|
|
โปสเตอร์ไทยและอินเตอร์ ปี 2008 |
แนวภาพยนตร์ แอ็คชั่น-คอเมดี้-ดราม่า ดูได้ทุกเพศทุกวัย
กำหนดฉาย 29 พ.ค. 2551
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
ดำเนินงานสร้าง บาแรมยู
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมการสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์
ดำเนินงานสร้าง ศิตา วอสเบียน
ผู้กำกับภาพยนตร์ นนทกร ทวีสุข
เรื่อง พันนา ฤทธิไกร
บทภาพยนตร์ ปิยรส ทองดี, เดโช เบอร์นาร์ด, สมภพ เวชชพิพัฒน์, นนทกร ทวีสุข
ควบคุมฉากต่อสู้ พันนา ฤทธิไกร
ออกแบบและกำกับการต่อสู้ สมใจ จันทร์มูลตรี
กำกับภาพ เดชา ศรีมันตะ
ลำดับภาพ นนทกร ทวีสุข
ออกแบบงานสร้าง รัชต พันธุ์พยัคฆ์
กำกับศิลป์ นพพร เกิดศิลป์
ออกแบบเครื่องแต่งกาย พราวเพลิน ตั้งมิตรเจริญ
ดนตรีประกอบ สุชาติ ผาธรรม, MIKE WILFRID
ออกแบบเสียง สุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์
ฟิล์มแลบส์ บริษัท สยามพัฒนาฟิล์ม จำกัด
บันทึกเสียง ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา
แต่งหน้า ยุทธนา สนธิ
ทำผม สมโชค ปรางค์ชัยภูมิ
ทีมนักแสดง นาธาน โจนส์, น้องเกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ, น้องแคท ศษิสา จินดามณี, สุภัทรา วรรณทิวานนท์, ยุทธ ทองเจริญ
เรื่องย่อ
บาร์นนี่ (นาธาน โจนส์) ฝรั่งร่างใหญ่ใจดีที่โชคชะตานำพาให้เขาได้เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยด้วยความบังเอิญ แต่ความโชคดีดูเหมือนจะอยู่กับเขาได้ไม่นาน ทันทีที่เขามาเที่ยวต่อที่พัทยา - แหล่งสีสันแห่งราตรี แค่เพียงคืนแรก ความโชคร้ายก็มาเยือน เมื่อเขาถูกหลอกจนหมดเนื้อหมดตัว แม้กระทั่งพาสปอร์ตก็ยังถูกขโมยไปด้วย
หนทางเดียวที่พอจะทำได้จากคำแนะนำของ หมวดพงษ์ (เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง) ตำรวจท้องที่ บาร์นนี่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
ที่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งมิตรภาพของบาร์นนี่กับ 2 สาวน้อยเล็กพริกขี้หนูด้วยความบังเอิญ...อีกครั้ง
เมื่อ กะเต็น (น้องเกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) สาวน้อยสุดซ่าส์กำลังหนีการไล่ล่าของแก๊งหัวโจกพัทยา เพราะดันไปแกล้งขโมยเงินของพวกมันเข้า กะเต็นขอความช่วยเหลือจากฝรั่งร่างใหญ่อย่างบาร์นนี่ โดยหารู้ไม่ว่า ถึงบาร์นนี่จะมีร่างกายเป็นยักษ์ปักหลั่นอย่างนี้ แต่ใจเล็กเป็นบ้าเลย แถมยังสู้ใครไม่เป็นอีกต่างหาก เฮ้อ...ไม่ได้เรื่องเลยไอ้ยักษ์เอ๊ย กะเต็นออกอาการเซ็งอย่างแรง
แต่ก่อนความซวยจะมาถึงตัวเธอ ดอกหญ้า (น้องแคท ศษิสา จินดามณี) พี่สาวของกะเต็น ที่เจ๋งสุด ๆ ในวิชาแม่ไม้มวยไทย ก็ออกโรงมาเตะต่อยออกอาวุธมวยไทยช่วยทั้งคู่ได้อย่างทันการณ์
กะเต็นและดอกหญ้า ไม่รู้จะทำยังไงต่อ แต่ด้วยความเป็นเจ้าบ้านที่ดี เลยต้องสานสัมพันธ์กับบาร์นนี่ที่อุตส่าห์ยอมเจ็บตัวในครั้งนี้ โดยพาไอ้ยักษ์ไปที่บ้านของพวกเธอที่แม่อี๊ด (สุภัทรา ทิวานนท์) เปิดเป็น ร้านส้มตำ อาหารสุดฮิตของชาวไทย
ด้วยความที่อยากลองและถูกกะเต็นบังคับ บาร์นนี่จึงต้องชิมส้มตำคำแรกในชีวิต และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จากความเผ็ดร้อนปากแทบไหม้ ทำให้บาร์นนี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ วิ่งชนร้านจนพังราบเป็นหน้ากลอง บาร์นนี่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขารับปากว่าจะหาเงินมาช่วยซ่อมร้านส้มตำ โดยมีกะเต็นและดอกหญ้าคอยหนุนหลัง
แต่ดูเหมือนความช่วยเหลือของสาวแสบซ่าส์ตัวต้นเหตุอย่างกะเต็นจะนำความวุ่นวายมาเพิ่มมากขึ้น เมื่อกะเต็นดันไปล้วงคองูเห่า แอบฉก ของสำคัญบางอย่าง ของแก๊งโจรกรรมเพชรที่มีเชิงชาย (ยุทธ ทองเจริญ) เป็นหัวหน้า โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เข้า เป็นเหตุให้ทั้งกะเต็น, ดอกหญ้า และบาร์นนี่ถูกตามล่าอย่างหนักจากแก๊งโจร จนเมื่อสุดทางหนี การต่อสู้สุดมันส์จึงบังเกิดขึ้น
เบื้องหลังการถ่ายทำและที่มา
|
มันก็เริ่มต้นมาจากพี่พันนานะครับ พี่เค้าเห็น นาธาน โจนส์ ในเรื่อง TROY ก็เลยไปคุยกับพี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) แล้วก็เอานาธานมาเล่น ต้มยำกุ้ง กับ จา พนม อย่างที่ทราบกัน แล้วทีนี้พี่พันนากับผมก็เลยนึกสนุกสานต่อความมัน คิดถึงภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้านาธานที่ตัวใหญ่ ๆ สูง 2 เมตรมาเจอกับเด็กตัวเล็ก ๆ ซัก 2 คนอะไรอย่างนี้ มีเรื่องราว มิตรภาพความผูกพัน และแอ็คชั่นสนุก ๆ ผมก็เลยคุยกับพี่พันนาอย่างจริงจัง ก็ใช้เวลานานพอสมควรเลยนะครับประมาณ 2 ปีกว่า ๆ ถึงจะออกมาเป็นหนังแอ็คชั่นครบรสเรื่อง ส้มตำ เรื่องนี้ครับ ผมกับพี่พันาและทีมงานก็ช่วยกันคิดเรื่อง แตกไอเดียกัน แล้วก็ร่วมเขียนบทกันด้วยครับ
ผู้กำกับมากความสามารถ กุ้ง-นนทกร ทวีสุข ผู้เคยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยระดับอินเตอร์อย่าง องค์บาก, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม และ เกิดมาลุย เผยสูตรเด็ดอันเป็นจุดกำเนิดแห่งพลังเผ็ดร้อนของ ส้มตำ ผลงานเปิดซิงตำครกแรกของเขา
เรื่องราวของหนังเรื่องนี้ก็คือ มีครอบครัวไทยอยู่ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งหาเช้ากินค่ำอะไรอย่างนี้ ก็เปิดร้านขายส้มตำอยู่ที่พัทยา เด็ก 2 คนที่ผูกพันกันเหมือนพี่เหมือนน้องก็อยากหาตังค์ช่วยแม่ กลางวันขายส้มตำกลางคืนก็ไปต่อยมวยโชว์ที่ |
พัทยาแล้วก็ได้มาเจอนาธานซึ่งมาเที่ยวที่พัทยาแล้วก็โดนมอมยาหมดตัว
เหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้มารู้จักกันและเริ่มช่วยเหลือกัน พอฝรั่งคนนี้เข้ามาอยู่กับครอบครัวนี้ก็เห็นความเป็นไทยที่มีน้ำใจ เห็นความอบอุ่น ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แล้วทีนี้ก็ดันต้องไปพัวพันกับเรื่องร้าย ๆ โดยไม่ตั้งใจ ก็เลยต้องร่วมกันต่อสู้จนเอาชนะได้ประมาณนี้ครับ
ความน่ารักและความสนุกมันอยู่ที่คาแร็คเตอร์ของตัวละครในเรื่องนี้ครับ อย่างตัวยักษ์นาธาน โจนส์ในเรื่องจะเป็นคนที่ไม่ค่อยสู้คน ทีนี้ด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ดันไปกินส้มตำเข้า ก็เกิดอาการเผ็ดร้อนไปกระตุ้นสารอะไรบางอย่างในตัว ทำให้เขาแพ้ แล้วก็เกิดมีพลังมหาศาลขึ้นมาครับ มันก็เลยกลายเป็นส้มตำที่เป็นตัวกระตุ้นสัญชาตญาณของนาธานให้ออกมาใช้ในส่วนแอ็คชั่นได้ คล้าย ๆ ป๊อบอายที่กินผักโขมแล้วก็มีพลังประมาณนั้นครับ อันนี้เป็นเรื่องราวโดยคร่าว ๆ ครับ ถ้าพูดในส่วนภาพรวมของหนังแล้ว มันก็เป็นหนังในโทนแอ็คชั่นที่มีส่วนของคอเมดี้สนุกสนานและดราม่าประทับใจปะปนอยู่ด้วย ซึ่งสามารถดูสนุก ๆ ได้ทั้งครอบครัว โดยเราพยายามจะไม่ใช้อะไรที่มันโหดร้ายหรือไม่ดีกับเด็กอะไรอย่างนี้ครับ ก็ดูกันได้ทุกเพศทุกวัยแน่นอนครับ
เมื่อต้นกำเนิดความคิดหลักของเมนูรสเด็ดได้ถูกจุดประกายขึ้นแล้ว เครื่องปรุงส่วนผสมที่ตามมาอย่าง ทีมนักแสดง ก็ได้รับการสานต่ออย่างทันท่วงที
ก็อย่างที่บอกไปนะครับว่าไอเดียหลัก ๆ เราอยากเห็นผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์แต่ไม่สู้คน ซึ่งเราก็วางตัว นาธาน โจนส์ ไว้แต่แรกอยู่แล้ว หลังจากนั้นเราก็ต้องคัดเลือกนักแสดงเด็กอีก 2 คนเพื่อมาเป็นคู่ชูรสและสีสันของเรื่องอีกระดับหนึ่ง เราก็ต้องเลือกนักแสดงที่สามารถแสดงได้ทั้งบู๊และบุ๋น ซึ่งน้องเกรซ (นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ) ในเรื่องการแสดงก็โอเคหายห่วงได้ และเหมาะกับคาแร็คเตอร์ในเรื่องที่เป็นพวกเจ้าเล่ห์ ชอบคิดวางแผนต่าง ๆ เป็นอย่างดี ถือเป็นการพลิกบทบาทของน้องเค้าด้วย ส่วนน้องแคท (ศษิสา จินดามณี) นั้นความสามารถในด้านมวยไทยของเค้าก็เป็นที่ยอมรับกัน บวกกับการแสดงอารมณ์ด้านดราม่าก็ทำได้ดีทั้งคู่ พอมาผนึกกำลังกับตัวนาธาน ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจและน่าสนุกดีที่จะจับทั้ง 3 คนนี้มาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน
การทำงานกับนักแสดงในเรื่องนี้ ผมโอเคและก็มีความสุขมากนะครับ เพราะว่าทุกคนตั้งใจทำงานกันมาก โดยเฉพาะนาธาน เวลาทำอะไรทำเต็มร้อยจริง ๆ ที่เป็นห่วงสำหรับนาธานที่สุดก็คือเวลาเล่นแอ็คชั่น กลัวเค้าจะบาดเจ็บ เพราะว่าเค้าเป็นคนที่เล่นอะไรแล้วเล่นเต็มร้อยมาก บางทีบอกให้เซฟ บอกให้ใส่เซฟ เค้าจะไม่ยอม เค้าบอกว่าเค้าไม่เป็นไรเค้าเซฟตัวเองได้ แต่ก็พยายามจะให้เค้าใส่เซฟ เพราะว่าเป็นห่วงเรื่องเค้าจะบาดเจ็บเพราะว่าแอ็คชั่นที่ดีไซน์ไว้มันค่อนข้างจะดุดันพอสมควร
ส่วนน้องเกรซ กับ แคท ก็ไม่ยุ่งเลยนะครับ ผมว่าเค้าโตเกินผู้ใหญ่ครับ มีวินัยในการแสดงมาก ไม่มีอะไรน่าห่วง มีเพียงแต่ว่า ต้องดึงความสามารถของเค้าออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ค่อนข้างเก่งครับ ทั้ง 2 คนเลย คือมันจะเป็นเหมือนกับฝ่ายบู๊กับฝ่ายบุ๋น เหมือนกับว่ามันจะใช้สมองกับใช้ศิลปะการต่อสู้ น้องเกรซพยายามจะใช้ความคิดและก็เล่ห์เหลี่ยมของเค้าหลอกล่อทุกอย่างเพื่อจะช่วยเหลือพี่ ส่วนพี่ก็จะใช้ความสามารถด้านการต่อสู้ของไทยมาช่วยเหลือน้อง ก็ประมาณนี้ครับ
โดยรวม ๆ เลย ผมว่าการพลิกคาแร็คเตอร์ของนาธาน เราเคยเห็นเค้าเล่นหนังในแอ็คชั่นที่ดุดัน โหดร้าย เรามาเปลี่ยนคาแร็คเตอร์ให้เค้าอ่อนโยน น่ารัก ดูคนตัวใหญ่ ๆ สูง 2 เมตร ทำให้เค้าดูน่าทะนุถนอม ผมว่ามันเป็นภาพแบบที่ผมอยากเห็น อยากให้คนดูเห็นเหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง
แล้วก็การแสดงของน้องเกรซเนี่ย ผมยังไม่เคยเห็นเค้าเล่นหนังที่กะล่อนแบบเอาตัวรอด แบบทำทุกอย่างเพื่อจะเอาตัวรอดทั้งโกหก ปลิ้นปล่อน กะล่อน หลอกลวง มันอยู่ที่น้องเกรซหมดเลย น้องเกรซทำออกมาแล้วผมค่อนข้างชื่นใจ
น้องแคทก็ด้วย ซึ่งน้องแคทก็เล่นเป็นพี่ใหญ่ที่ดูแลน้อง คอยจับผิดน้อง รู้เท่าทันน้อง แต่บางทีก็โอเคให้อภัยน้อง ไม่ได้ทำอะไรที่มันเลวร้ายครับ ก็เป็นความสัมพันธ์ของพี่น้องที่รักกันมากครับ ทั้งสองคนให้การแสดงที่คนดูจะสามารถเชื่อและมีอารมณ์ร่วมตามไปกับตัวละครทั้งคู่ด้วยครับ
|
นอกจากนี้ ความเป็น Real Action ผมว่ามีอยู่เยอะ เราเอาภาพของมวยปล้ำอยู่บนเวที ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วเป็นการแสดง แต่เราหยิบท่าของมวยปล้ำ มาทำให้มันดูสมจริง จนคนดูเชื่อว่าท่ามวยปล้ำเนี่ยก็เป็นศิลปะการต่อสู้ได้อย่างหนึ่ง มันก็เลยกลายมาเป็นจุดแข็งในการดีไซน์แอ็คชั่น พอเราเอามาบวกกับมวยไทย คนตัวใหญ่ ๆ อย่างนาธานเนี่ย กระโดดแทงเข่า ฟันศอกเนี่ย ผมว่ามันน่าดู มันก็เลยเป็นแอ็คชั่นที่มิกซ์ระหว่างมวยปล้ำกับมวยไทย ซึ่งมาอยู่บนตัวนาธาน ดูแล้วก็จะทึ่งและสนุกไปกับฉากแอ็คชั่นต่าง ๆ ได้ไม่ยากครับ
หลังจากได้เรื่องราวเนื้อหาหลักพร้อมทีมนักแสดงเจ้าเสน่ห์กันแล้ว โลเกชั่นการถ่ายทำ ของภาพยนตร์รสแซบสนุกเรื่องนี้ก็ยังได้รับความเอาใจใส่จากทีมงานและผู้กำกับเป็นอย่างมากอีกด้วย
ก็โดยเรื่องเรากำลังคิดถึงสถานที่ที่คนทั่วโลกรู้จัก ทีนี้พัทยาเนี่ย คนทั่วโลกรู้จักมากรู้จักเยอะก็เลยนึกถึงโลเกชั่นพัทยาในเมืองไทยนะครับ ซึ่งในเรื่องผมก็พยายามจะ เอ่อ...คนจะมองว่าพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวทางเซ็กซ์อย่างเดียวเลย นี่เป็นทัศนคติในแง่ลบเยอะ ทีนี้ผมอยากจะเล่าเรื่องครอบครัวไทย ความมีน้ำใจต่อคน |
ต่างชาติก็มีอยู่จริงครับก็เลยเลือกโลเกชั่นย่านพัทยาและเล่าในมุมที่เป็นในเชิงบวก ไม่ใช่ในเชิงลบอย่างที่รู้จักกันเพียงอย่างเดียว
ถ่ายทำที่พัทยา ก็โอเค ไม่ค่อยยากเท่าไหร่ครับ เพราะสถานที่หลักซึ่งใช้ที่พัทยาก็คือ ร้านส้มตำ ร้านส้มตำก็ไปได้ชายหาดสวย ๆ ก็ไปเซ็ตร้านอยู่ตรงนั้นเลย ก็ค่อนข้างไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ โลเกชั่นก็สวยดีครับ
เรื่องออกแบบงานสร้าง คือผมคุยกับโปรดักชั่นดีไซน์ว่าอยากได้ร้านส้มตำไทย ๆ ที่อยู่ริมหาดพัทยา ก็อยากได้มุมชายหาดสวย ๆ แต่ว่าก็ต้องมีกลิ่นของพัทยาอยู่ พอดีไซน์ออกมาแล้วเราไปเซ็ตกันตรงนั้นเลย ก็ได้ภาพเหมือนกับที่ผมคิดไว้เลยครับ
ก็อยากให้คนดูสนุก อยากให้ไปดูหนังเรื่องหนึ่งซึ่งสนุกด้วย ตื่นเต้นเร้าใจด้วย แล้วก็ประทับใจด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ผมพยายามจะใส่ทุกรสลงไปในเรื่องครับ ทั้งคอเมดี้ ทั้งแอ็คชั่นแล้วก็ดราม่า ซี่งในเรื่องเนี่ย ผมพยายามจะสื่อสารมุมมองของคนต่างชาติที่รู้สึกกับเมืองไทยโดยเฉพาะพัทยา ซึ่งมักจะมองในแง่ลบ แต่ว่ามันมีครอบครัว ๆ หนึ่งซึ่งทำทุกอย่างบนความดีบนความถูกต้องเพื่อจะเอาชีวิตรอด แล้วก็มีน้ำใจช่วยเหลือชาวต่างชาติคนหนึ่ง แล้วก็ทั้ง 2 ฝ่ายก็เรียนรู้ซึ่งกันและกัน จนกระทั่งรู้ว่า สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเองเพื่อสิ่งที่ถูกต้องครับ
ประวัติการทำงานของผู้กำกับ กุ้ง นนทกร ทวีสุข
- กำกับศิลป์, ถ่ายภาพ, ลำดับภาพ ฝ่ายละคร (บริษัท รัชฟิล์มทีวี)
- ถ่ายภาพ, กำกับรายการ , Creative รายการสารคดี (บริษัท JSL)
- เขียนบท, กำกับภาพ, ลำดับภาพ และช่วยกำกับการแสดง ละครเขย่าขวัญวันพุธ ช่อง 3 (บริษัท TV THUNDER)
- เขียนบท, กำกับภาพ, ลำดับภาพ และช่วยกำกับการแสดง ละคร อินทรีแดง ช่อง 7 (บริษัท RS PROMOTION)
- กำกับการแสดง ละครกึ่งสารคดีอนุรักษ์ภาษาไทย เรื่อง ครอบครัวไทยยุค IT ทาง ITV (บริษัท Platinum Image)
- กำกับการแสดง หนังโฆษณา เมาไม่ขับ ความยาว 30 วินาที ของกระทรวงสาธารณสุข
- เขียนบทภาพยนตร์, ลำดับภาพ และช่วยกำกับการแสดง องค์บาก, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม, เกิดมาลุย (บริษัทบาแรมยู)
- กำกับภาพยนตร์ เรื่อง ส้มตำ |