจะเป็นสองภาคตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ วิศิษฎ์ยอมรับว่ามีเนื้อเรื่องมากพอที่จะทำเป็นสองภาค แต่ด้วยความไม่แน่ใจของฝ่ายนายทุน เลยจะทำแค่ภาคแรกก่อน
สำหรับกลิ่นอายและสไตล์ที่เป็นเครื่องหมายของเขา โดยเฉพาะความเป็นพีเรียดที่สีสันจัดจ้าน วิศิษฎ์กล่าวว่าแรกเริ่มเดิมที ก็ตั้งใจจะให้เรื่องนี้เป็นพีเรียดเหมือนกัน แต่เพราะอยากให้คนดูหมู่มากสามารถสนุกไปกับหนังและชอบหนังได้ อยากให้คนสมัยนี้รับหนังได้ ก็เลยปรับเปลี่ยนให้เรื่องเป็นกึ่งๆ อนาคต ส่วนสไตล์ดั้งเดิมของเขา ก็จะยังสอดแทรกอยู่ในตัวหนังบ้าง แต่ไม่ให้เด่นเหนือตัวหนัง คนส่วนใหญ่จะคิดว่าผมชอบทำแต่พีเรียด แต่อีกด้านจริงๆ ผมก็ชอบแนวซูปเปอร์ฮีโร่ แบบพวกเอ็กซ์เมนของฝรั่ง เราก็ชอบ กับอินทรีย์แดงเราก็ตั้งใจจะทำให้คนรุ่นนี้เขาชอบกันด้วย
วิศิษฎ์ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เขาเคยเกือบถอนตัวออกจากโครงการหนังเรื่องนี้ เพราะว่าขนาดของการทำงานที่ค่อนข้างใหญ่ และต้องใช้เวลานานกว่าที่ทางบริษัทผู้สร้างได้กำหนดมาให้ แต่เมื่อทางบริษัทมีการปรับเปลี่ยนเวลาและให้เวลาทำงานแก่เขามากขึ้น เขาเลยตัดสินใจที่จะสานต่อ
ในส่วนของข่าวที่ว่าวิศิษฎ์ได้ลาออกจากงานประจำที่บริษัทโฆษณาฟิม์แฟคตอรี่ เขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ลาออกมาทำเพื่อทำโปรเจ็คท์นี้ และก็คงจะไม่กลับไปทำโฆษณาอีกคงจะต้องดูสถานการณ์ ถ้าทำก็ไม่ทำประจำคงทำเป็นฟรีแลนซ์ วิศิษฎ์รู้สึกว่าหากทำสองอย่างไปด้วยกันงานคงจะออกมาไม่ดี เลยอยากจะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า และตัวเขาเองก็ทำหนังเพียงไม่กี่เรื่อง สามปีสี่ปีได้ทำไม่กี่เรื่องเพราะโฆษณาเหมือนเอาเวลาของเขาไปหมด มีหลายเรื่องที่อยากทำและยังไม่มีโอกาส การทำหนังอาจจะน้อยเรื่องรายได้ แต่ก็มากพอจะดูแลตัวเองได้
ส่วนโปรเจ็คท์อื่นๆ ทั้งงานที่คุยไว้กับทางสิงคโปร์ ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน หรืออย่างการกลับไปร่วมงานกับนนทรีย์ นิมิบุตรอีกครั้งนั้น วิศิษฎ์กล่าวว่าไม่แน่ใจว่าทางฝ่ายของนนทรีย์ยังจะรอเขาอยู่หรือเปล่า หลังจากที่จะต้องใช้เวลาในการผลิตอินทรีย์แดงอีกพอสมควร ส่วนเรื่องที่จะทำนั้นก็อาจจะต้องยังปิดเป็นความลับไว้ก่อน
อภิรดี เอี่ยมพึ่งพร ผู้บริหารบริษัทไฟว์สตาร์ เปิดเผยถึงโปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่นี้ว่า ถึงวันนี้เราพร้อมแล้วค่ะ ที่จะนำอินทรีแดงสู่โลกของภาพยนตร์อีกครั้ง หลังจากภาคสุดท้ายเกือบ
40 ปีมาแล้ว ที่ คุณมิตร ชัยบัญชา นำแสดง
ส่วนอินทรีแดงในเวอร์ชั่นนี้เป็นหนังแอ็คชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ของเรา ที่ทุ่มทุนสร้างสูงที่สุดในปีนี้เพื่อให้สมศักดิ์ศรีอินทรีแดง โดยมีผู้ให้การสนับสนุนมากมายอาทิ เอ็ม150, ปูนอินทรี, สิงห์, ซูซูกิ, และ เชสเตอร์กริลล์
ทางไฟว์สตาร์ฯ ซื้อลิขสิทธิ์อินทรีแดงอย่างเป็นทางการมาจาก คุณเศก ดุสิต ส่วนบทภาพยนตร์มี คุณวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งคุณวิศิษฎ์ตั้งใจจะทำให้เป็นหนังแอ็คชั่นซูเปอร์ฮีโร่ของไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
บทภาพยนตร์ของอินทรีแดงในเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องราวของประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ยังคงแคแร็คเตอร์ของอินทรีแดงไว้ คือ บุรุษในชุดดำ ผู้อำพรางโฉมหน้าด้วยหน้ากากรูปนกอินทรีสีแดง ส่วนในเรื่องของอาวุธในการปราบปรามเหล่าร้าย ก็คงจะล้ำสมัยกว่าอินทรีแดงในอดีต ฉากแอ็คชั่นต่างๆ ก็คงไม่เหมือนกับอินทรีแดงที่เคยสร้างมา
อินทรีแดง ในอดีต เป็นที่รู้จักเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2500 ในแบบฉบับหนังสือนวนิยาย จากบทประพันธ์ ของ เศก ดุสิต ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างมากมาย แคแร็คเตอร์ของอินทรีแดงจะเป็นบุรุษชุดสีดำ มีหน้ากากเป็นรูปนกอินทรีสีแดงเพลิงปกปิดโฉมหน้าที่แท้จริง บุรุษผู้เกลียดคนชั่ว คนเลว เมื่อไม่มีใครจัดการกลุ่มคนต่ำช้าพวกนี้ได้ ก็คงเป็นหน้าที่ของเขาเท่านั้น อินทรีแดงมีวิธีจัดการในแบบฉบับของเขา ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ดุดัน ต่อสู้แบบหนักหน่วง เป็นผลทำให้ผู้ที่ได้อ่านนวนิยายเรื่องนี้ เกิดความสะใจในการปราบปรามเหล่าร้าย และทำให้ผู้ที่ได้อ่านหลงเข้าไปในจินตนาการของอินทรีแดงกันทุกคน อินทรีแดงได้ถูกประพันธ์ขึ้นมากว่า 100ตอน ออกวางเเผงเดือนละ 2เล่ม ก็ได้รับความนิยมเสมอมา ...
ในปีพ.ศ. 2502 จากบทประพันธ์ อินทรีแดงถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ซึ่งนำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา เมื่ออินทรีแดงสยายปีกลงบนจอภาพยนตร์เป็นครั้งแรก เพียงชั่วข้ามคืน ก็ส่งผลให้ชื่อของ มิตร ชัยบัญชา เป็นสัญญลักษณ์ของซุปเปอร์ฮีโร่ และพระเอกตลอดกาลของคนไทย
อินทรีแดงนอกจากจะสร้างชื่อเสียงให้กับพระเอก มิตร ชัยบัญชา แล้ว ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เขาต้องลาจากโลกนี้ไปในวันสุดท้ายของชีวิต ขณะที่ มิตร ชัยบัญชา กำลังเข้าฉากแสดงในภาพยนตร์เรื่องอินทรีแดง และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มิตร ชัยบัญชา ยืนยันที่จะแสดงเองโดยไม่ยอมใช้นักแสดงแทนในฉากเสี่ยงตายครั้งนั้น เขาพลาดตกลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทำให้วงการภาพยนตร์ไทยสูญเสียพระเอกคนนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ การตายของเขาทำให้คนไทยทุกคนจดจำทั้งอินทรีแดง และ มิตร ชัยบัญชา ตราบจนถึงทุกวันนี้
|