หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
เก๋า เก๋า The Possible
  สารบัญหน้านี้:   เรื่องย่อ   9 เก๋าที่คุณจะค้นพบ    ผู้กำกับ 'บอล' เผยการสร้างแบบ เก๋า เก๋า     เครดิต
  LINK: แกลอรี่ภาพ      นักแสดงเปิดใจ  
  บทวิจารณ์: ไปดู เก๋า ..เก๋า ได้ตลกแทนที่จะได้หนังเพลง
   
 

9 สิ่งมหัศจรรย์ของ เก๋า.. เก๋า

1.หลังความสำเร็จอันสำเริงสำราญของ แฟนฉัน ผู้กำกับบอล - วิทยา ทองอยู่ยง คือผู้กำกับ 365 Film ที่ชิงสุกก่อนห่ามปลุกปั้นบทภาพยนตร์เรื่องที่สองของตัวก่อนใคร ก่อน เอส เพื่อนสนิท, ก่อน ย้ง เด็กหอ, ก่อน ปิ๊ง หมากเตะ และ ก่อน ต้น Seasons Change แต่ผลลัพธ์ภายใน 2 ปี ล้มไป 4 โปรเจกต์ จนกระทั่ง เก๋า.. เก๋า ก้าวเข้ามาช่วยชีวิต ผู้กำกับบอลจึงหยุดสถิติเขียนบทหฤโหดไว้ที่ 2 ปี 4 เดือน กับอีก 17 วัน...นานไปมั้ยพี่

2.ผลพวงแห่งความปลื้มปิติทำให้ผู้กำกับบอล ผู้มีผมหยิกลอนเป็นเงางามเฉลิมฉลองบทเสร็จด้วยการไถหัวตัวเองเป็น ทรงสกินเฮด เหี้ยนแค่ 2 ซม. แต่เมื่อถ่ายเสร็จ ผม ก็กลับมาหยิกลอนเป็นเงางาม ตามเดิม

3.สงสัยว่าจะเป็นหนุ่มขี้เหงา ขาดเพื่อนแล้วใจเปลี่ยว ผู้กำกับบอลจึงมี "แก๊งสามประสาน" เป็น หนุ่มแร็ปเปอร์ โจอี้ บอย กับ น็อต เพื่อนซี้ และทีมเขียนบทในคอนโทรลอีก 6 คน รวมผู้ร่วมก่อการ เก๋า.. เก๋า รวม 9 ชีวิต...ประชุมทีเปลืองข้าวอิ๊บอ๋าย

4.โจอี้ บอย มีชื่อจริงว่า อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต เกิดปี 2517 อายุ 32 หัดด้นแร็ปมาตั้งแต่ 14 ขวบ คลอดอ ัลบั้มครั้งแรกปี 2537 รวมผลงานเดี่ยวในชีวิต 7 ชุด (5 ในนามเบเกอรี 2 ใต้ก้านคอคลับ) แต่ยังไม่เคยเล่นหนังเลยสักเรื่อง โจอี้ บอย โดน เก๋า.. เก๋า เปิดซิง...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

5. นอกจากโจอี้ มิสเตอร์สโลโมชั่นแล้ว เก๋า ..เก๋า ยังมีนักแสดงในร่างนักดนตรีอีก 2 คนคือ โป้ โยคีเพลย์บอย และ สอง พาราด็อกซ์ ทั้งสามจะย้อนอายุไปยุค 70 สวมวิญญาณเป็น วงสตริงคอมโบ ในตำนานแห่ง ปี 2512

6.วงสตริงคอมโบ คือ วงดนตรีสุดฮิปของขาปาร์ตี้รุ่นพ่อรุ่นแม่ฮิตเล่นในคลับแต่เปิดไลฟ์คอนเสิร์ตในโรงหนัง ประกอบด้วย กีตาร์ เบส กลอง คีย์บอร์ด และเครื่องเป่า-แซ็กโซโฟน ทรอมโบน ทรัมเป็ต โจอี้-โป้-สอง เคลียร์ฟลอร์นำสตริงคอมโบกลับมาสวิงให้เอวหลุดใน พ.ศ. 2549

7.กลัวแฟนหนังเพลงไม่จุใจ โจอี้ & บอล จึงช่วยกันบรรจุเพลงลงไปใน เก๋า ประมาณการณ์ว่าถ้ายังไม่หยุดบรรเจิด กว่าจะถึงวันฉายจำนวนเพลงซาวด์แทร็คน่าจะทะลุ

8.ร่ำรวยนักดนตรี ร่ำรวยเสียงเพลง แล้วยังร่ำรวยนางเอก นางเอกของเก๋าเป็นสาวส องวัย ได้แก่ น้องรถเมล์ คะนึงนิจ (ใบตองจาก วัยอลวน 4) กับ โฟกัส จีระกุล (น้อยหน่า แฟนฉัน) ถูกผู้กำกับบอล โอ้โลมอยู่หมัดจีบขึ้นจอพร้อมกันแน่

9.ทุกสิ่งมหัศจรรย์บังเกิดได้ใน เก๋า.. เก๋า มันคือโปรเจ็กต์ Possible!!

เรื่องย่อ เก๋า..เก๋า

          พ.ศ. 2512 กรุงเทพฯ ในยุคที่หนุ่มสาววัยทีนเมามายกับแสงไฟดิสโก้ยามค่ำคืน การปรากฎตัวของวงสตริงเครื่องเป่า ผู้ประกาศตัวเป็นคณะปฎิวัติแห่งเสียงเพลงได้พลิกโฉมหน้าวงการไปชนิดที่ไม่มีใครคิดว่าจะ...เป็นไปได้

          Possible คือวงสตริงคอมโบที่จุดระเบิดความฮิตไปทุกหัวระแหง คอนเสิร์ตของพวกเขามีอานุภาพรุนแรงขนาดปลุกวัยรุ่นให้ลุกจากเตียงเพื่อไปฟังเพลงได้ตั้งแต่ตีสี่ ต๋อย (โจอี้ บอย) นักร้องนำ มีฝีไม้ลายมือในการแปลงเพลงระดับเทพ เพลงฝรั่งไม่ว่าเจ๋งแค่ไหน ต๋อยบิดเป็นเนื้อไทยได้แจ๋วกว่า ฝรั่งร้อง “Linda Linda I Love You” ต๋อยชงเป็น “ รินมา รินมา ฉันขอรักเธอเมามาย”, ฝรั่งแดนซ์ “You can ring my bell..ell..ll” ต๋อยถอดกางเกงเต้น “ กาง เกง ลิง ลอย ฟ้า อ้า อ้าา”

          สมาชิกในวงไม่ว่า โบ้(โป้ โยคี เพลย์บอย) มือกีต้าร์, สอง(สอง พาราด็อกซ์) มือเบส, น๊อตมือคีย์บอร์ด และ เบ๊ (โบ โอโซน – ดีเจ EFM. )มือกลอง ต่างเอ็นจอยกับชีวิตซุปเปอร์สตาร์นิสัยเสียไปวันๆ Possible ถือมติ - ไม่ซ้อม มาสาย เมาเหล้า มั่วคิว และหม้อหญิง โอ้! ชีวิตอะไรมันจะน่าอิจฉาขนาดนี้ พวกเขากำลังจะได้เข้าอัดแผ่นเสียงเพื่อบัญญัติความดังไว้เป็นอมตะ Possible จึงหยิ่งผยองในความเป็นหนึ่งและ ’ รมณ์เสียสุดๆ ที่มีวงน้องใหม่ชื่อ The Impossible ผุดขึ้นมาแย่งความสนใจ

          กระทั่งวันหนึ่ง Possible ได้รับไมค์เด็กเล่นเป็นของขวัญจากแฟนเพลงลึกลับ ต๋อยและเพื่อนๆ สมาชิกหัวเราะให้กับไอเดียบรรเจิดนี้อย่างสนุกสนานและถือมันติดมือขึ้นเวทีไปด้วย แล้ว...สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ในคอนเสิร์ตเปิดโรงหนังพระโขนง ซีเนม่า ไมค์สีชมพูหวานจ๋อยอันนั้นส่ง Possible วาร์ปข้ามเวลามาปี 2549!!!           ย้ำ 2549 พ.ศ.ที่วัยโจ๋อินกับพี่ตูน ขาเดฟ, คลั่งฮิปฮอป บุดดาเบสต์, กรี๊ดพี่เบิร์ด ธงไชยวิลเลจ   พ.ศ.ที่ดนตรีสตริงคอมโบกลายเป็นไดโนเสาร์ และวง Possible สุดมะ มีค่าเท่ากับวงบ่อจี๊ที่ไม่มีใครรู้จัก กรุงเทพฯ ไม่ใช่ที่ทางของพวกเขาอีกต่อไป Possible ต้องรีบหาทางกลับอดีตด่วนจี๋ และวิธีนั้นมีทางเดียวพวกเขาจะต้องระดมแฟนเพลงมารวมตัวกันเล่นดนตรีเพื่อจุดพลังให้ไมค์ทำงานอีกครั้ง

          แต่ในเมื่อปัจจุบันเทคนิคการแปลงเพลงอันเอกอุกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ซ้ำร้าย Possible ยังถูกตราหน้าว่าเป็น The Impossible เวอร์ชั่นแผ่นผีเข้าไปอีก แล้วจะให้ Possible เปิดคอนเสิร์ต?

          มันจะ...เป็นไปได้เหรอเนี่ย !

บอล-วิทยา เปิดฟลอร์ บรรเลง เก๋า..เก๋า

 

ปล่อยให้เพื่อนๆส่งผลงานออกมากันแบบครบทีม ไม่ว่าจะเป็น เอส-เพื่อนสนิท ย้ง-เด็กหอ ต้น- Seasons Change และ ปิ๊ง-หมากเตะ..รีเทิร์นส วันนี้ บอล ขอปิดท้ายกลุ่ม 365 Film ด้วยภาพยนตร์ เก๋า..เก๋า ที่เขาบอกว่า เหมือนพรหมลิขิต มั่กๆ

“ หลังจากภาพยนตร์ แฟนฉัน แล้ว ผมก็อยู่กับอารมณ์ประมาณว่าเรื่องนี้ก็อยากทำ เรื่องโน้นก็อยากทำ พอเสนอพี่เก้ง แล้วสักพักก็หายไป หลายโปรเจกต์มาก แต่มันไม่มีสเตปที่สองสักเรื่อง ระหว่างนั้นเพื่อนๆก็ทยอยเปิดหนังของตัวเองไปทีละคน จนพี่เก้งแซวว่านี่จะมางานบวงสรวงหนังของเพื่อนให้ครบก่อนใช่ไหมถึงจะลงมือทำ เราก็เลยหายไปประมาณปีนึงไปเก็บตัวอยู่ต่างจังหวัดเพื่อทำบท แต่พอมันไม่ได้อยู่ในวงจรหรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นการทำหนังมันก็จะออกอาการแบบว่าตื่นมาก็ดูหนัง ไปสังสรรค์ปาร์ตี้เรื่อยๆไม่มีอะไรบังคับ ใช้เวลานานมาก เจอพลอตเรื่องแล้วก็ใกล้ถึงเวลาที่สัญญากับพี่เก้งไว้ว่าจะหายไป6เดือน แล้วจะกลับมา เพื่อเป็นการรักษาสัญญาเราก็เขียนเท่าที่เวลาจะอำนวย เขียนออกมาได้ประมาณ 3 แผ่น พี่เก้งก็ดูให้ แล้วก็บอกว่าชอบตรงนี้เดี๋ยวเอาไปพัฒนาต่อ พอพี่เก้งบอกอย่างนี้เราก็บอกว่า ถ้าอย่างนี้ผมต้องใช้เวลาเป็นปี พี่เก้งก็เลยบอกว่า งั้นผมมีโปรเจกต์ของโจอี้ บอย มาเสนอ ตอนที่พี่เก้งเล่าให้ฟังมันรู้สึกขนลุก เพราะมีบางช่วงตรงกับเรื่องที่ผมเขียนพอดี อาจจะไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่มันสามารถเอามาใส่ได้เลย ก็เลยสนใจมาก มันเหมือนอะไรบันดาลสักอย่างให้เราต้องทำโปรเจกต์นี้ เราก็คันไม้คันมืออยากทำหนังมานานแล้ว ตอนแรกก็อาจจะเกร็ง ๆตรงที่เป็น โจอี้บอย เป็นพี่โป้ โยคีเพลย์บอย เป็นสอง พาราดอกซ์ นี่แหละ เพราะเราชอบผลงานเพลงของเขาด้วย อย่างพี่โป้เนี่ยชอบ แบบติดตามผลงานของเขามาตลอด ไม่เคยเจอไม่เคยคุยกันแต่เสียตังค์ไปดูคอนเสริต์เขา คือมันก็เป็นอีกโจทย์หนึ่งที่เราว่ารู้สึกมันท้าทายดี ”

หลังจากตกลงปลงใจที่จะร่วมหัวจมเก๋ากับโปรเจกต์นี้ เขาก็เริ่มรักษาอาการคันไม้คันมือด้วยขั้นตอนการเขียนบท   และการหานักแสดงที่ยังไม่มีใครมาทำหน้าที่เก๋า

“ ทีมเขียนบทมีน้องๆหลายคน คือถ้าผมคิดจะทำหนังเรื่องนี้ต้องเฟดตัวเองออกจากเรื่องการเขียนบทเพื่อมาอินกับเรื่องกำกับ แต่ทุกอย่างยังเป็นไอเดียเรา แต่จะลงมือน้อยลงจะเป็นแนวนั่งประชุม นั่งคุยกันมากกว่า พี่เก้งเป็นคนหาทีมเขียนบทมาให้เป็นรุ่นน้องที่นิเทศจุฬาฯ ที่เราเคยได้ดูหนังสั้นที่พวกเขาทำ ซึ่งทุกคนบอกว่าเห็นหนังสั้นของเขาแล้วนึกถึงงานของผม บางคนถึงกับบอกว่าหนังสั้นของเขาที่ได้ฉายทางทีวี ดูแล้วนึกถึงแฟนฉัน พอได้คุยกันมันก็เป็นทางเดียวกัน    แต่เรื่องนี้เราขอสิทธ์ในการเลือกที่จะเอาหรือไม่เอาตรงไหน แต่แฟนฉันเราต้องใช้วิธีถกเถียงเอา เรื่องนี้เราแชร์ไอเดียกัน อันนี้ดีเอา ถึงจะไม่ใช่ไอเดียของเราก็ตาม แต่ว่าเราเลือกไงในขณะที่แฟนฉัน ต่อให้ไม่ใช่ของเราแล้วเราชอบแบบนี้ เราก็ต้องเถียงกับอีกคนที่ชอบอีกแบบ คือมันเถียงกันตลอด เรื่องนี้ขั้นตอนการเขียนบทมันก็จะไวขึ้น แต่ว่าของมันก็จะหลากหลายขึ้น เป็นโมเดลการเขียนบทอีกแบบหนึ่ง อาจจะไม่ดีที่สุดแต่เวิร์คสำหรับโจทย์แบบที่มีนักแสดงวางอยู่แล้ว

ส่วนขั้นตอนการคัดเลือกนักแสดง ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ตั้งใจมากๆ และคนที่เราต้องมาหาเพิ่มก็คือมือกลอง นางเอกสองคน และอาอู๋ เริ่มจากโฟกัส พอเริ่มเขียนบทก็นึกถึงเขาเลย ส่วนรถเมล์เราเขียนบทขึ้นมาจากตัวน้องเขา ต้องรถเมล์เท่านั้น แล้วมันมีช่วงหนึ่งที่อาจจะไม่ได้น้องเขาเล่นเพราะติดเรื่องคิว ตอนนั้นเราก็ลองหาใหม่ประมาณ 40-50 คนก็ยังไม่ได้ จนมาชอบคนหนึ่งแล้วคือจะยอมได้แล้ว แต่จะมาปรับถ้ารถเมล์ไม่ได้เล่นแน่ๆ สุดท้ายเราก็เคลียร์ปัญหาตรงรถเมล์ได้ เราก็โล่งอกเพราะคาแรคเตอร์น้องเขามันใช่เลย เวลางอแงน่ารัก แต่เวลาดุเราก็จะไม่กล้าหือเพราะตาเขาดุ ถ้าเราเป็นคนในของวงแฟนเขา เราก็จะไม่กล้าแซวคู่นี้เพราะเกรงใจ อีกหนึ่งคนที่สำคัญมากก็คือตำแหน่งมือกลองของวง เนื่องจากนักแสดงทั้งหมดเล่นดนตรีได้ เราก็เลยคิดว่าน่าจะได้มือกลองจริงๆมาเล่น ก็เลยโกมาทางมือกลองอาชีพก่อนคัดเลือกจากมือกลองของทุกวงทั้งที่ออกเทปและเล่นตามผับ ส่วนมากเจอแบบหน้าตาไม่ได้แต่เล่นเก่งมาก เราก็เลยกลับมาคิดว่าหรือจะเอาหน้าได้ คาแรคเตอร์ได้ แล้วค่อยมาฝึกตีกลอง เราก็เลยมาดูที่หน้าตาแทนเอาแบบหน้าหยกหน้ามน เพราะมันต้องเป็นปมด้อยในอดีตหน่อยๆ เพราะเทรนด์หน้าตาสมัยก่อนเขาจะชอบแบบเข้มๆ แบบพระเอกหนังไทยสมัยก่อน เราก็เลยตั้งโจทย์ไว้ว่ามันต้องดูตี๋ๆหน่อย เพราะในอดีตไม่เป็นที่นิยม แต่ทันทีที่ข้ามมายุคปัจจุบัน เทรนด์มันเปลี่ยนไป แล้วสาวๆยุคปัจจุบันจะชอบแบบตี๋ๆ เกาหลี สไตล์ญี่ปุ่น เราเลยเกณฑ์มาหมดแล้วให้คนช่วยเลือกว่าคนไหนหล่อ เอาแค่เวลาตีกลองแล้วเราสมารถยิ้มไปกับเขาได้ ผลออกมาค่อนข้างเอกฉันท์ว่าเป็นโบ-โอโซน

หลังจากนั้นก็ต้องมาฝึกเรื่องการตีกลอง เราได้ครูสอนคนเดียวกับ Seasons change แล้วก็ยกกลองที่ใช้ในภาพยนตร์ Seasons change ไปไว้ที่บ้านโบ ให้ซ้อมตีทุกวัน โบมีพัฒนาการที่ค่อนข้างดี อาจจะเป็นเพราะเคยเป็นนักร้องมาก่อนด้วย เลยมีเซนท์ของการฟังดนตรี เพี่ยงแต่ในเรื่องภาพมันไม่ได้โชว์ ตอนโบตีกลองแต่จับเป็นบางช่วงมากกว่า ภาพที่ออกมาก็โอเคมาก ”

นอกจากการคัดเลือกนักแสดงแล้ว เก๋า..เก๋า ยังมีความโดดเด่นเรื่องของแฟชั่น เพราะเป็นภาพยนตร์ที่ย้อนกลับไปเมื่อปี 2512 ซึ่งเป็นยุคที่ผู้คนต่างหลงใหลกางเกงขาบานสีแสบสันเสื้อรัดติ้ว และรองเท้าส้นตึกที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะบรรจุให้อยู่ในชีวิตประจำวันได้

“ จริงๆเรามีที่ปรึกษาด้านนี้คือพี่อู้ดวง The Impossible พอดีว่าช่วงทำบทมันมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวง Impossible พอดี เลยมีโอกาสได้เข้าไปขอข้อมูล ก็เลยตั้งใจไว้ว่าขั้นตอนช่วงโปรดักชั่นเราก็จะรบกวนพี่อู้ดอีก เพราะนักแสดงของผมชีวิตปัจจุบันเขาเป็นฮิพฮอพ ร้องเพลงส่ายสะโพก ร้องเพลงแต่งหญิง ขั้นแรกต้องส่งไปล้างภาพคือต้องพูดจาให้เป็นคนโบราณ ขยับสเตปหรือเต้นให้เป็นคนโบราณ เคยคิดจะติดต่อวง The Impossible ทั้งวงมามาร์คที่ละคนเลย ก็เลยปรึกษาพี่อู้ดไปก่อน วันหนึ่งนัดมาซ้อมวง ก็เห็นว่าพวกเขามีวิญญานของนักดนตรีอยู่สูงมา เวลาที่อยู่กับชุดอยู่กับเครื่องดนตรีในยุคนั้นท่าทางที่เขาพรีเซนท์ออกมามันเหมือนคนยุคนั้นเลย    เราก็รู้สึกว่าไม่น่ามีปัญหาแล้ว มันถูกใจแล้ว ยิ่งพอเปิดเพลงยุคนั้นแล้วพวกเขาเล่นกันมันก็ยิ่งใช่ ผมรู้สึกว่านักแสดงชุดนี้เขาเป็นวง Possible แล้ว จริงๆดูเหมือนเขาจะเป็นนักดนตรีซุปเปอร์สตาร์แต่สำหรับหนังทุกคนก็ใหม่หมด จากที่เราเคยกังวลว่าเขาเป็นระดับซุปเปอร์สตาร์แล้วเราเป็นใครก็ไม่รู้ พอมาเจอกันแล้วเขาก็เชื่อเรานะ    เราก็ทำงานกันลื่นๆส่วนเรื่องเสื้อผ้าเราก็ศึกษาจากปกเทปเก่าๆ เอามาวางๆ ดูพร้อม ทั้งปรึกษาพี่อู้ดไปด้วย ซึ่งพอพี่เขาเห็นชุดที่เราทำ ยังบอกว่าสมัยผมแรงกว่านี้สีสันจัดกว่านี้อีก เราว่าเราเลือกสีชมพูที่คิดว่าแรงแล้วนะ พี่โป้จะใส่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ปรากฎว่าพี่อู๊ดบอกว่าสมัยผมสีจัดกว่านี้อีก ถ้าสีส้มก็ส้มแปร๋นเลย เราก็เลยลุยทำกันแบบเต็มที่ตามคำแนะนำของคนยุคนั้นเลย ”

เมื่อฟอร์มทีม เสื้อผ้า หน้าผม เรียบร้อยแล้วก็มาถึงช่วงการดำเนินการถ่ายทำที่ไม่ว่าผู้กำกับระดับเก๋าแค่ไหนก็ต้องเจอปัญหาทั้งนั้น ในกองถ่ายทำ เก๋า..เก๋า ก็ต้องมีปัญหาตามกระแสกับเขาบ้าง

“ พื้นฐานของนักแสดงเหล่านี้คือเขาทำงานกลางคืน ถ้าไม่เล่นดนตรีกลางคืน ก็อัดเพลงแต่งเพลงกลางคืน แต่หนังเนี่ยมักจะเริ่มถ่ายทำแต่เช้า นัดกองถ่ายประมาณตี5ช่วงแรกๆก็จะใช้วิธีไปรับถึงบ้านของแต่ละคน จะเอาหมอนเอาเตียงมายังไงก็ได้ขอให้ไปนอนรอที่กองถ่ายก่อน เพราะหนังเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ว่าด้วยวงนี้ ทุกวันต้องมากันครบทุกคนขาดไม่ได้ ก็จะมีแค่ปัญหานี้ในช่วงแรกที่ขาดไม่ได้รอกันไม่ได้บ้าง ช่วงแรกก็จะมีเขินกันบ้าง แต่สุดท้ายด้วยความที่เป็นคนดนตรีเหมือนกัน พอสนิทกันมากขึ้น ซักพักก็ปรับตัวได้ดูเป็นวงดนตรีเดียวกัน หลังๆมาระหว่างรอถ่ายทำ แต่ละคนก็จะเริ่มมีกิจกรรมมาทำบ้าง อย่างพี่โป้ก็เริ่มเอากีต้าร์มาแต่งเพลง เริ่มตั้งวงเล่นไพ่ ก็มีบางที่แอบเหนื่อยเพราะเวลาถ่ายทำเอ็มวีเพลงหนึ่งใช้เวลาแค่ 2 วันแต่ถ่ายทำหนังมันเหมือนถ่ายทำเอ็มวี 30 เพลงเลย

เรื่องการแสดงของแต่ละคนไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะเราเริ่มต้นเขียนบทจากตัวพวกเขา เรามีนักแสดงก่อนเขียนบทเพราะฉะนั้นมันก็จะค่อนข้างที่จะช่วยเขาในเรื่องการแสดงประมาณหนึ่งอยู่แล้ว ทุกคนก็เลยสบายๆเล่นตามคาแรคเตอร์ของตัวเอง ช่วงหลังมันก็เริ่มเป็นเรื่องของความผูกพันมากกว่าทั้งนักแสดงและทีมงาน อย่างในเรื่องจะมีคนแก่เล่นประมาณ 3-4 คนนักแสดงก็จะเริ่มรู้สึกว่าคนแก่เป็นญาติผู้ใหญ่ พอเขาป่วยเพราะถ่ายดึกมากๆพวกเขาก็จะเริ่มปรับตัวเอง เริ่มช่วยเหลือคนแก่ ประมาณว่าไม่เป็นไรฉากนี้ผมพูดแทน ลุงนั่งก่อน ตอนซ้อมลุงไม่ต้องมามาร์คเดี๋ยวผมจำตำแหน่งให้ รักกันเหมือนปู่ ย่า ตา ยาย เป็นอีกมุมหนึ่งที่อบอุ่นดี ”

เมื่อถามถึงฉากที่ผู้กำกับอารมณ์เก๋าประทับใจ เจ้าตัวอมยิ้มพร้อมกับส่งสายตาเปล่งประกายความสุขว่า “ ผมชอบ ฉากที่สนามบิน ตอนที่แอร์โฮสเตสเต้นออกมาทีละคนเพลงมันเพราะมาก มันดูน่ารักดี มันเป็นการถ่ายทำที่มีความสุขทั้งกองถ่าย ไม่ว่าจะเป็นทีมไฟ ช่างแต่งหน้า-ทำผม พวกเขาทำงานไปเต้นไป โยกไปตามจังหวะเพลง พอถ่ายทำจบทีมงานทุกคนจะร้องเพลงในหนังได้เลย เวลาถ่ายทำซีนที่เป็นเพลงพวกเราจะทำงานกันแบบมีความสุขมาก หนังเรื่องนี้เป็นหนังเพลง โมเดลของเพลงมันจะเป็นเพลงฝรั่งที่มาใส่เนื้อไทย โจ้อี้ เขาเลือกเพลงมาเยอะมากเราก็มานั่งเลือกกันว่าเพลงไหนฟังแล้วติดหูหรือเคยได้ยินสมัยเด็ก แล้วโจ อี้ จะเป็นคนใส่เนื้อไทย เขาแต่งเพลงอะไรเสร็จเขาก็จะบอกเรา เราก็จะหาวิธีคิดที่จะใส่ลงไปในหนัง เราตั้งใจทำกันแบบสุดๆเพราะมีมือดีที่เขียนเพลงเก่งระดับเก๋าด้วยกันทั้งคู่ทั้งพี่โป้และโจ อี้ ทำให้เราได้เพลงดีๆเพราะๆเยอะมาก ”

หลายคนที่ได้ยินชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ คงจะสะดุดหูและสงสัยว่าทำไม ต้องเป็น เก๋า..เก๋า เรื่องนี้ผู้กำกับบอลรีบชี้แจงว่า “ มันเหมือนความคิดรวบยอด พอคิดแล้วมันก็เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราจะเล่าด้วย จริงๆคำว่าเก๋ามาจาก คุณวิสูตร ที่คิดเป็นภาพโปสเตอร์หนังก่อนว่าถ้านักแสดงนำทั้ง 5 คน อยู่ในชุดเชยๆแต่มาโผล่อยู่กับแบลคกราวด์ที่ทันสมัยเป็นตึกละฟ้า รถไฟฟ้า แล้วก็ยังนึกถึงคำว่าเก๋ากึก พอเราคิดถึงคำว่าเก๋าแล้วความหมายมันไปได้ไกลกว่านั้น ส่วนที่ต้องเป็น เก๋า..เก๋า สองครั้ง เพราะวงนี้ไม่ได้เก๋าแค่ในอดีตไง ยังตามมาเก๋าในยุคปัจจุบันด้วย อดีตว่าเก๋าแล้ว ปัจจุบันเก๋ากว่า ทุกอย่างก็เลยเป็นที่มาของเก๋า..เก๋าครับ ”

ความตั้งใจจริงที่จะสร้างภาพยนตร์คุณภาพ ในแบบฉบับที่เขาและเจ้าพ่อโปรเจกต์อย่างโจอี้ บอย ตั้งใจจะเห็น น่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้คอหนังไทยได้บริโภคหนังย้อนยุคมันๆอย่างเก๋า..เก๋า ได้อย่างรื่นเริง

ผมอยากให้คนที่ได้ดูรู้สึกสนุกเวลาดู ตอนที่เขียนบทผมไม่ได้คิดว่าคนดูจะได้อะไร แต่พอเห็นเป็นหนังแล้วมันมีเรื่องของคำว่าเก๋าเข้ามาเกี่ยวข้อง ปีนี้เราจะได้ยินคำว่าเก๋ามากเป็นพิเศษ เช่น ซีดานมันเก๋าที่พาฝรั่งเศสมาได้ถึงขนาดนี้ ครม.ก็เป็นครม.เก๋า ผมยังแอบคิดว่าสงสัยปีนี้คงเป็นปีของเก๋าแล้ว จะมีคำพูดในหนังประมาณว่าคนเก๋า มันเจ๋งยิ่งกว่าคนเก่ง เหมือนความนิยมของนักดนตรีใครมีแฟนเพลงเยอะก็คือวงที่เก่ง แต่ใครรักษาแฟนเพลงไว้ได้เขาเรียกว่าเก๋า เหมือนการเป็นแชมป์ที่ว่ายากแล้วแต่การรักษาแชมป์มันยากกว่า มันทำให้เราย้อนกลับมาคิดว่าชีวิตนี้เราจะได้ถูกตราหน้าว่า บอลมันเก๋าหรือเปล่าเราจะมีโอกาสแบบนั้นไหม เพราะรู้สึกว่าคำว่าเก๋ามันยิ่งใหญ่ ใครที่ได้ขึ้นชื่อว่าเก๋านี่สุดยอดเลย ”

อำนวยการสร้าง GTH (จิระ มะลิกุล ยงยุทธ ทองกองทุน   เช่นชนนี สุนทรศารทูล   อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต)

ผู้กำกับภาพยนตร์ วิทยา ทองอยู่ยง

ผู้กำกับภาพ ประภพ ดวงพิกุล

ผู้ลำดับภาพ วิชชา โกจิ๋ว

ผู้กำกับศิลป์ บริษัท เซนต์อาร์ต จำกัด

ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอกศิษฎ์ มีประเสริฐกุล

ทีมนักแสดง เก๋า สมทบ

เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง (อาเกรียง) รับบท อู๋

สันหณัฐ มาตุเรศ รับบท (อเนก ตอนหนุ่ม)

พนม ศิริสุวรรณ รับบท (อเนก ตอนแก่)

วิฑูรย์ ลิ่วลักษณ์ รับบท (จ๊อด ตอนหนุ่ม)

วิโรจน์ สายะวัฒนะ รับบท (จ๊อด ตอนแก่)

นนรัณย์พัชร ศรีทองมาศ รับบท (อำนวย ตอนหนุ่ม)

 

แกลอรี่ภาพ

 

 

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.