สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

โปสเตอร์ใหม่ เด็กหอ พร้อมคำในใจของผู้กำกับและทีมงาน

  สารบัญหน้านี้:  เครดิต   ผู้กำกับย้งเปิืดใจ
  LINK: แคแรกเตอร์ตัวละครและคำให้การ
   
 

 

ผู้อำนวยการ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม,  บุษบา ดาวเรือง,  วิสูตร พูลวรลักษณ์, จินา โอสถศิลป์

รองผู้อำนวยการ ยอดเพชร สุดสวาท

คุณครูใหญ่ ทรงยศ สุขมากอนันต์

ฝ่ายวิชาภาษาไทยเรียงความ ชลลดา เตียวสุวรรณ, วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, ทรงยศ สุขมากอนันต์

ฝ่ายวิชาการถ่ายภาพ นิรมล รอสส์

ฝ่ายดำเนินงานสร้างอาคาร ฉัตรมณี เสงี่ยมลักษณ์

ฝ่ายออกแบบและบูรณะอาคาร สุธรรม วิลาวัลย์เดช

ฝ่ายปกครองควบคุมการแต่งกาย วาสนา เบญจชาติ

 

ผู้กำกับทรงยศเปิดใจถึงที่มาของหนัง

ต้องขอขอบคุณ พี่ปอบผีฟ้า กับ น้ากระสือ ที่ทำเอาตอนเด็กผมกลัวแทบคลั่ง

แต่กลายเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้ผมชอบดูหนังผีนับตั้งแต่นั้น

จนนำมาสู่การอยากทำหนังแนวนี้ของผม”

ชื่อ ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์
สถานภาพ โสด
อาชีพ/ตำแหน่ง คุณครูใหญ่ / ผู้กำกับ
บุคลิก สุภาพ นิ่ง ขรึม พูดจาเป็นหลักเป็นการ
รูปร่าง/ลักษณะ ไม่สูง ไม่ผอม หัวกลม ผมเกรียน
ดาราคนโปรด แหม่ม จินตหรา สุขพัฒน์
ประสบการณ์การอยู่หอ 7 ปี เต็ม

ประวัต

จบการศึกษาที่นิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาภาพนิ่ง เมื่อปี 2540 จากนั้นมาทำหน้าที่เป็น Script Writer อยู่ 4 เดือน และมาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณาอยู่ 2 ปีกว่า มีผลงานกว่า 30 เรื่อง และระหว่างนั้นเอง ทางบริษัท ฟีโนมีน่า มีโครงการปั้นผู้กำกับโฆษณา โดยให้ลองทำหนังสั้น จึงได้ทำหนังสั้นเรื่อง “ ด. เด็ก ช. ช้าง ” และได้รางวัลจากสมาพันธ์ของประเทศไทย และฉายโชว์ที่เป็นประเทศอังกฤษ, เยอรมัน และ เบลเยี่ยม ต่อจากนั้นมาสุภาพบุรุษผู้กำกับ เก้ง - จิระ มะลิกุล ก็ได้ชักชวนมาทำหนังเรื่อง “แฟนฉัน”

จาก “แฟนฉัน” ภาพยนตร์เรื่องที่สองที่หวังมานานว่าอยากทำและได้มาทำก็คือเรื่อง “ เด็กหอ” เพราะตอนเด็กเคยอยู่หอ แล้วรู้สึกว่าเรื่องของนักเรียนประจำน่าสนใจ แต่การเล่าปกตินั้นคงเฉยๆไป เลยทำเป็นหนังผีดีกว่า... เนื่องจากหอพักมักมีเรื่องเล่าจากที่ต่างๆตลอดเวลานั่นเอง

แรงบันดาลใจ

เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ หลังจากที่ผมทำหนังเรื่อง “แฟนฉัน” เสร็จ ผมก็เตรียมโปรเจคหนังเรื่องต่อไปทันที นั่นคือเรื่องนี้ครับ “เด็กหอ” นับเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนแรกของผมคนเดียวโดยแท้ มันคงเป็นช่วงเวลาในตอนนั้นละมั้ง ที่ผมนึกอยากทำเรื่องนี้ เพราะประสบการณ์จากการอยู่โรงเรียนประจำ สำหรับผม มันยังฝังใจผมอยู่ ไม่หายไปไหน ผมเลยอยากนำเรื่องราวของเด็กโรงเรียนประจำ มาเล่าผ่านตัวละครเด็กชั้น ม.1 เพราะเด็กวัยนี้เป็นรอยต่อระหว่างวัยเด็กและผู้ใหญ่ เป็นช่วงอายุที่ประสบการณ์ชีวิตจะทำให้เด็กโตขึ้น ดังนั้นการเอาเด็กให้ไปโตในโรงเรียนประจำ ผมว่ามันน่าสนใจครับ แล้วก็เอามาผสมกันกับ เรื่องลึกลับ เรื่องผีๆ แนวหนังที่ผมชอบ เพราะรู้สึกว่าหนังแนวนี้มันทำให้เราเกิดอารมณ์ร่วมที่รุนแรงได้ มันทำให้เรากลัว ทำให้เราตกใจ ทำให้เรานอนไม่หลับ ทำให้เราเกิดปฏิกริยาต่างๆขึ้นในร่างกาย ผมรู้ว่าคุณคงเข้าใจด

จริงๆแล้วสำหรับเรื่องนี้ ผมเอาพื้นฐานที่รู้ในชีวิตนักเรียนประจำมาปูเป็นแบ็คกราวน์ไว้ เพื่อให้คนดูดูแล้วเชื่อ เพราะผมรู้สึกว่าคนดูจะเชื่อในสิ่งที่ผมกำลังถ่ายทอดอยู่ ถ้าผมรู้จักและเข้าใจชีวิตของนักเรียนประจำจริง ซึ่งข้อนี้ผมกล้ายืนยัน เพราะตัวผมเองถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำรวมเวลา แล้วถึง 7 ปีได้ ตั้งแต่ชั้นป.1 – ป.4 ที่โรงเรียนปานพันธ์ และอีกครั้งที่อัสสัมชัญ ศรีราชา ชั้น ม. 1 – ม. 3 จะว่าไปผมก็ไม่ได้ถูกบังคับให้ไปอยู่หรอกนะครับ แค่ผมไม่ได้อยากจะไปก็เท่านั้น เหตุผลที่ถูกส่งไปนะเหรอ เป็นเพราะผมเองละครับ เพราะผมชอบแกล้งน้องๆ คือนอกจากพ่อแม่ต้องค้าขาย เลี้ยงลูกที่มีอายุห่างกันคนละปี ถึง 4 คนแล้ว ผมซึ่งเป็นพี่คนโตยังสร้างภาระโดยการแกล้งน้องไปวันๆอีก และนี่คือทางออกที่น่าจะดีที่สุด การส่งผมไปอยู่โรงเรียนประจำ ไปเป็นเด็กหอ ตอนที่ผมถูกส่งไปแรกๆก็เกลียด ไม่อยากไป ไม่ชอบ แต่พอตอนจะกลับ ผมกลับไม่อยากกลับเลย ทำให้มีคำถามขึ้นมาในใจว่าทำไมชีวิตเด็กหอ 3 ปีที่นั่น มันทำให้เปลี่ยนความคิดจากไม่อยากอยู่โรงเรียนนี้ เป็นไม่อยากไปจากโรงเรียนแห่งนี้ และจุดนี้เอง ที่ผมนำมาเป็นประเด็นของหนังเรื่องนี้ครับ

ส่วนเรื่องความน่ากลัว หรือเรื่องผีในเรื่องนี้ ก็จะเป็นเรื่องที่ผมเจอและได้ยินมาเมื่อตอนเป็นนักเรียนโรงเรียนประจำ เป็นเรื่องเล่า เรื่องลึกลับ เรื่องผีในโรงเรียน แล้วก็เอามาปรับให้เข้ากับหนังเรื่องนี้ จะว่าไปนึกๆดูแล้ว ผมก็ไม่มีเซ้นส์เรื่องผีๆ และก็ยังไม่เคยเจอผีอยู่ดี นี่ไม่ได้ท้าทายนะครับ แต่ถ้าจะมาจริงๆ ผมคงไม่ว่างเจอครับ เพราะช่วงนี้ผมยุ่งมากกก... แต่อย่างไรก็ตามความลึกลับ ความน่ากลัว ของหนังเรื่องนี้ผมจัดให้คุณแน่นอน และจะทำให้คุณรู้สึกขึ้นจากภายในตัวคุณเอง เพราะเป็นสิ่งที่คุณต้องคิด ต้องจินตนาการตามไปด้วย คือเป็นหนังผีที่เน้นบรรยากาศครับ อย่างถ้าเราตื่นขึ้นมากลางดึก ได้ยินเสียงหมาหอน แถมไฟในห้องน้ำเปิดอยู่ คือมันเป็นบรรยากาศ ที่เราไม่รู้ว่าที่ห้องน้ำมันมีอะไร คือถ้าคุณอินกับบรรยากาศแล้วคุณคิดตามไปด้วย ผมเชื่อว่าคุณจะขนลุกแน่นอน แต่ที่แน่ๆมันจะไม่มีอารมณ์ที่กลัวแบบเห็นผีมาเกาะอยู่หน้ากระจก หรือมีผีมาหลอก มาหลอน มาเลื้อยตรงหน้าคุณ หรือจะไม่มีเสียงดนตรีที่อยู่ๆก็ดังขึ้นมาเฉยๆให้เราตกใจ แต่ถ้ามันจะมีเสียงอะไรขึ้นมาให้ตกใจกัน มันก็จะต้องมีเหตุผลของมันครับ เรียกว่า “ เด็กหอ” เป็นหนังผีในแนวของผม แนวของย้ง ทรงยศ ครับ

 

 

มาต่อกันที่เรื่องของโลเคชั่นกันบ้างครับ มี 2 ที่หลักๆ คือผมเลือกที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา กับโรงเรียนดรุณา ราชบุรี ผมเอาสองโรงเรียนนี้มาผสมกันเป็นโรงเรียนเดียว เพราะแต่ละที่ที่เลือกเป็นสถานที่ที่ลงตัวและเหมาะสมที่สุด หน้าตึกหอพัก ทางเดินขึ้นบันไดเข้าหอ ทางเข้าโรงเรียน ห้องกินข้าว ผมใช้ที่ดรุณา ราชบุรี ส่วนห้องทำการบ้าน ห้องนอน ห้องอาบน้ำ เป็นของอัสสัมชัญฯ ซึ่งอาจทำให้มีปัญหาเรื่องของอารมณ์ที่ไม่ต่อเนื่องกัน ด้วยข้อกำหนดของสถานที่และเวลา ซึ่งผมก็ต้องควบคุมตรงนี้ให้ดี แต่ผลที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจครับ เพราะนักแสดงมีความพยายามและตั้งใจกันดีมากทุกคน ทำให้ปัญหาตรงนี้หมดลงไปได้ และการที่เราใช้เค้าโครงมาจากเรื่องจริงที่โรงเรียนอัสสัมชัญฯ พอมีสถานที่จริง มีตัวคนจริงๆอยู่ ทุกครั้งที่ถ่ายทำเลยต้องมีการไปไหว้ ไปแจ้ง ไปบอกในที่ตรงนั้นไว้ด้วยเพื่อความสบายใจของทุกคน ซึ่งทั้งหมดนี้เราต้องยอมแลกเพราะอยากให้คนดูได้เชื่อ ได้เห็นถึงความสมจริงในสถานที่ต่างๆ และอีกอย่างที่เราพิถีพิถันกันมากในเรื่องนี้ คือทั้ง ภาพและแสง หนังเรื่องนี้เราเลือกที่จะถ่ายกันในแสงช่วงชิงเช้าและชิงพลบมาก เรียกว่าเป็นช่วง Magic Moment ซึ่งเป็นช่วงที่มีเวลาน้อยมากในแต่ละวัน ทำให้ต้องทำงานแข่งกับเวลามาก แต่เพื่อให้ได้ภาพออกมาสวยและได้อารมณ์ของหนังอย่างที่ต้องการจริงๆ เราจึงเลือกที่ทำงานกันหนักขึ้น เพื่อคนดูของเราครับ

อีกเรื่องที่ถือว่าเป็นปัญหาชีวิตของผมเลย คือในเรื่องนี้ต้องมีนักแสดงเด็กจำนวน มาก หนังเรื่องนี้จึงต้องแคสติ้งเด็กเยอะมากๆ เรียกว่าเยอะกว่าแฟนฉันประมาณ 3-4 เท่า แต่ก็ยังคงใช้วิธีเดียวกับแฟนฉัน คือไปหาเด็กตามโรงเรียน คราวนี้เราไปหาเด็กที่มีคาแร็คเตอร์ตรงกับบท เพราะผมไม่อยากได้เด็กที่มาแสดง ดังนั้นเลยต้องหาเด็กแต่ละคนที่มีลักษณะตรงกับบท หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นคาแร็คเตอร์ที่นำพาไปสู่การเล่าเรื่องในแบบที่บทต้องการได้ โดยที่ไม่จำกัดคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจนลงไปมากนัก เพราะผมเชื่อว่าบางทีเราก็จะได้คาแร็คเตอร์จากตัวของเด็กเองก็ได้ และพอได้เด็กมาแล้วก็มาทำการเวิร์คช็อพกันเป็นเวลา 1 เดือน ให้ได้รู้ขั้นตอน กระบวนการถ่ายหนัง แต่หลังจากเวิร์คช็อพแล้ว ผมกลับพบกับปัญหาใหญ่ นั่นคือพอเด็กมันรู้มากแล้ว ความเป็นธรรมชาติจะลดน้อยลง บวกกับความดื้อ ความซน ความสุดขีดที่เด็กแต่ละคนมี ทำให้ผมต้องปวดเศียร เวียนเกล้า จำเป็นต้องกลายร่าง สวมบทโหดเพื่อให้เด็กเกรง และกลัวผมบ้าง ซึ่งมันทำให้ผมเหนื่อยมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากต้องมีสมาธิ ต้องคิดและควบคุมหนังให้เป็นไปตามที่ต้องการแล้ว ยังต้องมาผจญ รับมือ และจัดการกับเด็กพวกนี้อีก

พูดง่ายๆว่าผมเข็ดแล้ว เข็ดที่คงจะไม่ทำหนังเกี่ยวกับเด็กผู้ชายอีกเร็วๆนี้แน่ แต่ก็ไม่เข็ดจนถึงขั้นหลาบจำหรือเลิกราไปเลยหรอกนะครับ เพียงแค่เอาไว้ให้โตๆกันซะก่อนแล้วค่อยมาเจอกันใหม่ละกัน ขอเวลาผมพักไปทำอย่างอื่นก่อนละกันนะครับ แต่อย่างไรซะ เด็กพวกนี้ก็ตั้งใจทำอย่างดีที่สุดแล้ว และก็ได้ใจผมไปแล้วด้วยเหมือนกันครับ และก่อนที่ผมจะเริ่มแนะนำนักแสดงมากฝีมือ ทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นเล็กของผมให้คุณได้เห็นโฉมหน้าและรู้จักกันจริงๆ แบบจะๆตา ผมขอคั่นเวลาด้วยเรื่องบางเรื่องที่ผมอยากเล่าให้คุณฟัง ...เชิญทางนี้สิครับ

สระร้าง วิญญาณเฮี้ยน !!!

เรื่องมันมีอยู่ว่า เด็กหอใหม่ สด ซิง อย่าง “ ชาตรี” มักแอบไปนั่งเล่นที่สระน้ำเก่าหลังโรงเรียนเสมอๆ อาจด้วยทั้งความเหงา ความซน หรือความรู้สึกอะไรบางอย่าง จึงตัดสินใจใช้ สระว่ายน้ำเก่าหลังโรงเรียน เป็นเครื่องระบายความเหงา และความเศร้าอยู่เป็นประจำ ฉากนี้จึงเป็นฉากสำคัญของเรื่องฉากหนึ่ง ทีมงานจึงต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อค้นหาสถานที่ถ่ายทำของฉากสำคัญนี้ นั่นคือ... สระว่ายน้ำร้าง...ที่ไหนซักแห่ง

ณ สระว่ายน้ำร้าง ริมถนนมิตรภาพ จังหวัดนครราชสีมา เป็นที่ที่ทางทีมงานเลือก และตกลงจะใช้สถานที่แห่งนี้ถ่ายทำในฉากสำคัญของเรื่อง หลังทีมงานได้ตระเวนหาสระน้ำที่ต้องการมาทั่วทั้งในกรุงเทพ และรอบนอก แต่ไม่พบที่ถูกใจ จนมาพบสระว่ายน้ำร้างแห่งนี้ อันที่จริงมันคือสระว่ายน้ำของโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ที่ถูกสร้างแยกออกมาจากตัวโรงเรียน โดยไปสร้างอยู่ริมถนนมิตรภาพ สภาพของสระที่เห็นครั้งแรกรู้สึกแปลกๆ ดูวังเวง น่ากลัว และก็ชวนให้ขนหัวลุกยังไงบอกไม่ถูก แต่พอก้าวเท้าเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ สิ่งที่สะดุดตาและทำพวกเราผวาก็คือ ที่มุมของสระว่ายน้ำแห่งนี้มีศาลเจ้าที่ดูขลังและเก่าแก่ ที่แทบจะถูกต้นไม้อันรกชัฏริมสระว่ายน้ำบังเกือบมิดตั้งอยู่ รวมทั้งยังคงมีเศษของไหว้เจ้าให้เห็นหลงเหลืออยู่วางระเกะระกะอยู่ทั้งในศาลและนอกศาลด้วย ทำเอาพวกเราไม่กล้าที่จะขยับขาก้าวไปไหนชั่วครู่ ได้แต่ใช้สายตามองกวาดไปรอบๆสระน้ำ ซึ่งภาพโดยรวม เป็นลักษณะของสระว่ายน้ำสมัยก่อน โดยสร้างให้เป็นสระที่มีความลึกมาก ซึ่งตรงความลึกนี้เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้เราเลือกที่นี่ เพราะสามารถเอากล้องลงไปถ่ายในช่วงความลึกนั้นได้ และเพราะฝนตก จึงยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ในสระ รวมทั้งเศษใบไม้ กิ่งไม้กระจายเกาะอยู่เต็มสระไปหมด ยิ่งทำให้เรารู้สึกแน่ใจเข้าไปอีกว่าสระน้ำแห่งนี้ถูกปล่อยร้างมานานมากแล้วจริงๆ และถ้ามองภาพมุมกว้าง บริเวณรอบสระน้ำแห่งนี้ เราจะเห็นเพียงแค่ท้องฟ้ากับต้นไม้สองอย่างเท่านั้น ไม่เห็นอย่างอื่นเลย และจากจุดนี่เองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทางทีมงานเลือกสถานที่แห่งนี้

 

 

และเพราะว่าสระว่ายน้ำร้างแห่งนี้ มันใช่ทุกอย่างที่เราต้องการจริงๆ เราจึงตกลงปลงใจเลือกที่นี่ และพอถึงวันถ่ายทำสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงและต้องทำเป็นประจำทุกครั้ง คือต้องเคารพเจ้าที่ ทุกครั้งที่มีการถ่ายทำที่นี่ ต้องมีการจุดธูปไหว้ศาลเจ้า 3 ดอก และต้องจุดธูปอีก 1 ดอก เพื่อไหว้ดวงวิญญาณที่สถิตย์อยู่แถวนั้น และต้องนำทีมงานรวมทั้งนักแสดงมาไหว้กันทุกคนด้วย แต่ในที่สุดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อมีอยู่วันนึง เป็นวันที่พวกเรายุ่งกันมากๆ ต้องรีบถ่ายทำ แต่ละฝ่ายต้องรีบจัด รีบเซ็ตอุปกรณ์ต่างๆให้เรียบร้อย ซึ่งทำให้ทุกคนลืมการไหว้เจ้าที่ไปซะสนิท ผลที่ตามมาก็คือภาพที่ถ่ายออกมามันเบลอไปหมด ทุกคนก็งง ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เช็คทุกอย่างแล้วก็หาสาเหตุไม่ได้ จนในที่สุดไม่รู้อะไรทำให้นึกขึ้นได้ จึงรีบพากันไปไหว้เจ้าที่ที่ศาลแห่งนั้น พอกลับมาอีกที กลับถ่ายได้ด้วยดีไม่มีปัญหา ไม่มีภาพเบลอเกิดขึ้นอีกเลย ซึ่งทำเอาทุกคนในนั้นต่างมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรกันเลยแม้แต่คนเดียว

เหตุการณ์นี้ทำให้เราคิดถึงคำทักของเจ้าหน้าที่คนนึง ที่รู้เรื่องราวที่นี่เป็นอย่างดี เพราะคอยดูแลสระว่ายน้ำแห่งนี้ตั้งแต่เริ่มสร้าง จนกลายเป็นสระน้ำร้างถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่คนนี้ได้พูดทักพวกเราหลังจากที่พวกเราตกลงเลือกสถานที่แห่งนี้ว่า “จะเอาที่นี่จริงๆเหรอ ที่ตรงนี้มันแรงนะ” เพราะสาเหตุที่ต้องเป็นสระว่ายน้ำร้างจนถึงทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนที่นั่นบอกกับเราว่า เคยมีคนจมน้ำตาย ทางโรงเรียนจึงต้องปิดสระไป และก่อนหน้าที่ทางทีมงานจะเดินทางมาที่นี่ ประมาณ 3-4 เดือน ได้มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมขึ้น คือมีเด็กกลุ่มหนึ่งอายุ 8-9 ขวบ มาเล่นซนและปีนขึ้นไปที่สระน้ำกัน จนพลัดจมน้ำตาย แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีใครสามารถงมศพขึ้นมาได้ เพราะหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ทั้งๆที่ก็อยู่แค่ในสระน้ำนี้เท่านั้น จนต้องรอถึงวันรุ่งขึ้น รอให้ศพลอยอืดขึ้นมาเอง !!! และนี่ล่ะครับคือประวัติหลอนปนสยองของสระว่ายน้ำร้างแห่งนี้... ที่ที่เรา ทีมงาน “เด็กหอ” เลือกถ่ายทำกัน ...

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.