สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
“รัก/สาม/เศร้า”
  LINK : บทวิจารณ์ - งานที่ไม่ตามใจคนดู แต่เติบโตมากที่สุดของยุทธเลิศ     
   
  สัมภาษณ์เป้ สัมภาษณ์พีค สัมภาษณ์ก้อย เทรลเลอร์หนัง และ MV
 
   
   
   
 

โปสเตอร์ 1 - 2 เป็นแบบทางการ ส่งมาจากจีทีเอชโดยตรง


อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร               ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม, บุษบา ดาวเรือง, วิสูตร  พูลวรลักษณ์, จินา โอสถศิลป์
อำนวยการสร้าง                               วิสูตร  พูลวรลักษณ์, ยุทธเลิศ สิปปภาค, เช่นชนนี  สุนทรศารทูล
บทและกำกับภาพยนตร์                       ยุทธเลิศ  สิปปภาค
นำแสดงโดย                                       อารักษ์  อมรศุภสิริ, ภัทรศยา  เครือสุวรรณศิริ, รัชวิน วงศ์วิริยะ
ควบคุมการสร้าง                              เอมอร  ชนะภัย
กำกับภาพ                                          ประภพ  ดวงพิกุล
ลำดับภาพ                                          ธวัช  ศิริพงศ์
คัดเลือกนักแสดง                                 บริษัท มหาการพิคเจอร์ส จำกัด
ออกแบบงานสร้าง                               ศรายุทธ์  พุมเพรา
กำกับศิลป์                                        คชา เรืองทอง
ออกแบบเสียงและดนตรีประกอบ           สมอลล์รูม
บันทึกเสียง                                        ไชยเชษฐ์  เศรษฐี
ออกแบบเครื่องแต่งกาย                        สิตา  เยาวโสภา

 

เรื่องย่อ

 

เรื่องราวของ “ฟ้า” “น้ำ” และ “พายุ” บัณฑิตจบใหม่จากคณะมัณฑนศิลป์ เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสามต้องเลือกทางเดินของชีวิตไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องความรัก ซึ่ง “ฟ้า” เลือกที่จะแต่งงานกับคนที่เธอรักโดยยอมทิ้งงานในสายอาชีพที่เธอเพิ่งเรียนจบมา “น้ำ” เพื่อนสนิทของฟ้าเลือกที่จะตัดใจจากความรักที่เธอแอบมีให้กับพายุเพื่อจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ส่วน “พายุ” เพื่อนสนิทของฟ้าและน้ำเลือกที่จะตัดใจจากความรักที่เขาแอบมีให้กับฟ้าแล้วกลับไปอยู่กับแม่ดูแลกิจการโรงแรมที่เชียงราย

แต่ในวันหนึ่ง ฟ้าต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน แล้วทุกคนก็ได้รู้ว่าฟ้าป่วยด้วยโรคที่ไม่มีทางรักษาและคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน และในระหว่างที่ฟ้าต้องเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว คนรักของฟ้าที่เธอวางแผนจะแต่งงานด้วยก็เกิดไปมีสัมพันธ์อื่น ฟ้าหมดสิ้นกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ในทันที ฟ้าจึงเลือกที่จะเลิกรักษาตัวเองและปล่อยให้โรคร้ายทำลายเธอโดยที่เธอไม่ยอมต่อสู้ใดๆ ช่วงนั้นเองที่พายุตัดสินใจเลื่อนการกลับไปอยู่กับแม่ที่เชียงรายเพื่อเข้ามาอยู่ดูแลฟ้าในช่วงชีวิตสุดท้ายและในช่วงเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้น ฟ้าถึงรู้ว่ารักแท้ที่เธอต้องการนั้นอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดสี่ปีที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเพียงแต่เธอไม่เคยสังเกตเห็น ในช่วงเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดนั้นเองที่ฟ้ายอมเปลี่ยนความสัมพันธ์กับพายุจากเพื่อนมาเป็นคนรัก

แต่เมื่อฟ้าเปิดหัวใจให้พายุ ฟ้ากลับบังเอิญได้พบความลับว่า น้ำเพื่อนรักของเธอนั้นแอบรักพายุคนนี้มานานนับปี หัวใจที่ฟ้าเปิดให้กับพายุจึงปิดลงทันที ฟ้าบอกลาพายุโดยไม่ได้บอกกล่าวหรืออธิบายให้พายุได้เข้าใจแต่อย่างไร ฟ้าคิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่ที่เธอจะเอาหัวใจของพายุมาทั้งๆที่เธอมีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน ความรักที่มีค่าของพายุ มันน่าจะมีค่ากับน้ำมากกว่าคนที่กำลังจะตายอย่างเธอ

ฟ้าเลือกที่จะหายไปจากชีวิตพายุและน้ำโดยมิได้บอกเหตุผลใดๆ พายุต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์กับการจากลาของฟ้าโดยที่เขาไม่มีโอกาสได้รู้สาเหตุที่แท้จริง ความทุกข์ทรมานของพายุทำให้น้ำที่แอบรักพายุอยู่พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย การเห็นคนที่รักทรมานเป็นสิ่งที่น้ำทรมานกว่า น้ำจึงตัดสินใจออกตามหาฟ้าไปทั่วทุกแห่ง

น้ำได้เพียงแต่หวังภาวนาว่า ด้วยความเป็นเพื่อนรักระหว่างเธอกับฟ้า ขอให้มันมีค่าพอที่จะเปลี่ยนใจฟ้าให้หวนกลับมารักพายุได้อีกครั้ง         

ผู้กำกับกับรายละเอียดงานสร้าง

 

 

พายุ :    มึงเคยแอบชอบใครเปล่าว่ะ
น้ำ :      เคย...
พายุ :    ทำไมมึงไม่บอกเค้าไปเลยอ่ะ
น้ำ :      ถ้าเป็นมึง มึงจะกล้าบอกป่ะล่ะ

ฟ้า :      ถ้ากูรู้สักนิด ว่ามึงคิดแบบนี้ กูจะไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ
น้ำ :      กูยอมรับ..ว่ากูรักมัน แต่มันไม่ได้รักกู

และ อีกหลายประโยคจี๊ดสัมพันธ์เพื่อน  ที่จะถ่ายทอดผ่านความรักของเขาทั้งสามคน  น้ำ ฟ้า พายุ   เมื่อความรักที่เกินคำว่าเพื่อนก่อตัวขึ้นภายใต้ความสัมพันธ์ของเพื่อนรักสามคน จะทำอย่างไรเมื่อคำว่า คนรัก มีพื้นที่พอสำหรับคนแค่สองคน  จีทีเอช  ซึ้งใจเสนอ ภาพยนตร์รักสุดซึ้ง  รัก  สาม  เศร้า  ผลงานลำดับที่ 8 ของผู้กำกับมาดกวน  ยุทธเลิศ สิปปภาค  หลังจากใช้เวลาบ่มความซึ้งมานานกว่า 10 ปี วันนี้ รัก สาม เศร้า ถือเป็นหนังรักรสนุ่มที่พร้อมเสิร์ฟให้กับคอหนังรักได้ลิ้มลองรสชาดความซึ้งของ รักที่เลือกไม่ได้ ระหว่างคนรัก กับ เพื่อนรัก  ด้วยระยะเวลาและประสบการณ์ที่ผ่านมาของ ต้อม-ยุทธเลิศ คงจะบ่งชี้คุณสมบัติของพ่อครัวหนังรักหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ผลงานภาพยนตร์แนว แอคชั่น คอมเมดี้ หรือสยองขวัญ ที่ผ่านมาของเขาจะสร้างเงิน ชื่อเสียง หรือแม้แต่กระแสสังคมได้เสมอ แต่ภาพยนตร์รักเรื่องนี้ คือภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาฝันอยากทำมาตลอดตั้งแต่เริ่มอาชีพผู้กำกับ “รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังที่ผมอยากทำตั้งแต่ตัดสินใจเข้ามาทำหนัง แต่ไม่มีโอกาสได้ทำสักที จนเวลาผ่านไป 10 ปี คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ ผู้บริหารของ จีทีเอช ถามผมว่ามีบทหนังแนวไหนที่อยากทำอีกไหม ผมเริ่มค้นหาตัวเอง แล้วถึงรู้ว่าเราอยากทำหนังรักซึ้งๆ เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และเป็นหนังเกี่ยวกับคณะมัณฑนศิลป์ที่ผมเคยเรียน ซึ่งโจทย์สำคัญของผมคือ หนังแนวรักสามเส้า ส่วนใหญ่จะต้องจบลงด้วยความเศร้า แต่ รัก | สาม | เศร้า ของผม มันจะไม่เศร้าอย่างชื่อเรื่อง มันจะเป็นหนังซึ้งๆ แทน เป็นมุมมองความรักที่ผมอยากเห็น หนังรักทั่วไปอาจจะมีความโรแมนติก แต่คำว่าโรแมนติกใช้กับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะมันเป็นหนังของเพื่อน เวลาเพื่อนรักกันมันจะมีความลำบากใจมากกว่า ต้องคิดหนัก ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ  มันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน 3 คน ผมอยากทำหนังรักในอุดมคติที่จับต้องได้ รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมอยากทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปี เมื่อวันนี้โอกาสมาถึง ผมคิดว่าประสบการณ์การทำหนังที่ผ่านมา 7 เรื่อง น่าจะทำให้ รัก | สาม | เศร้า เป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาครับ”

นอกจากความตั้งใจและรอคอยของผู้กำกับแล้ว รัก สาม เศร้า ยังอัดแน่นไปด้วย นักแสดงคุณภาพ ที่ ยุทธเลิศ เฟ้นหาเองกับมือด้วยความละเอียดทุกขั้นตอน “ก่อนที่นักแสดงนำจะมีว่าชื่อ น้ำ ฟ้า พายุ เราตีธีมของหนังเรื่องนี้ให้เป็นความรักในรูปแบบธรรมชาติ เหมือนดิน ฟ้า อากาศ ที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมมันได้ เหมือนความรักที่มนุษย์ก็ไม่สามารถควบคุมมันได้เช่นกัน เมื่อต้องการความรักในรูปแบบธรรมชาติปุ๊บ ชื่อของ น้ำ ฟ้า พายุ ก็ตามมา

พอเราได้ชื่อของตัวละครแล้วแล้วคาแรกเตอร์ก็จะถูกกำหนดด้วยชื่อของตัวละคร อย่าง พายุ ก็จะเป็นผู้ชายที่มีคาแรกเตอร์เรื่อยๆยังไงก็ได้ เพื่อนไปไหนไปด้วย เป็นคนที่อารมณ์ ศิลปิน เล่นดนตรี เล่นกีตาร์ แต่ก็ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเป็นนักร้อง แล้วเขาจะเป็นคนที่เหมือนพายุจริง เวลาโกรธก็จะควบคุมอะไรไม่ค่อยอยู่ การทะเลาะวิวาทจึงเกิดขึ้นเสมอ เป็นคนที่เหมือนไม่ค่อยมีอะไร แต่ว่ามีเรื่องอะไรก็ต่อยตีตลอด ค่อนข้างจะมีความเป็นผู้ชายสูงมาก ส่วนน้ำกับฟ้าจะเป็นเพื่อนสนิทกัน คาแรกเตอร์ของน้ำจะเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บความรู้สึกของตัวเอง จนเพื่อนๆไม่รู้ว่าแอบชอบใคร รักใคร ส่วนฟ้าคาแรกเตอร์จะตรงข้ามกับน้ำคือปากไว คิดอะไรก็พูด แต่จะเป็นคนจริงใจ รักเพื่อน แต่ไม่ค่อยแสดงออก ไม่เหมือนน้ำที่จะคอยดูแลเทคแคร์เพื่อนๆตลอดเวลา ฟ้าจะใช้ชีวิตเรื่อยๆติดแฟน คิดถึงแต่แฟนเป็นหลัก พอโดนแฟนบอกเลิกถึงมีโอกาสได้มองรอบๆตัว จนทำให้รู้ว่าตัวเองมองข้ามอะไรไปหลายอย่าง



ทำไมถึงเลือก เป้ พีค ก้อย
เป้ รับบท พายุ พีค รับบท ฟ้า ก้อย รับบท น้ำ  ผมเลือกเป้ ตามคาแรกเตอร์ที่เขาเป็น คือดูเป็นเด็กเรียนมัณฑนศิลป์ เป็นนักเรียนดีไซด์ ขณะเดียวกันก็เป็นคนชอบเล่นดนตรี เล่นกีตาร์ ซึ่งลักษณะภายนอกของเป้ เขาจะมีคาแรกเตอร์ตรงกับที่ผมวาดภาพไว้ 100% ผมเลือกเป้มาก่อน แต่ตอนเลือกเป้มายังไม่รู้ว่าการแสดงเขาอยู่ในระดับไหน พอดีช่วงนั้นเป้มีหนังเรื่อง บอดี้..ศพ19 หลังจากได้ดูผลงานของเขาถือว่าเขามีศักยภาพในการแสดงอยู่ในระดับดี ก็เลยตัดสินใจเลือกเขามารับบทนี้ พอได้พายุแล้วเราต้องหานักแสดงอีก 2 คน ที่จะมารับบทน้ำกับฟ้า เราต้องหาผู้หญิงที่ต้องมาเป็นคนที่ชอบเป้และก็เป็นคนที่เป้ชอบ หาไปหามาจนมาจบที่ พีค ซึ่งเพิ่งจบการโปรโมทจากภาพยนตร์ สายลับจับบ้านเล็ก พอดี ผมเห็นงานแสดงของเขาแล้วถือว่าดี แล้วพีคเป็นคนที่มีคาแรกเตอร์เหมือนฟ้าที่เราวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการพูดคุย เขามีอารมณ์ความคิดคล้ายกับฟ้ามากที่สุด โดยไม่ต้องแสดงแต่เป็นธรรมชาติของเขาจริงๆ ผมเลยได้ ฟ้าและพายุ ในเวลาใกล้เคียงกัน เหลือตัวแสดงอีก 1 คน คือน้ำ ซึ่งเราก็ต้องหาคนที่ต้องเข้ากันได้ทั้งน้ำและพายุ ใช้เวลาเลือกอยู่นานมากจนมาเจอก้อย ตอนแรกที่เห็นภาพลักษณ์ของก้อยไม่ตรงกับคาแรกเตอร์ของน้ำที่เราวางไว้เลย เพราะบางครั้งก้อยเขาจะดูเหมือนฟ้ามากกว่า ผมเลยคุยกับก้อยว่าเป็นไปได้ไหมที่ก้อยจะรับบทน้ำในแบบที่ผมคิดไว้ คือต้องตัดผม และปรับคาแรคเตอร์บางอย่างซึ่งก้อยเข้าใจและก็สามารถที่จะตัดผมได้ คือก้อยจะต้องเล่นในบทที่ไม่เหมือนตัวเองเลย ในทางของนักแสดงถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เขาเลยตกลงรับบทนี้ พอลองตัดผมก้อยก็กลายเป็นน้ำอย่างที่ผมคิด เราก็เลยได้ตัวแสดงนำครบทั้ง 3 คน



การกำกับเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ปกติผมจะเป็นคนที่กำกับแบบละเอียด เคลื่อนที่ไปตรงนี้ นักแสดงไปตรงนั้น ผมค่อนข้างจะควบคุมกำกับการแสดงนักแสดงเยอะมากๆ แต่กับเรื่องนี้ไหนๆธีมของมันก็เป็นธรรมชาติ แล้วผมก็ต้องการความธรรมชาติของนักแสดงมากที่สุด ก็เลยบอกกับนักแสดงว่าไหนๆก็มาทำงานเป็นนักแสดงแล้วนี่ เราจะไม่ค่อยยุ่งนะ อยากให้นักแสดงทั้ง 3 คน ช่วยเหลือตัวเอง เพราะว่าเราไม่มีแอ็ตติ่งโค้ช ผมก็ไม่ใช่ผู้กำกับที่อยากจะกำกับการแสดงแบบนั้น มันเหมือนกับการโยนความรับผิดชอบให้นักแสดง คือปกตินักแสดงเข้ามาก็จะมานั่งรอผู้กำกับบรีฟงาน ครั้งนี้ผมไม่ทำแบบนั้น พอผู้กำกับมาถึงนักแสดงต้องพร้อม ผมรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของนักแสดง แล้วการที่นักแสดงต้องช่วยเหลือตัวเองก็แสดงว่านักแสดงต้องทำการบ้านมาก่อน มาถึงต้องพร้อมเข้าฉาก ไม่มีการบรีฟงาน ไม่มีผู้ช่วยมานั่งทวนบทให้ เทคนิคนี้อาจจะทำให้นักแสดงคิดว่าตายแล้วต้องมารับผิดชอบงานแบบนี้ แต่มันเหมือนบีบให้เขาจะต้องสนใจงานโดยอัตโนมัติ ก็เลยปล่อยให้เขาพูดออกมาอย่างธรรมชาติ ไม่มีการไกด์คือเราบอกแค่ว่าจังหวะการพูดและอารมณ์เป็นยังไง ตัวละครเป็นยังไง แล้วหลังจากนั้นนักแสดงเขาเล่นเอง แล้วเขาก็เล่นได้ อาจจะเป็นเพราะเราบอกเขาว่าไม่ต้องสนใจว่า น้ำ ฟ้า พายุ จะเป็นคนยังไง แต่ให้สนใจที่ว่าเวลาพูด รู้สึกอย่างที่พูดหรือเปล่า คือเราต้องการความเป็นธรรมชาติ เราต้องการอารมณ์ที่เป็นจริงเป็นจังเวลาพูด ไม่ใช่ไปท่องบทมาจากบ้านแล้วมานั่งพูดหลอกเราแบบนี้ผมจะรู้ แต่รู้สึกว่าพวกเขาทำการบ้านกันมาดี การแสดงเลยออกมาธรรมชาติค่อนข้างสูง


 

การทำงานแตกต่างจากภาพยนตร์เรืองก่อนอย่างไร
การทำงานและประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมค่อนข้างรู้จังหวะหนังและการควบคุมอาจจะเรียกว่าโดยประสบการณ์มันทำให้เราแม่นว่าเราจะทำอะไรก่อน-หลัง พอเราแม่นเราก็จะเริ่มรู้สึกที่จะปล่อย ปล่อยให้คนโน้น คนนี้ ทำงานตามสบายได้ ความแตกต่างมากๆอีกอย่างก็คือธีมของเรื่องมากกว่า ปกติหนังของผมจะพูดถึงความรักเสมอ แต่มันจะถูกห่อด้วยแนวหนังผีบ้าง ตลกบ้าง แอ็คชั่นบ้าง แต่สุดท้ายแล้วพูดถึงความรัก แต่หนังที่ผ่านมาผมจะพูดถึงความรักในด้านลบเสมอ ไม่รู้ว่าทำไม หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมมองความรักในด้านบวก ผมมองทุกอย่างเป็นบวกหมด ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักที่สะอาดที่สุด เท่าที่เคยทำมา ความรักไม่ได้ถูกแทนค่าด้วยเซ็กซ์หรือกิเลสตัณหา แต่ความรักของเรื่องนี้เป็นการแสดงถึงมิตรภาพที่น่าประทับใจ เป็นการแสดงความรู้สึกที่ดีต่อกัน

พูดถึงฉากเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้
เป็นฉากปาร์ตี้วันจบการศึกษาเราเปิดให้เห็นบรรยากาศของนักศึกษาคณะนี้ว่าเขามีชีวิตยังไง มีไลฟ์สไตล์แบบไหน ที่คณะนี้เขาจะมีประเพณีคือตอนเป็นรุ่นน้องทุกคนจะถูกจับกลุ่ม แล้วก็เต้นประกอบเพลง ซึ่งสมัยเรียนเคยเต้นท่าบ้าๆบอๆ พอมาทำหนังคณะตัวเองเลยอยากเอาบรรยากาศแบบนี้มาถ่ายทอด แล้วเวลาเต้นท่าเพี้ยนๆก็ไม่รู้จะเอาใครมาสอน จะจ้างนักเต้นก็ไม่ใช่ ก็เลยต้องไปสอนเอง ต้องเต้นแบบนี้แบบโน้น เป็นมุมบรรยากาศแบบเพื่อนๆน่ารักๆฉากนี้ทำให้นึกถึงสมัยเรียนนึกถึงบรรยากาศที่มันสนุกๆและมันเป็นฉากเปิดตัวว่า น้ำ ฟ้า พายุ เรียนอยู่ที่ไหน สนิทกันแค่ไหน 3 คนนี้คือนักศึ่กษาคณะมัณฑนศิลป์ เป็นหนังของคนที่เพิ่งจบปริญญาตรี ความรักของคนที่จบปริญญาตรีก็จะเป็นอีกระดับหนึ่ง คือมันจะปูคาแรกเตอร์มาว่าเพื่อนกลุ่มนี้มีกี่คน น้ำ ฟ้า พายุ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นยังไง พวกเขาเป็นห่วงกันขนาดไหน

ฉากที่ทั้ง 3 คน เจอกันที่โรงพยาบาล
เป็นธีมของ รัก สาม เศร้า เพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิด รัก สาม เศร้า ขึ้น ฉากนี้ควบคุมค่อนข้างเยอะ ไม่ได้ควบคุมนักแสดง แต่เราควบคุมตำแหน่งที่นักแสดงต้องยืนอยู่ น้ำจะยืนอยู่ตรงหน้าต่างให้แสงข้างนอกเข้ามามากกว่าหน้า พายุกับฟ้าจะนั่งประจันหน้ากัน ซึ่งมีน้ำอยู่ตรงกลาง คือเราจะใช้ธีมนี้เป็นหนัง รัก สาม เศร้า ในซีนนี้เต็มที่ ความหมายของคำว่า รัก สาม เศร้า จะถูกถ่ายทอดออกมาจากตรงนี้ ทุกมุม อารมณ์ การพูด จะถูกไล่ 1,2,3 ทุกอย่างจะถูกบล็อคชัดเจน แต่สิ่งที่เราจะทำให้รู้สึกธรรมชาติก็คือแอ็คติ้ง เพราะบล็อคกิ้งเราล็อคให้เป็นสามเหลี่ยม แต่อารมณ์นักแสดงความเป็นธรรมชาติทำให้บล็อคกิ้งกลายเป็นธรรมชาติ 

เล่าถึงฉากที่ พายุ ต้องจูบ ฟ้า
เป็นฉากที่เกิดขึ้นหลังจากที่เปิดเผยความในใจกันไปแล้ว เป็นฉากที่ฟ้าอยากจะรู้ว่าเพื่อนของเขา ชอบเขาจริงหรือเปล่า ความที่ไม่เชื่อคำพูดผู้ชายแล้ว เวลาถาม ฟ้ามันจะไม่เอาคำตอบแล้ว ฟ้าจะมีวิธีเช็คของมันเอง โดยการกระทำ โดยไม่ต้องการภาษาพูดแล้ว แต่ต้องการภาษากายโดยเขาเชื่อว่าคำพูดมันสามารถโกหกกันได้ แต่ภาษากายโกหกไม่ได้ วิธีเทสต์ของฟ้าก็คือถามพายุตรงๆว่า “มึงชอบกูจริงๆหรอ” พายุพยักหน้า แล้วฟ้าก็พูดว่า “ไหนมึงลองจูบกูดิ” คือบทถูกเขียนมาแบบนี้ การแสดงมันจะเดินไปด้วยความอึดอัด ซึ่งฟ้าเชื่อว่าไอ้คนที่ไม่ได้เตรียมตัวจะโกหกไม่ทัน มันจะเป็นความโรแมนติกแบบไม่ 100% มันไม่ได้เป็นการจูบแบบแฮปปี้ มันเป็นความโรแมนติกที่พูดความจริง ใครโกหกใครหลอกลวง มันเป็นความโรแมนติกที่ซีเรียส มันเป็นซีนที่ให้อารมณ์ของความนุ่มนวลไม่เลี่ยน คือผมคิดไง ว่าจะทำฉากจูบยังไงให้ไม่ อี๋!! ถ้าไม่อี๋ก็จะต้องไม่เลี่ยน ก็ต้องไม่โรแมนติก ฉากจูบแบบนี้ 2 คนนี้คงจะจำไปอีกนาน แล้วเราเชื่อว่าคนดูจะจดจำด้วย  ไดอะลอคแบบนี้ ในฉากมันมองตากันไม่ได้มองด้วยความหวานซึ้ง แต่มันมองตาด้วยความเข้าใจอะไรตรงกัน ความรักมันไม่ได้เกิดจากรสสัมผัสของการจูบ แต่ความรักของคู่นี้มันเกิดจากความที่เข้าใจกัน

กำกับเป้กับพีคฉากนี้อย่างไร
พอพูดถึงฉากจูบทุกคนเริ่มต้องเตรียมตัว ทุกคนตื่นเต้น คือตื่นเต้นนะดีแล้ว อยู่ๆมีคนบอกให้จูบกัน คือเกร็งกันหมด ผมบอกไม่เป็นไร เออ.. เอาตามธรรมชาติ เป็นมูทที่ดีมากๆ มันสื่อถึงความเป็นตัวตนของพายุว่ามันทะนุถนอมผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน มันสื่อให้เห็นจากอาการเกร็ง ความรักของพายุที่มีต่อผู้หญิงคนนี้มากขนาดที่ มันกลัวปากเขาจะช้ำด้วยซ้ำไป นี่แหละความรู้สึกที่ฟ้ามันรู้ว่ารัก มันจูบแบบเกร็งจูบแบบไม่เอาเปรียบ ไม่ได้ถือโอกาส มันเป็นการสัมผัสที่สื่อถึงความจริงใจมากกว่าแสดงความหวาน ซึ่งการจูบในฉากนี้ผมปล่อยให้เขาเกร็ง พอปล่อยให้เกร็งเป็นธรรมชาติปั๊บมันก็เข้าทางอย่างที่ผมต้องการ คือพอทุกคนอึดอัดสายตามันจะล่อกแล้ก เอ๊ะ จูบแบบนี้มันจะยังไง คืออาการแบบนี้มันเหมาะกับซีนนี้ คือถ้าต้องการแบบหวานๆ อาการแบบนี้ใช้ไม่ได้เลย ฉากนี้เป็นฉากโรแมนติกที่ไม่โรแมนติก แต่สื่อถึงความจริงใจ

ประวัติผู้กำกับ

1984 – 1987      วิทยาลัยช่างศิลป์ (College of Fine Arts)
1987 – 1991      มหาวิทยาลัยศิลปากร (Silpakorn University / Interior Design)
1993 – 1995      The Art Students League of New York  ( Fine Arts)

ประสบการณ์การทำงาน

ปี 1997           เขียนเรื่อง โอ เนกกะตีฟ ภายหลังแกรมมี่ฟิล์มนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 1998 และเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนั้น

ปี 2001             เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง มือปืน โลก/พระ/จัน เป็นเรื่องแรก หนังประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย กวาดรายได้กว่า 120 ล้านบาท กลายเป็นหนึ่งในสี่หนังทำเงินเกินร้อยล้านของประเทศไทย

ปี 2003           เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง กุมภาพันธ์ ภาพยนตร์แนวโรแมนติคดราม่าที่ปลุกกระแสแฟชั่นสาวผมสั้นทั่วบ้านทั่วเมืองและจัดเป็นภาพยนตร์ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดแห่งปี

ปี 2004              เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง บุปผาราตรี ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอีกครั้ง สามารถกวาดรายได้ไปถึง 50 ล้านบาท

                     เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง  สายล่อฟ้า ภาพยนตร์กั๊ก โรแมนติก แอคชั่น คอมเมดี้ แนวที่ 4 ที่หลายคนให้คะแนนความกวนไปถึง 50 ล้านบาท

ปี 2005              เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง บุปผาราตรี 2 ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ อย่างสวยงามด้วยรายได้กว่า  70 ล้านบาท           

ปี 2006              เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง กระสือวาเลนไทน์ ภาพยนตร์รักโรแมนติกสยองขวัญที่หวานที่สุด

ปี 2007           เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง โกยเถอะเกย์ ภาพยนตร์รักยิ่งใหญ่ ไม่อายผีสาง สร้างปรากฏการณ์ รักผิดผีของผีเห็นผีได้สนั่นเมือง

   
   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.