หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
คนไฟบิน
  English
 

สารบัญหน้านี้:    โปสเตอร์     เรื่องย่อ      เบื้องหลังงานสร้าง      แคแรคเตอร์นักแสดง     

  LINK:    ข่าวขายอเมริกาได้แล้ว
   
 

เรื่องย่อ

2398 ปีที่แผ่นดินแร้นแค้นถึงขีดสุด แต่ยังมี 1 วีรบุรุษ ยืนหยัดท่ามกลางเปลวเพลิง
ซึ่งก็คือโจรบั้งไฟ วีรบุรุษขุนโจร ผู้เปลี่ยนชะตาชีวิตเมืองโคราช

ย้อนเวลากลับไปในยุคที่ควายยังอินเทรนด์เป็นที่ต้องการของชาวนาทุกหย่อมหญ้า...ณ ดินแดนที่ราบสูง ได้เกิดวีรบุรุษขุนโจรนาม “ โจรบั้งไฟ” ปล้นวัวควายจากพ่อค้าควายหรือ “ นายฮ้อย” ไปแจกจ่ายชาวบ้าน โดยมี “ บั้งไฟ” มิสไซล์ OTOP ประจำตัวที่ทรงพลัง มีอำนาจทำลายล้างเทียบเท่าขีปนาวุธ เป็นอาวุธคู่กาย แต่เป้าหมายที่แท้จริงของโจรบั้งไฟก็คือ ตามหานายฮ้อยที่ฆ่าพ่อแม่ของตนเพื่อสะสางความแค้น ในที่สุด จอมโจรแห่งท้องทุ่งอีสาน และ “ นายฮ้อยสิงห์” ต้นตอของหนี้แค้นที่เขาตามชำระ ก็ถึงคราวเผชิญหน้ากัน แต่โจรบั้งไฟกลับไม่สามารถเข้าถึงตัวนายฮ้อยสิงห์ได้แม้แต่ปลายเล็บ เพราะนายฮ้อยสิงห์มีวิชาอาคมแก่กล้าไร้เทียมทาน แต่เหมือนฟ้าฝนเป็นใจ ส่ง “ พระยาแหว่ง” พระยาหนุ่มหัวใสแกมโกง และ “ ปอบดำ” จอมขมังเวทแห่งรัตติกาล สองศัตรูคู่อาฆาตของนายฮ้อยสิงห์ ให้โคจรมาพบกับโจรบั้งไฟ ทั้งสามจึงร่วมมือกันปฏิบัติการกำจัดเสี้ยนหนามให้สิ้นซาก สงครามระหว่างพระยาหัวใส โจรบั้งไฟ และเจ้าแห่งอาคมจึงปะทุขึ้น… พบเรื่องราวการต่อสู้สุดระทึก และตื่นตาแบบย้อนเวลาไประเบิดความมันส์สนั่นท้องทุ่งและที่สำคัญ

นายฮ้อยสิงห์ยังไม่รู้ว่าตนเองถูกปองร้าย ………

ชีวิตของอีสาวยังมีความลึกลับที่ยังไม่เปิดเผย ……….

โจรบั้งไฟ และ พระยาแหว่ง ยังไม่รู้ความลับของปอบดำ แต่ทั้งสามก็ต้องร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของแต่ละคน

รายละเอียดงานสร้าง

ผู้ใด๋จะคิดว่าอีสาน ปี 2398 ..... บั้งไฟที่จุดเพื่อขอฝนจะสามารถเป็นอาวุธทลายล้างทุกสิ่งแถมมีอานุภาพความเร็วเทียบเท่าจรวดมิสไซล์

ผู้ใด๋จะคิดว่าอีสาน ปี 2398 ...... บักควาย สัตว์แสนซื่อจะเป็นพาหนะในการไล่ล่า ความเร็วและความอึดไม่แพ้เสือชีตาร์

ผู้ใด๋จะคิดว่าอีสาน ปี 2398 ...... เกวียนแบบชาวบ๊าน ชาวบ้านจะติดเทอร์โบและพุ่งแรงกว่ารถเปอร์เช่ปี 2010

นี่เป็นเพียงหนึ่งในอาวุธของบักเซียงหรือชื่อในวงการว่า โจรบั้งไฟ จอมโจรแห่งท้องทุ่งอีสานปี 2398

ฅนไฟบิน ผลงานลำดับที่ 6 ของผู้กำกับอารมณ์ดีอย่างเฉลิม วงค์พิมพ์ ที่กลับมาคราวนี้พกพาความบู๊แอ็คชั่น พ่วงด้วยความฮาเต็มรูปแบบแถมให้ฟรีๆกับโปรดักชั่นสุดอลังการ จำลองเมืองอีสานเป็นสนามประลองเหล่า ฅนไฟบิน ชวนคนดูลุ้นแบบนั่งไม่ติดคิดอยากจะเป็นจอมโจรแห่งเปลวเพลิง ผู้พิชิตทั่วท้องทุ่ง.............

ด้วยความสำนึกรักในบ้านเกิด พ่วงด้วยความประทับใจในวัยเด็กที่เคยหนีแม่ ไปงานบุญบั้งไฟในจังหวัดขอนแก่น บวกด้วยอาการฝันหวานที่อยากจะเป็นผู้กำกับหนังแอ็คชั่นที่ฝรั่งดูแล้วต้องอึ้ง ทึ่งและเสียว ร้อง Oh! My God Oh! My God กันเป็นแถว ทำให้เฉลิม วงค์พิมพ์คิดอยากทำหนังแอ็คชั่น โดยบอกเล่าเรื่องราวของชาวอีสานเป็นพิเศษ

“ ผมมีความรู้สึกอยากทำหนังเกี่ยวกับอีสานมาตั้งนานแล้ว โปรเจกต์แรกที่ผมคิดคือ จูราสสิคปาร์คเด้อ แต่แล้วก็ไม่ได้ทำ จนมาอยู่บริษัทบาแรมยูก็ได้ทำ 7 ประจัญบาน ได้ทำตะเคียน แต่เรื่องราวของการทำหนังอีสานก็ยังอยู่ในใจ และก็บังเอิญได้ไปอ่านเจอเรื่องราวของรถไถยนต์รุ่นแรกที่นำมาขายในเมืองไทยในยุคที่คนไทยยังใช้ควายไถนาอยู่ ก็เลยคิดว่า เรื่องนี้น่าจะทำเป็นหนังได้ ก็เลยยึดคาแรกเตอร์ของหนังจอมยุทธมาผสานความเป็นไทย ในหนังก็จะเป็นเรื่องราวสมัยรัชกาลที่ 4- รัชกาลที่ 5 สมัยที่เซอร์จอห์นเบาริ่งเข้ามาทำสนธิสัญญา ประเทศไทยจึงเกิดการค้าขายขึ้น ภาคกลางก็จะมีอาชีพทำนา แต่ควายขาดแคลน ก็เลยมีการซื้อขายควายจากภาคอีสาน จึงเกิดอาชีพนายฮ้อยซึ่งเป็นคนต้อนควายเข้าไปขายที่กรุงเทพ แต่ปรากฏว่ามีพระยาหัวใสชื่อพระยาแหว่ง เป็นคนนำรถไถยนต์เข้ามาขายแต่ขายไม่ได้ เพราะคนยังใช้ควายอยู่ พระยาแหว่งก็เลยเกณฑ์พรรคพวกที่เป็นโจร โดยมีโจรก่องข้าวน้อยเป็นหัวหน้ าโดยสั่งให้ฆ่านายฮ้อยให้หมด อย่าให้นำควายไปขายที่กรุงเทพฯ ไม่งั้นรถไถยนต์จะขายไม่ไ ด้ ในระหว่างที่มีเรื่องระหว่างพระยาแหว่ง และนายฮ้อยก็ยังมีเรื่องราวความบาดหมางระหว่างนายฮ้อยที่ดีและไม่ดี ที่ดีคือนายฮ้อยจะใช้วิธีซื้อควายและนำไปขาย ส่วนไม่ดีคือไปปล้นควายและเอาไปขาย หนังจะเป็นส่วนผสมระหว่างแอ็คชั่นและคอเมดี้ครั บแต่ความตลกของหนังอาจจะน้อยกว่า 7 ประจัญบาน 2 คือ ซีนแอ็คชั่นจะจริงจังขึ้น แต่ความเป็นแฟนตาซียังเหมือนเดิม ”

จุดเด่นในภาพยนตร์เรื่อง ฅนไฟบินอยู่ที่ซีนแอ็คชั่นอันแปลกตา โดยการดีไซน์ของพันนา ฤทธิไกร ผู้ซึ่งออกแบบคิวบู๊ ให้กับภาพยนตร์ชื่อดังของเมืองไทยหลายเรื่อง อาทิ องค์บากและต้มยำกุ้ง และสมใจ จันทร์มูนตรี ผู้กำกับคิวบู๊คู่บุญของเฉลิม วงค์พิมพ์ที่เคยร่วมงานกันมาใน 7 ประจัญบาน 2 โดยจะเน้นความสามารถพิเศษของเดี่ยว ชูพงษ์เป็นหลัก ท่าแอ็คชั่นในเรื่องจึงเป็นการผสานระหว่างมวยไทยและยิมนาสติค อาทิ ลังกาหลังแทงเข่า, หมุนเกลียวแทงเข่าคู่ต่อสู้ หรือหมุนเกลียวข้ามเครื่องกีดขวาง ซึ่งการออกแบบคิวบู๊ดังกล่าว พันนา ฤทธิไกรได้กล่าวไว้ว่า

“ ตัวผม คุณเฉลิมและคุณสมใจ ช่วยกันออกแบบคิวบู๊ให้กับเดี่ยว เรามีการทำเวิรค์ช็อปกันก่อน ว่าเดี่ยวถนัดหรือไม่ถนัดตรงไหน ผมว่าเขามีความสามารถมากนะครับ แต่สิ่งที่พิเศษเหนือคนอื่น คือ เรื่องความทุ่มเทและใจกล้า นี่คือคุณสมบัติที่ดีของคนที่จะเล่นบทบู๊ เดี่ยวสามารถเล่นฉากเสี่ยงตายได้หมด ให้สูงแค่ไหน เสียวแค่ไหนเขาไม่เคยท้อ ซ้อมคิวตลอด ส่วนท่าบู๊ของเดี่ยวจะเน้นมวยเข่า เพราะว่าเวลาที่เขาตีลังกากลางอากาศแล้วแทงเข่าคู่ต่อสู้ ผมว่ามันเป็นฉากที่สวยและสะใจมากครับ ในเรื่องนี้แม้ตัวเรื่องจะเป็นแฟนตาซี แต่บทบู๊ก็ยังโหดไม่แพ้เกิดมาลุยครับมันส์ระห่ำเหมือนกันอย่างฉากที่เดี่ยวขึ้นขี่บั้งไฟ ความสูงกว่าตึก5ชั้น เดี่ยวต้องขึ้นไปยืนทรงตัวบนสลิงแล้วบั้งไฟจะพุ่งชนบ้าน หากว่าไม่จำจุดมาร์คให้ดี ตัวเดี่ยวก็จะทะลุบ้านติดกับบั้งไฟไปด้วย ซึ่งแรงดันของบั้งไฟที่อัดดินปืนมาเต็มลำอาจทำให้เดี่ยวประสบอุบัติเหตุได้ หรืออย่างฉากที่เดี่ยวอยู่บนหลังคาเกวียนและเกวียนวิ่งเข้าชนบ้าน ซึ่งซีนนี้เกวียนพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ ซึ่งเดี่ยวก็ต้องรีบเทคตัวออกมา ไม่อย่างนั้นก็จะหลุดไปกับเกวียนซึ่งรอเวลาที่จะระเบิด นี่คือส่วนหนึ่งของความมันส์ระห่ำในหนังเรื่องนี้ ส่วนฉากที่ดีไซน์เท่ห์ๆ สวยงามก็อย่างเช่น ซีนที่เดี่ยวลอดอุโมงค์เพลิงและท่อนซุงพุ่งเข้ามาชน เดี่ยวก็ทะลุเปลวเพลิง และแทงเข่าคู่ต่อสู้ครับ ”

เหล่าจอมโจรฅนไฟบิน : เฉลิม วงค์พิมพ์กล่าวว่า ตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง ฅนไฟบินจะเป็นตัวละครที่เหนือจริงและเหนือจินตนาการ ผสานความเป็นคาวบอยแบบอีสาน อย่างเดี่ยว ชูพงษ์ซึ่งรับบทเป็นโจรบั้งไฟ คาแรกเตอร์จะเป็นคนที่มีพลังพิเศษ ปรากฏตัวที่ใดชาวบ้านก็จะถอยหนี มีบั้งไฟและตะไลเป็นอาวุธ อ าศัยอยู่ที่ใดตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบ ส่วนพระยาแหว่ง ( ลีโอ พุฒ ) จะเป็นลูกผู้ดีมีสกุลเป็นถึงเจ้าขุนมูลนาย หน้าตาผิวพรรณดี แต่เสียอย่างเดียวที่ พิการปากแหว่งเพดานโหว่ เป็นคนหัวใส ฉลาดแต่โลภมาก ปอบดำ ( พันนา ฤทธิไกร) สมัยก่อนมีอาชีพเป็นนายฮ้อยศิษย์สำนักเดียวกับนายฮ้อยสิงห์ ( สามารถ พยัคฆ์อรุณ ) เรียนวิชาคาถาอาคมด้วยกัน แต่เกิดผิดใจกัน ทำให้ปอบดำถูกนายฮ้อยสิงห์เสกคาถาอาคมไม่สามารถโดนแดดได้ ต้องเก็บตัวอยู่ในปราสาท เ วลาโดนแดดร่างกายจะผุพอง เละเน่า

“ ฅนไฟบินจะเป็นหนังกึ่งการ์ตูนแต่มีซีนแอ็คชั่นที่ดูจริงจัง อย่างคาแรกเตอร์ของเสือเผ่นและลิงลมที่ต้องกระโจนตามเกวียน อย่างลิงลมที่ต้องปีนต้นไม้สูงๆ เสือเผ่นที่ต้องกระโดดสี่เท้า หรืออย่างคาแรกเตอร์น่ารักของโจรก่องข้าวน้อย คือในชีวิตจริงมันไม่มี มันเป็นส่วนผสมที่สร้างสีสันให้กับหนัง แต่คาแรกเตอร์ทุกตัวจะมีพื้นฐานความเป็นอีสานผสมอยู่ บางตัว ผมก็ดัดแปลงมาจากนิยายพื้นบ้าน ปรัมปราของชาวอีสานด้วยครับ ”

ย้อนรอย นายฮ้อย 2398 ปีที่แผ่นดินแร้นแค้นถึงขีดสุด : สาเหตุที่ภาพยนตร์เรื่อง ฅนไฟบิน ต้องย้อนยุคไปถึงในพ.ศ. 2398 หรือสมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากเฉลิม วงค์พิมพ์ต้องการเล่าเรื่องราวที่เกิดสนธิสัญญาเบาริ่งเป็นครั้งแรก ทำให้ประเทศไทยเกิดอาชีพการค้าขายขึ้น ภาคกลางซึ่งมีอาชีพทำนา ก็เกิดการขาดแคลนควายทำให้ต้องนำเข้าควายจากภาคอีสาน เป็นต้นเหตุให้เกิดอาชีพนายฮ้อยขึ้น ส่วนการรีเสิรช์ข้อมูลในเรื่องนี้ใช้เวลานานกว่า 6 เดือน จากภาพถ่ายเก่าหรือหนังสือของประเทศฝรั่งเศสที่เขาเก็บรวบรวม จากหอสมุด อินเตอร์เนทและปรับเลียนแบบ อย่างบ้านของพระยาแหว่งก็ดีไซน์ขึ้นมาใหม่ให้ดูใหญ่โตสมฐานะ หรืออย่างเครื่องแต่งกายด้วยความที่ไม่ต้องการให้ชาวอีสานใส่เสื้อมอฮ่อม แต่ต้องการความแปลกใหม่ ดูเป็นคนเถื่อนจึงต้องรีเสิรช์ข้อมูลลึกกว่าทั่วไป จนทราบว่าสมัยก่อนอีสานจะแบ่งเป็นเผ่า จึงเอาความเป็นอยู่ และการแต่งตัวมาดัดแปลงส่วนการดีไซน์บั้งไฟและตะไล ให้เป็นอาวุธคู่กายพระเอกนั้นเฉลิมได้เล่าว่า

“ บั้งไฟเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งในการขอฝ นเป็นความเชื่อของคนอีสา นก็เลยดีไซน์ว่าพระเอกน่าจะใช้อุปกรณ์ชนิดนี้เป็นอาวุธ คือในยุคนั้นปืนผาหน้าไม้ยังไม่มีมีแค่ดาบ หน้าไม้และธนู แต่ในทางของหนังผมอยากได้ภาพที่ดูแปลกตา จึงคิดว่าบั้งไฟน่าจะเป็นอาวุธให้พระเอกได้ แต่บั้งไฟจริงในสมัยนั้นจะเป็นอันใหญ่ มีทั้งบั้งไฟหมื่น บั้งไฟแสนและบั้งไฟล้าน ผมจึงนำมาดัดแปลงทั้งหมดแต่บั้งไฟของเดี่ยวจะเล็กเหมาะกับการพกพาครับ ”

ฉากสุดหินใน ฅนไฟบิน : ภาพยนตร์เรื่อง ฅนไฟบินทุ่มงบกว่า 40 ล้านในการเนรมิตโปรดักชั่นอันอลังการ การดีไซน์ฉากบู๊อันแปลกตาที่เฉลิม วงค์พิมพ์ และพันนา ฤทธิไกรการันตีว่า ไม่เคยเห็นในภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องใดมาก่อน นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ดึงดูดให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่สนใจของชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่กว่าจะออกมาอย่างที่ผู้กำกับและทีมงานตั้งใจ ทุกคนต้องเหนื่อยและทุ่มเทถ่ายทำมานานเกือบปี จนทุกอย่างเรียกได้ว่า สมบูรณ์แบบ

“ หนังเรื่องนี้ใช้เวลาในการถ่ายทำนานครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโปรเจกต์ใหญ่ ซีนแต่ละซีนก็ยากและค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะ ใช้เวลาในการเตรียมงานก็นานทั้งในแง่โปรดักชั่น การดีไซน์คิวบู๊ของเดี่ยว และคิวแอ็คชั่นต่างๆ อย่างฉากที่ยากที่สุดคงจะเป็นฉากไฮไลท์ ที่เดี่ยวยิงบั้งไฟบุกถล่มบ้านพระยาแหว่งซึ่งต้องเซทเป็นตลาด มีบ้านพระยาแหว่งความสูงกว่าตึก 3 ชั้น ซึ่งก่อนถ่ายผมได้จ้างให้คนทำบั้งไฟที่จ.ยโสธร มาเทสต์ยิงบ้านก็กระจุยไปเลยครับก็เลยคุยกับทีมงานว่าให้ยิงบั้งไฟไปตามสลิงดีกว่า ฉากนี้ก็ต้องพึ่งรถเครนครับ อุปสรรคความยากจะอยู่ที่ความยากของฉากแอ็คชั่น บางครั้งเซทสลิงมากกว่า 20 -30 เส้นแต่พอลองถ่ายดูปรากฏว่าสลิงมันวิ่งช้าก็ต้องรื้อถ่ายกันใหม่ ฉากนี้ผมไม่อยากพึ่งซีจีเพราะรู้สึก

แคแรคเตอร์ตัวละคร

โจรบั้งไฟวีรบุรุษขุนโจร รับบทโดยชูพงษ์ ช่างปรุง

ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าโจรบั้งไฟเป็นใคร มาจากไหน รู้แค่ว่าโจรบั้งไฟ ปล้นเอาวัวควายจากพวกนายฮ้อย แล้วนำเอาวัวควายมาแจกให้ชาวบ้านที่ยากจนใช้ทำไร่ทำนา ไม่เคยมีนายฮ้อยคนใดเอาชนะโจรบั้งไฟได้เลย เพราะเขามีวิชามวยเข่าทะลุฟ้าและใช้บั้งไฟกับตะไลที่มีอานุภาพรุนแรงเป็นอาวุธ นิสัยที่แท้จริงของโจรบั้งไฟเป็นเพียงชายหนุ่มซื่อๆ คนหนึ่ง แต่ลึกๆแล้วก็มีความแค้นฝังใจตั้งแต่ยังเด็กกลายมาเป็นโจรเพราะต้องการตามหาคนที่ฆ่าพ่อแม่ตน ควบคุมอารมณ์ได้ดีเวลาต้องเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ ไม่เคยคุยกับผู้หญิงจนกระทั่งมาเจออีสาวแต่จะอายมาก เวลาที่ต้องอยู่กันสองต่อสอง

ผู้กำกับพูดถึงเดี่ยว “ คาแรกเตอร์ตัวละครในเรื่องผมก็จะยึดความเป็นจอมยุทธ ความเป็นคาวบอยแต่ก็ผสมผสานความเป็นอีสานอยู่ด้วย อย่างเดี่ยว ชูพงษ์ในเรื่องรับบทเป็นบักเซียงหรือโจรบั้งไฟ เป็นเด็กหนุ่มวัย 26 ปีเป็นคนจิตใจดี ปล้นควายจากนายฮ้อยมาให้ชาวบ้าน ในเรื่องโจรบั้งไฟจะใช้บั้งไฟและตะไลเป็นอาวุธซึ่งก็คือภูมิปัญญาชาวบ้านของคนอีสานที่ทำเพื่อขอฝน ในเรื่องเดี่ยวเขาจะเก่งไม่มีใครกล้าต่อกร พอโจรบั้งไฟปรากฏตัวทุกคนก็จะถอยหนีแต่เป็นคนที่มีปูมหลังเพราะพ่อกับแม่ถูกฆ่า ทำให้ไม่ไว้ใจ ไม่มีเพื่อนคอยตามหาคนที่ฆ่าพ่อกับแม่ตนตลอด อันดับแรกที่ผมเลือกเดี่ยวคือความสามารถทางด้านแอ็คชั่นของเขาที่เล่นได้โดยไม่พึ่งตัวแสดงแทน สองคือเป็นคนอีสาน สามคือตอนที่เดี่ยวมาแคสติ้งปรากฏว่าเขาเล่นได้ทั้งแอ็คชั่นและฉากโรแมนติคครับก็เลยคิดว่าเขาเหมาะ”

ประวัติ วัน-เดือน-ปีเกิด : 23 มกราคม 2524, ส่วนสูง : 170 ซม., น้ำหนัก : 65 กก., ศาสนา : พุทธ

จังหวัด : กาฬสินธุ์, การศึกษา : กศบ. พลศึกษา วิทยาลัยพละจังหวัดมหาสารคาม ปริญญาตรี มศว.

ความสามารถพิเศษ : มวย , ยิมนาสติก , กระบี่กระบอง, งานอดิเรก : เล่นกีฬา , เล่นดนตรี , เล่นกีตาร์

กีฬาที่ชอบ : ฟุตบอล , ตะกร้อ, สถานที่ท่องเที่ยว : ทะเล,ภูเขา, ดาราที่ชอบ : จา พนม , นิโคลัส เคจ

ศิลปินที่ชอบ : เสก โลโซ, แนวภาพยนตร์ที่ชอบ : Action, ภาพยนตร์ในดวงใจ : face off

ความใฝ่ฝัน : อยากทำงานในวงการไปนานๆ , ได้พัฒนาตนเองทำให้ครอบครัวภูมิใจ

ผลงานที่ผ่านมา : ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง “ องค์บาก”, “ เกิดมาลุย”, “ ฅนไฟบิน” และ “ ปืนใหญ่จอมสลัด”

เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุงเข้าวงการ โดยการร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก   หลังจากที่ได้เข้าร่วมพิธีไหว้ครูที่วิทยาลัยพละศึกษา   จังหวัดมหาสารคามกับพันนา ฤทธิไกร และจา พนม   หลังจากภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก เดี่ยว ชูพงษ์ก็ได้เป็นหนึ่งในทีมสตันท์ของพันนา   และด้วยความโดดเด่นทางด้านบุคลิกหน้าตา   และความสามารถทางด้านบทบู๊หลากสไตล  ์พ่วงด้วยพื้นฐานยิมนาสติคและมวยไทย  ทำให้เดี่ยว ชูพงษ์ ได้รับคัดเลือกให้รับบทพระเอกเรื่อง เกิดมาลุย   และประสบความสำเร็จทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อครั้งเดินทางไปโปรโมทยังประเทศญี่ปุ่น ฝรั่งเศสและอเมริกา

 

ปอบดำ ขุนไฟรัตติกาล รับบทโดย พันนา ฤทธิไกร

สิบกว่าปีก่อน มีนายฮ้อยอยู่สองคนที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรไร้เทียมทาน และทั้งสองก็ได้สาบานเป็นเสี่ยวกัน คือ นายฮ้อยดำและนายฮ้อยสิงห์   แต่แล้วทั้งสองก็มีเรื่องบาดหมางใจกัน   นายฮ้อยดำสู้นายฮ้อยสิงห์ไม่ได้   
ถูกอาคมจนกลายเป็นปอบ ที่ชาวบ้านหวาดกลัวและเรียกขานกันว่า ปอบดำ   นิสัยของปอบดำมีความละโมภ เห็นแก่ตัว   ได้อยากเป็นใหญ่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง   มีความแค้นเป็นอย่างมากกับนายฮ้อยสิงห์   
และต้องการแก้แค้นให้ได้ไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตาม

ผู้กำกับพูดถึงพันนา“ ตอนวัยหนุ่ม  ปอบดำเป็นนายฮ้อยมาก่อนเป็นเพื่อนกับนายฮ้อยสิงห์ คือไอเดียแรกของการทำหนังเรื่องนี้ที่คิดไว้คือต้องเป็นคนอีสานที่มีชื่อเสียง พี่พันนาก็เป็นหนึ่งในนั้นคือเขา มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงเมืองนอกเมืองน าและด้วยความที่เป็นพระอาจารย์นักบู๊ และฝีมือก็สูสีกับเดี่ยว ชูพงษ์ และที่สำคัญคือตอนที่ฟิตติ้งและแคสติ้งพี่พันนา เหมาะกับคาแรกเตอร์นี้มา กแม้ว่าจะห่างหายไปนานกว่า 10 ปี แถมยังเล่นบทร้ายได้สะใจผมอีกด้วยครับ ”

พระยาแหว่งจอมโจรไร้สติ รับบทโดย พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์ ( ลีโอ พุฒ

พระยาผู้มองการไกล หลังจากร่ำเรียนจนจบจากอังกฤษก็กลับสยามบ้านเกิดเมืองนอน โดยได้นำเอาเทคโนโลยี่จากอังกฤษกลับมาด้วย ก็คือ รถไถยนต์ แต่เมืองสยามมีวัวควายที่เลี้ยงเอาไว้ทำไร่ไถนาอยู่เต็มไปหมด รถไถยนต์จึงขายไม่ได้ พระยาคุ้มดีคุ้มร้ายท่านนี้จึงต้องกำจัดควายให้หมดไป พระยาแหว่งเป็นคนหน้าตาและผิวพรรณดีแต่เสียดายที่ปากแหว่งเพดานโหว่ตั้งแต่กำเนิด มีหัวทางธุรกิจแต่กะล่อน ทะเล้น เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของชาติ ต้องการกำจัดทุกคนที่ขวางทาง มักมากในกาม มีเมียอยู่แล้วหลายคนแต่ก็ยังต้องการอีสาวเป็นเมียอีก

ผู้กำกับพูดถึงลีโอ พุฒ : “ สิ่งหนึ่งที่ผมอยากได้ในบทของพระยาแหว่งคือต้องหน้าตาและผิวพรรณดี เป็นพระยาฐานะชาติตระกูลร่ำรวย คือในสมัยนั้นคนที่จะไปเรียนเมืองนอกได้ต้องมีฐานะจบมาเป็นพระยา เป็นคนหน้าตาดีแต่พิการ ต้องเล่นทะลึ่งทะเล้นหน่อยซึ่งลีโอ พุฒเขาสามารถเล่นได้ครับ ”

นายฮ้อยสิงห์ คนอาคมไฟ รับบทโดย สามารถ พยัคฆ์อรุณ

นายฮ้อยผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากอีสานจนถึงบางกอก เพราะเป็นคนเก่งกล้าสามารถ มีวิชาอาคมปราบภูตผีปีศาจ และเป็นนายฮ้อยที่นำกองคาราวานค้าควายมาตลอดสิบกว่าปี โดยไม่มีผู้ใดปล้นคาราวานของนายฮ้อยผู้นี้ได้เลย เป็นหนุ่มใหญ่ผู้เคร่งขรึม นิ่ง ไม่เคยกลัวอะไรเป็นคนดีรักลูกน้องทุกคน ไม่เอาเปรียบชาวบ้านไม่อยากเห็นคนผิดลอยนวลไปได้ และไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับปอบดำอีกเป็นครั้งที่สอง

ผู้กำกับพูดถึงสามารถ : “ มีจังหวะหนึ่งตอนที่ถ่าย 7 ประจัญบานภาคสอง พี่มารถสามารถแสดงบทดราม่าได้ ซึ่งแกทำได้ดีและหน้าแกคล้ายๆกับ Clint East wood ( คลินต์ อีสต์ วู้ด ) นักแสดงที่ผมชอบก็เลยคิดว่าจับพี่มารถมาแต่งตัวแบบจังโก้อีสาน ขี่ม้าไว้หนวด ปรากฏว่าดูดีมากเหมือนเรากำลังดูหนังคาวบอยอยู่ซึ่งผมชอบแกนะ ผมว่าแกเท่ห์มาก แต่ก็ติดในเรื่องของภาษาเหมือนกัน ซึ่งผมก็ให้ทีมงานอัดเทปเสียงอีสานไว้ใ ห้พี่มารถฝึกพูดฝึกฟังซึ่งเขาก็ทุ่มเทฝึกซ้อมมากครับ ”

อีสาว หญิงสาวเลือดพรหมจารี รับบทโดย อุ้ย กัญญาภัค สุวรรกูฎ

สาววัยรุ่น ลูกสาวของปอบดำที่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย   เพราะถูกรังเกียจว่าเป็นลูกของปอบดำ   อีสาวเป็นที่หมายปองของพระยาแหว่ง   แต่อีสาวถูกชะตาต้องใจกับบักเซียง หรือโจรบั้งไฟมากกว่า   เพราะต่างเข้าใจและเห็นใจกัน  ตรงที่ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่มีใครคบหาเหมือนกัน และรู้สึกประทับใจในความเป็นลูกผู้ชายของบักเซียง  อย่างที่ไม่เคยได้รับจากชายใด เป็นสาวงามมีเสน่ห์  แต่จะออกโก๊ะๆอยู่บ้าง   เก่งงานบ้านงานเรือน  แต่ในใจก็ยังรู้สึกว้าเหว่ไม่มีเพื่อน   ลำบากใจทุกครั้งเมื่อต้องไปเจอกับชาวบ้าน

ผู้กำกับพูดถึงน้องอุ้ย : “ บทน้องอุ้ยถือเป็นปัญหาใหญ่ในหนังครับ เพราะตอนแรกเรามองหานักแสดงที่มีชื่อเสียง และสามารถพูดภาษาอีสานได้ แต่ก็ยากที่จะทำให้คนดูเชื่อก็หากันนานเหมือนกัน สุดท้ายจึงต้องหานักแสดงหน้าใหม่จนมาได้น้องอุ้ย ตอนแรกก็หวั่นใจ ว่าเขาจะสามารถเล่นได้หรือเปล่า แต่ตอนที่มาแคสติ้ง ปรากฏว่าเขาเหมาะกับบทนี้มาก ก็ลองให้เข้าฉากพระกับนางกับเดี่ยวดูซึ่งปรากฏว่าเหมาะสมกันมากครับ ”

เสือเผ่น องครักษ์ขวาผู้ซื่อสัตย์ รับบทโดย อำพล รัตน์วงศ์ (ซ้าย)

ลูกน้องคู่ใจอีกคนของนายฮ้อยสิงห์ที่มีรอยสักเสือเผ่นที่หน้าอก และมันจะกลายเป็นเสือ กระโจนตะปบศัตรูของนายฮ้อยสิงห์ ยามที่นายฮ้อยสิงห์ใช้อาคมปลุกเสกของในตัวมัน  

ลิงลม องค์รักษ์ซ้ายปราดเปรียวและว่องไว รับบทโดยวิชัย พรหมจรรย์ หรือ ต๋อง ชวนชื่น (ขวา)

ลูกน้องคู่ใจของนายฮ้อยสิงห์ผู้มีรอยสักลิงลมที่หน้าอก ยามมีศัตรูมากล้ำกราย นายฮ้อยสิงห์จะใช้วิชาปลุกเสกของที่อยู่ในตัวมัน แล้วมันจะกลายเป็นลิงลม ห้อยโหนโจนทะยานไปตามต้นไม้ ช่วยกำจัดศัตรูให้นายฮ้อยสิงห์

 

โจรก่องข้าวน้อย เพชรฆาตฟาดไม่ยั้ง

 

โจรผู้รอดจากโทษประหาร เพราะพระยาแหว่งช่วยชีวิตไว้ เพื่อเอาตัวมาใช้งานปล้นวัวควาย และฆ่าพวกนายฮ้อย คุณสมบัติพิเศษของมันก็คือ ยามที่ท้องมันอิ่มมันก็คือคนธรรมดา แต่ยามใดที่ท้องมันหิว มันจะแปรเปลี่ยนเป็นอสุรกายและมีพละกำลังดั่งช้างสาร

 

เกียรติประวัติและผลงานของเฉลิม วงค์พิมพ์

วันเดือนปีเกิด : 26 ตุลาคม 2514

การศึกษา : มัธยม โรงแรมแก่นนครวิทยาลัย จ.ขอนแก่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผลงานการกำกับ : ไนท์ตี้ช็อค เตลิด เปิดโลง, ล่าระเบิดเมือง, 7ประจัญบาน1, ตะเคียน, 7ประจัญบาน2, ฅนไฟบิน   

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.