สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
โลงต่อตาย (The Coffin)
  อัพเดท 7 สิงหาคม 2551
  LINK : โปสเตอร์ เรื่องย่อ สัมภาษณ์โปรดิวเซอร์และผู้กำกับ
   
 

อนันดา กับบท “คริส”

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ในปี 2551 ดูจะเป็นปีทองของอนันดา เพราะภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง เรียงแถวฉายให้ชมกันแทบทุกเดือน แต่ถึงจะมากในเรื่องปริมาณ แต่ก็เต็มอิ่มด้วยคุณภาพ และ โลง ต่อ ตาย ก็ถือเป็นภาพยนตร์อีกเรื่อง ที่ท้าทายทั้งความสามารถ และความกล้าของเขาต่อจากเรื่อง “ชัดเตอร์ กดติดวิญญาณ”

“ผมเล่นเป็นตัวละครชื่อ คริส เป็นตัวละครที่กลัวความแคบอย่างรุนแรง แต่เมื่อแฟนญี่ปุ่นป่วยเข้าขั้นโคม่า เขาจึงตัดสินใจไปนอนโลงเพื่อสะเดาะห์เคราะห์ให้แฟน คล้าย ๆ กะว่านอนโลงเพื่อที่จะช่วยชีวิตใครบางคน แต่หลังจากนั้นกลับมีเรื่องลึกลับน่ากลัวมากๆเกิดขึ้นกับเขาและแฟน เรื่องราวมันก็จะเริ่มเดินจากจุดนั้นเป็นต้นไป

หลังจากความสำเร็จของ “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” อนันดา ก็ไม่รับเล่นหนังผีอีกเลย แต่เพราะอะไรเขาถึงตัดสินใจรับเล่น “โลงต่อตาย” คงเป็นเพราะคุณภาพและความน่าสนใจของบทหนัง

“สิ่งที่มันแตกต่างจริงๆ ของโลงต่อตาย แตกต่างจากหนังผีอื่นๆ คือมันมีความเป็นเรื่องราวที่อิงกับเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น (Based on true story) ที่มีตัวละครอยู่จริงๆ มีความรู้สึกจริงๆ ซึ่งค่อนข้างหายากในหนังผีทั่วไป จุดเด่นของเรื่องนี้คือความมีมิติของตัวละคร และความสมจริงของอารมณ์ซึ่งค่อนข้างหายากในหนังผี ทำให้เรารู้สึกว่าทั้งธีมและตัวละครในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรฉาบฉวย เราชอบความลึกในตัวบท มันไม่ใช่เป็นแค่หนังพล็อตอย่างเดียว  มันเป็นคาแรคเตอร์ด้วย ผมว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้โครงสร้างของหนังแข็งแรงและแตกต่างไปจากหนังผีทั่ว ๆ ไป ตัวละครไม่ได้เป็นเพียงหุ่นกระบอกที่เดินไปเดินมาแล้วก็ทำตาถลน

ส่วนเรื่องของการนอนโลง นักแสดงหลายคนไม่กล้าที่จะทำด้วยความเชื่อต่างๆนานา แต่เพราะอนันดาเป็นคนที่ชอบอะไรที่ท้าทายนั่นเอง เขาจึงตัดสินใจนอนโลงโดยไม่กลัวอะไร
“เราเล่นหนังผีมาหลายเรื่อง ไม่เคยเจออะไร ตอนเล่นเนี่ยมันต้องยอมรับเลยว่า มันเป็นเรื่องที่เราก็ต้อง build ตัวเองให้กลัว แต่เรื่องนี้มันจะลำบาก คุณเอกชัยเค้าชอบให้ผมทำอะไรแปลกๆ คืออย่างไอ้พวกนอนในโลงและก็จับผมมานอนจมในเลือดเป็นชั่วโมงๆ โหดมากๆ”

ก่อนหน้านี้ อนันดาประกบทั้งสาวสิงคโปร์ สาวจากลาว แต่ครั้งนี้ เขาต้องประกบทั้งสาวจากแดนอาทิตย์อุทัย และซุปเปอร์สตาร์จากฮ่องกงอย่างคาเรน ม็อค อนันดาก็อนันดาเถอะต้องมีสั่นกันบ้างแหละ

“การทำงานกับ คาเรน ม็อค ราบรื่นดีมาก เพราะเค้าเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลา ตอนแรกเราก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าเขาจะเป็นประเภท Diva หรือเปล่า คือเค้าดังมาก แต่พอได้เจอวันแรก เค้าเป็นคนแบบ ง่ายมากและเป็นมืออาชีพจริงๆ  ผมว่าคุณเอกชัยเค้ามีเทคนิคพิเศษในการ ให้นักแสดงเข้าหากันน่ะ ส่วนกับสาวญี่ปุ่นอย่าง Aki ผม ชอบ ชอบมาก บุคลิกเค้าเป็นคนอเมริกันเลยล่ะ ซีนแรกที่เราต้องเล่นกับ Aki ก็คือ love scene เลย และพอ Aki มาถึงกรุงเทพฯ คุณเอกชัยบอกมาว่า อย่างแรกเลยเนี่ย คือไปนัดให้สองคนนี้กินดินเนอร์กันสองคน เพื่อที่ให้รู้จักกัน  เพราะฉากรักในเรื่อง ต้องเป็นแบบอารมณ์ผัวเมีย คืออยู่ด้วยกันมานาน คือต้องคุ้นเคยกับร่างการของกันและกัน  คุณเอกชัยไม่เคยทำอะไรธรรมดา”

คาเรน ม็อค กับบท ซู

คาเรน ม็อค เป็นนักร้อง  นักแสดงระดับฮอลลีวู้ดแถวหน้าของฮ่องกง เธอมารับบท ซู สาวสวยที่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง  และในที่สุด เธอก็ได้พบกับสัจธรรมที่ว่า “ไม่มีใครได้อะไรมาโดยไม่เสียอะไร” ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงครั้งแรกที่เธอรับเล่นภาพยนตร์ไทย แต่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอรับเล่นภาพยนตร์สยองขวัญแบบเต็มรูปแบบอีกด้วย

“ในเรื่องนี้รับบท ซู สาวฮ่องกงซึ่งในบท กำลังจะแต่งงานแต่พอรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ก็เลยมาทำพิธีสะเดาะเคราะห์ที่เมืองไทย ก็เป็นความเชื่อที่น่ากลัวนะคะ คนเป็นๆ ต้องมานอนในโลง”

หนังผีนั้นมีมากมาย แต่เพราะอะไรเธอถึงเลือกมารับเล่นบทนี้
“เป็นบทที่ท้าทาย การลงไปนอนในโลง เป็นจุดเริ่มของเรื่องราวที่น่ากลัว ในบทจะมีความซับซ้อนทางด้านอารมณ์อยู่มากทีเดียว และแถมยังต้องเผชิญหน้ากับผี

สำหรับการแสดงร่วมกับนักแสดงอย่าง อนันดา นั้นเธอก็ประทับใจมาก
“อนันดาเขาดังและน่ารักด้วย พอฉันเห็นหน้าเขาก็ร้องอ๋อ เพราะฉันดูหนังเรื่องชัตเตอร์ที่เค้าเล่น ยังสั่นเลยตอนร่วมซีนกัน เพราะเขาดูจริงจังมาก จริงจังกว่าฉันอีก แต่นอกเวลางาน ก็เฮฮา”

ถึงแม้จะผ่านงานระดับฮอลลีวู๊ดมาแล้ว   แต่เธอก็ยังประทับใจในการทำงานแบบมืออาชีพของ  คนไทย
“การทำงานกับทีมงานคนไทยก็สนุกดีค่ะ ประทับใจที่ ทีมงานไทยเทคแคร์ดีมาก และมีความเป็นกันเองสูง แตกต่างกับกองฮ่องกงที่จะเครียดมาก  หนังเรื่องนี้ เป็นหนังเกี่ยวกับความเชื่อ นอกจากบทบาทที่ต้องแสดงแล้ว ฉันเอง ก็ต้องศึกษาเรื่องราวของวัฒนธรรมไทยด้วย ท้าทายดี..ชอบมากโดยเฉพาะ อาหารไทย”

นอกจากนี้ เธอยังทิ้งท้ายความกลัวของหนังเรื่องนี้ให้เราฟังอีกด้วย
“หนังเรื่องนี้ นอกจากจะสยดสยองในโรงแล้ว แต่พอออกจากโรง ความรู้สึกคือมันยังกลัวไม่หายน่ะ มันจะติดตัวเราไปอีกหลายคืนทีเดียว”

แอนดรูว์ ลินน์ กับบท แจ็ค

นักแสดงหนุ่มหล่อ อีกคนจากฮ่องกง ซึ่งงานแสดงส่วนใหญ่ที่ผ่านจะเป็นหนัง แนวอินดี้หนังที่ไม่เน้นตลาดแต่คุณภาพคับแก้ว เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาร่วมงานกับคนไทย

"ผมรับบทเป็น แจ๊คเป็นบทบาทที่หน้าตาต้องเละเกือบตลอดทั้งเรื่องเลยครับ  ได้รับโจทย์มาว่า ตัวเองต้องเล่นเป็นผีก็เครียดน่ะ (หัวเราะ) เพราะปกติ จะบอกผ่านบทแบบนี้ เพราะผีมันไม่มีอะไร แต่เมื่อได้คุยกับคุณเอกชัย (ผู้กำกับ) ก็ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้โดยไม่ลังเลใจเลย เพราะคุณเอกชัย บอกว่า ผีตัวนี้มันมีอารมณ์ มีความรู้สึก  คือเขากำลังจะแต่งงานกับคนรักในอีกไม่กี่วัน ดังนั้น เขาจึงมีความห่วงหาเหมือนคน และก็มีความอาฆาตแบบผีที่ผสมกันไป ก็เหนื่อยแต่สนุกดี”

“ผมเคยร่วมงานกับคาเรน ม็อก เคยเล่นหนังด้วยกันมา 2 เรื่อง แต่ไม่เคยร่วมซีนกันเลย มาเรื่องนี้อุตส่าห์ดีใจที่ได้ร่วมซีน แต่ก็ต้องมาร่วมกันในแบบน่ากลัวๆ อีก แต่เธอน่ารักครับ นิสัยดี และมีความเป็นมืออาชีพสูง ดีใจครับที่ได้ร่วมงานกับเธอ”

“กับคุณเอกชัย ผมชื่นชอบเขาตั้งแต่ได้ชม Beautiful Boxer และไม่คาดคิดว่าจะได้มาเล่นหนังของเขา เขามีวิธีการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เป็นคนอารมณ์ดีครับ ซีนไหนที่ยากแกก็จะค่อยๆตะล่อมๆ จนเล่นได้ ไม่เหมือนผู้กำกับที่ฮ่องกงที่น่ากลัวกว่าผีในเรื่องอีก (หัวเราะ) ชอบตะคอกใส่นักแสดง ดีใจและภูมิใจครับ ที่ได้ร่วมงานกับคนไทยอย่างคุณเอกชัย”

“สำหรับพิธีกรรมและความเชื่อในเรื่องการสะเดาะเคราะห์ จริงๆแลัว พิธีกรรมของแต่ละชาตินั้นถึงแม้จะดูแตกต่างแต่ความเชื่อแต่ก็ไม่มาก เรายังมีความเชื่อเรื่องภพหน้า เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดหรือความเชื่อเรื่องต่ออายุนั้น มีอยู่ทุกชาติเลยครับ แต่ของไทย ดูจะเอ็กซ์ตรีมกว่า ดูจริงจัง เพราะให้ผมไปนอนโลงจริงๆ ผมกลัวๆ กล้าๆ(หัวเราะ) แต่เพื่อความสมจริงก็ทำ หนังเรื่องนี้ สนุกดูแล้วได้ข้อคิดดีๆ “

อะกิ ชิบูย่า รับบท มาริโกะ

นักแสดงดาวรุ่งดวงใหม่แห่งเอเชียคนนี้ มาในบท ที่จะทำให้ ผู้ชม ใจสั่น เธอแสดงได้อย่างธรรมชาติมาก และถึงแม้เธอจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่เชื่อได้ว่า หลังจากที่หนังเรื่องนี้ฉาย อะกิ ชิบูย่า ต้องเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างแน่นอน ด้วยความน่ารักแบบใสๆ และความใจถึงของเธอ!!

“แสดงเป็น มาริโกะค่ะ เป็นนักวาดภาพชาวญี่ปุ่น ที่รักกับ คริส(อนันดา) ตัวเองป่วยเป็นโรคติดเชี้อในสมองขั้นรุนแรงแต่จู่ๆ ก็ตื่นขึ้นจากอาการป่วย เพราะคริสไปนอนโลงสะเดาะเคราะห์ให้ แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้น เจอแต่เรื่องลึกลับที่น่ากลัวมาก”

“บทที่ได้รับแตกต่างกับตัวจริงของเรามาก เพราะจริงๆ แล้ว ฉันเป็นคนที่อารมณ์ดี ขี้เล่น แต่พอมาเล่นอะไรที่เครียดก็กดดันค่ะโชคดีที่บรรยากาศในกองถ่ายอบอุ่น เลยไม่รู้สึกกดดันมาก”

แต่ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเธอคือ การที่ต้องเข้าไปในเมรุและเตาเผาจริง เพื่อถ่ายฉากสยองขวัญที่เธอถูกเผาทั้งเป็น

“น่ากลัวมากเลยค่ะ โดยเฉพาะเมื่อเรามารู้ภายหลังว่า มีศพจริงๆ รอเผาอยู่ข้างๆ เตาเผาที่ฉันมุดเข้าไปถ่ายทำ”
“กับเรื่องราวความเชื่อ ฉันเชื่อว่าเราไม่สามารถหนีเรื่องร้ายๆ ในชีวิตได้หมดทุกเรื่องได้พ้นหรอกค่ะเราต้องทำใจ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันมากกว่า สำหรับฉัน ถ้าถามว่า พร้อมจะตายเพื่อคนรักได้ไหม จริงๆ ก็ได้ แต่ถ้าตายแล้วคนที่อยู่ต้องเจ็บปวดก็ไม่รู้ว่า จะต้องตายแทนเพื่ออะไร”

“กับหนังเรื่อง “โลงต่อตาย” แค่ดูภาพคร่าวๆ จากจอมอร์นิเตอร์ ฉันก็รู้สึกกลัวมากแล้ว  และถ้าได้ดูในจอใหญ่ ระบบเสียงเต็มๆ ฉันว่าฉันต้องช็อคในโรงแน่ๆ เลย (หัวเราะ)แต่มันไม่ใช่แค่สยองนะคะ ยังมีเรื่องอะไรอีกมากมายที่แทรกในหนังเรื่องนี้บางทียังมีเสน่ห์กว่าหนังผีญี่ปุ่นบางเรื่องเสียอีก”

มะหมี่ นภคปภา นาคประสิทธิ์ รับบท เมย์

เธอคือดาราสาวที่เป็นสัญลักษณ์ แห่งหนังสยองขวัญครั้งนี้ เธอคือกุญแจไขความลับสำคัญของหนังเรื่องนี้
“คาแรคเตอร์ที่มะหมี่ได้รับก็เป็นคาแรคเตอร์ของเมย์ เป็นคนที่รักคนรักมาก เป็นคนที่เก็บความรู้สึกลึกมาก มะหมี่คิดว่าเป็นอะไรที่เล่นยากมากกว่า เพราะเราจะแสดงอย่างไรที่จะสื่ออารมณ์ให้คนดูเข้าใจในสิ่งที่เป็น ในอินเนอร์ของเรา เมย์คือตัวปริศนาที่สำคัญของคริส”

“สำหรับการร่วมงานกับอนันดา จริงๆ แล้วเนี่ย มะหมี่เคยเจออนันดามาก่อนหน้านี้แล้ว พอมา
ร่วมงานกันแล้ว กลับรู้สึกเกร็งมากๆ  แบบว่าจะคลิกกันได้ง่ายมั้ย จะเล่นแล้วอินมากมั้ยเพราะบทยาก แต่พอเวลาทำงานกันจริงๆ แล้ว เรารู้สึกว่าเข้ากันดีมากเลย แล้วก็อนันดาเค้าจะเป็นคนรับส่งให้ตลอดเวลาทั้งๆ ที่ บางทีกล้องไม่เห็น อนันดาก็จะ offer มาตลอดเวลาเลย ว่า โอเค จะเอาไอยืนอยู่ตรงนี้ด้วยมั๊ย เดี๋ยวเราจะยืนตรงนี้ให้นะเพื่อยูจะได้รู้สึกอะไรเงี้ยค่ะ จะคอยส่งอารมณ์ให้ตลอดเลยซึ่งน่ารักมากเลย”

ในหลายๆครั้งเราจะได้ยินข่าวมะหมี่ไปทำบุญหลายๆครั้ง แล้วการนอนโลงสะเดาะเคราะห์มะหมี่มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง
“เรื่องการสะเดาะเคราะห์  มะหมี่เป็นคนเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนะคะ เรื่องของพิธีกรรมการนอนโลงเพราะว่ามันเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคลคนอีกเหมือนกันว่า ในดวงของแต่ละคนก็ต้องมีดวงแบบถึงคาด  บางคนเชื่อว่า การที่เราลงไปนอนในโลงเนี่ยจากหนักก็จะกลายเป็นเบา อันนี้เป็นความเชื่อของคนไทยที่ว่าการนอนโลงปุ๊บก็จะสามารถทำให้ต่อวิญญาณเค้าได้”

ทัศนวรรณ เสนีย์วงศ์ รับบท แม่ ผู้สูญเสีย

นักแสดงรุ่นใหญ่ ที่นานๆจะมาแสดงในจอเงิน แสดงว่าหนังเรื่องนี้ มีบทที่ดีเธอจึงมาเล่น
“บทที่เล่นก็คือ แสดงเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญเสียลูกชายไปหลังจากไปนอนโลงสะเดาะเคราะห์ เป็นคนที่เชื่อเรื่องการแก้กรรม   ถามว่าเชื่อเรื่องนอนโลงมั๊ย ก็ 50:50  มันพิสูจน์ไม่ได้ ถึงถ้าไม่เชื่อก็ไม่ลบหลู่  ถ้าตามหลักศาสนาพุทธ มันมีกฎแห่งกรรม ส่วนตัวเชื่อว่ากรรมที่เกิดขึ้น เกิดจากการกระทำของเราเองเพราะฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องชดใช้ อันนั้น เราก็ต้องชดใช้และมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นี่ไอ้การที่สะเดาะเคราะห์กันขึ้นมา แก้กรรมอะไรเนี่ย  ส่วนตัวก็ยังคลางแคลงใจว่า มันแก้กันได้จริงเหรอ”

สุเชาว์ พงษ์วิไล กับบท สัปเหร่อ

มือเก๋าของวงการอีกคนหนึ่ง ซึ่งถึงแม้บทที่ได้รับจะอยู่ในหนังเพียงน้อยนิด แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญและเป็นอีกคนที่มาไขปริศนาแห่งความตายให้กับอนันดา
“ผมรับบทเป็นสัปเหร่อครับ  เป็นอาชีพที่มันรู้สึกว่าลึกลับ  คนจะไม่ค่อยรู้จักและไม่ได้สัมผัสอาชีพนี้นัก และทุกครั้งที่คนไปงานศพเนี่ย คนแทบจะมองไม่เห็นสัปเหร่อ ถ้ายังไม่ถึงพิธีกรรมตรงนั้น  ตอนแรกในความคิดผมเนี่ย ผมคิดว่าสัปเหร่อต้องเป็นคนที่น่ากลัว ต้องเป็นคนที่มีคาถาอาคม ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ คือเป็นคนธรรมดา แต่ผมรู้สึกว่า สัปเหร่อจะต้องเป็นคนที่เข้าใจชีวิต เพราะเค้าอยู่ใกล้ชิดความตาย จนผมรู้สึกว่า คนที่เป็นสัปเหร่อเนี่ยเห็นเรื่องความตายเป็นเรื่องธรรมดามากที่สุด”

เล่นหนังมาแทบจะทุกบทบาท แต่อาสุเชาว์ ก็ยังเอ่ยปากถึงความน่ากลัวและบรรยากาศของหนังเรื่องนี้

“เล่นภาพยนตร์เรื่องนี้จะพูดว่ากลัวนี่มันก็ไม่เชิงนะแต่มันหวาดๆ อย่างบอกไม่ถูกเพราะ สถานที่ที่ไปถ่ายเนี่ย จริงๆ เนี่ยผมต้องถ่ายที่เมรุเผาผีและเป็นเมรุจริงๆ และผมต้องอยู่ตรงนั้นน่ะ ต้องไปดึงโลงเข้า ดึงโลงออกมันก็น่ากลัวฮะ พูดตรงๆ ก็มีบ้างครับ  “อย่างมีอยู่สองฉาก ที่ผมว่าคนดูน่าจะกลัว คือฉากที่ไปขุดศพ เป็นป่าช้ากับที่เมรุเผาผี  น่ากลัวมาก เพราะว่ามันเป็นสถานที่จริงและมีการเผาศพจริงตรงนั้น... อีกฉากที่ไปเล่นแล้วรู้สึกกลัวมากอีกเช่นกัน คือมันเป็นป่าจริงๆ และเป็นป่ารกทึบและมีต้นไม้เต็มไปหมด เราต้องไปขุดศพขึ้นมาจากที่เค้าฝังอยู่มีการจำลองศพ ดูแล้วน่ากลัวมากจริงๆ แล้วเวลาที่ถ่ายทำเนี่ย...มันก็เป็นเวลาดึกมากซะด้วย  ผมว่าภาพในหนัง ไม่น่าจะหนีกันเท่าไหร่ น่ากลัวจริงๆ ครับ ยอมรับเลย”

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.