สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 5 ยุทธหัตถี
  LINK : หน้าหลัก ตำนานสมเด็จพระนเรศวร
   
 

 

กับเรื่องราวที่ดำเนินต่อซึ่งเต็มไปด้วยความเข้มข้นอย่างถึงขีดสุดที่เกิดขึ้นกับทั้งสองแผ่นดิน ทั้งฝั่ง อโยธยา และหงสาวดี อันนำไปสู่มหาศึกยุทธหัตถี หลากหลายชะตากรรม ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทุกตัวละคร กับภาพยนตร์แอ็คชั่นอิงประวัติศาสตร์ที่เข้มข้นที่สุด ครบทุกอารมณ์ พร้อมการถ่ายทอดการแสดงสุดเยี่ยม ของเหล่านักแสดงระดับตำนานทั่วฟ้าเมืองไทยไม่ว่าจะเป็น “สมเด็จพระมหาธรรมราชา” (พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรฯ) จากพระเอกตลอดกาล ฉัตรชัย เปล่งพานิช, โศกนาฎกรรมอันน่าเศร้าใจที่เกิดขึ้นกับ “สมเด็จพระสุพรรณกัลยา” การแสดงระดับขึ้นหิ้งของ เกรซ มหาดำรงค์กุล (พระพี่นางของสมเด็จพระนเรศวรฯ ซึ่งตกเป็นองค์ประกันแทนพระองค์), ชะตากรรมที่ดำเนินต่อของ “พระราชมนู หรือ บุญทิ้ง” โดย ปีเตอร์ นพชัย (พระสหายคู่ใจที่ร่วมกรำศึกใหญ่น้อยเคียงบ่าเคียงไหล่สมเด็จพระนเรศวรมาทั้งชีวิตหลังถูกจับเป็นเชลยในศึกนันทบุเรง)

ที่มาของ เจ้าพระยาไชยานุภาพ (เจ้าพระยาปราบหงสาวดี) ช้างทรงศึกยุทธหัตถี ของสมเด็จพระนเรศวรพร้อมกับบทสรุปของ “ไอ้ขาม” ขีดสุดพลังการแสดง ต๊อก ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ (ชายบ้าใบ้ที่ได้เข้ามารับใช้ถวายงานเป็น “คชบาล” ร่วมกรำศึกแห่งประวัติศาสตร์), “พระเจ้านันทบุเรง” จากการแสดงแบบทุ่มสุดตัวของ จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ ความฮึกเหิมอย่างถึงขีดสุดเพื่อต้องการเอาชนะศึก และหมายพิชิตอโยธยา “พระมหาอุปราชา” บทท้าทายทางด้านการแสดงโดย ตั๊ก นภัสกร มิตรเอม ถึงขนาดยกทัพและเกณฑ์ไพร่พลนับแสนจากหงสาวดีมาถล่มอโยธยา, “พระมหาเถรคันฉ่อง” กับการแสดงไร้ที่ติของพระเอกตลอดกาล สรพงษ์ ชาตรี (ยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะพระอาจารย์ผู้ให้ความรู้คำปรึกษาทั้งกลยุทธ์การศึกสงคราม ตลอดจนทัศนคติมุมมองในการดำรงตนในฐานะกษัตริย์นักรบผู้ดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรมและเป็นที่รักของประชาราษฎร์เสมอมา), พัฒนาการแห่งสายสัมพันธ์ที่ดำเนินไปของ “มณีจันทร์” กับความงดงามสุดลงตัวโดย ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ (พระสหายคู่ใจหญิงอันเป็นที่รักของกษัตริย์ผู้หาญกล้าแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทย จนท้ายที่สุดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระมเหสีคู่ชีวิตที่อยู่เคียงข้างสมเด็จพระนเรศวรฯ)

แน่นอนว่าใน “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 5 : ยุทธหัตถี” เราจะยังคงได้เห็นพระปรีชาสามารถในการกรำศึก คิดค้นยุทธวิธีในการรบ ตลอดจนทักษะความสามารถการคิดอ่านเป็นเลิศในกลเกมวางแผนการรบ รวมไปถึงอัจฉริยภาพ และความเด็ดเดี่ยวในฐานะกษัตริย์อันเป็นที่รักของประชาชนที่เต็มไปด้วยความเสียสละพาประเทศผ่านพ้นภัยสงครามธำรงไว้ซึ่งผืนแผ่นดินความเป็นไทยตราบจนถึงทุกวันนี้ รวมไปถึงสายใยความรักความผูกพันและด้านความอ่อนโยนของพระองค์ ที่ทรงมีต่อพระราชบิดา, พระพี่นาง ตลอดจนพระสหาย และไพร่ฟ้าประชาชนของพระองค์และผืนแผ่นดิน ในบทบาทที่เรียกได้ว่าท้าทายที่สุดในชีวิตทางด้านการแสดงของ ผู้พันเบิร์ด วันชนะ สวัสดี

เบื้องหลังการถ่ายทำ

 

 

ในการถ่ายทำ ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 5 ตอนยุทธหัตถี โดยท่านมุ้ยได้เดินทางไปนิวซีแลนด์ เพื่อให้บริษัทของปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับภาพยนตร์ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง ร่วมคิดหาแนวทางที่ดีที่สุดในการนำเสนอ เพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้ชมอย่างเต็มที่

การถ่ายทำฉากยุทธหัตถีมีรายละเอียดมากมาย ตั้งแต่การจินตนาการให้ตัวหนังสือจากพงศาวดารต่างๆ ออกมาเป็นภาพนิ่ง (Production Paint) และขยายต่อเป็นภาพเคลื่อนไหวของการชนช้าง ซึ่งไม่เคยมีปรากฏมาก่อน หลังจากนั้นต้องคัดเลือกช้าง ฝึกช้าง ฝึกซ้อมนักแสดงให้เคลื่อนไหวบนหลังช้าง นำเทคนิคด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกต่างๆ เข้ามาประกอบ การถ่ายทำโดยการใช้ Motion Capture ฯลฯ ทุกอย่างต้องพิถีพิถันให้ดูสมจริง ทั้งยังต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับฉากนี้ โดยตลอดระยะเวลาที่เตรียมการและถ่ายทำนั้น เมื่อมีปัญหาหรือข้อสงสัยก็ได้ปรึกษากับริชาร์ด เทย์เลอร์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Weta และเป็นผู้ช่วยของ ปีเตอร์ แจ็คสัน มาช่วยประสานงานและจัดการเรื่องการขอคำปรึกษาในครั้งนี้ด้วย

“แจ็คสันเป็นเพื่อนที่ช่วยคิด ให้คำแนะนำ ตลอดจนส่งทีมงานมาถ่ายทอดโนว์ฮาวเกี่ยวกับการสร้างฉากต่างๆ มาตั้งแต่ก่อนเริ่มลงมือถ่ายทำภาคแรก ทำให้เราใช้เวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายน้อยลงอย่างมาก ถึงตอนนี้ก็อยากปรึกษาเรื่องเทคนิคให้ฉากยากๆ อีกหลายฉากของภาคจบนี้ออกมา ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะเท่าที่ถ่ายทำไว้แล้วก็ยังรู้สึกว่าน่าจะมีวิธีการหรืออะไรที่ดีกว่านี้ โดยเชื่อมั่นว่าจะมีแนวทางที่น่าสนใจจากประสบการณ์ของเขา ถ้าต้องใช้งบประมาณมากเราก็จะนำแนวคิดนั้นมาปรับประยุกต์ให้เหมาะสมกับข้อจำกัดในการทำงานของเราได้” ท่านมุ้ยกล่าว

 

ผู้พันเบิร์ด วันชนะ สวัสดี

เราจะได้เห็นอีกมุมๆ หนึ่งของพระนเรศวรที่เป็นคนธรรมดา เป็นฉากที่ท่านตั้งใจถ่ายทอดความรักของเพื่อนสนิทที่เคยเป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก เคยร่วมเป็นร่วมตายเคยเสียสละชีวิตของมันเพื่อเรา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราแลกกับมันได้ คืออะไรรู้ไหมครับ คือชีวิตของเรา เราให้กันด้วยชีวิต ให้กันด้วยจิตใจ ภายใต้ความเป็นเพื่อนและความเป็นนักรบ ผมเชื่อว่านักรบมีความเป็นสุภาพบุรุษ พอเราแลกกันด้วยชีวิตแล้ว ฉากนี้ภาพยนตร์พยายามที่จะแสดงออกให้คนดูได้เห็นถึงความเป็นคนธรรมดาของพระนเรศวร ความเป็นตัวตนของคนธรรมดาคนหนึ่งเพื่อไปหาบุญทิ้ง แต่ความจงรักภักดีที่บุญทิ้งมีต่อพระมหากษัตริย์ไม่แปรเปลี่ยน ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเพื่อนกันมาก่อน พระนเรศวรเป็นคนธรรมดามาหาบุญทิ้ง แต่บุญทิ้งไม่แสดงความเป็นเพื่อนเลยนะ บุญทิ้งคือสหายคือเพื่อนสนิท แต่ความจงรักภักดีที่บุญทิ้งมีให้ต่อพระนเรศวร คือความเป็นข้ารองบาทที่แสดงออกแบบบ่าวรับใช้ที่พร้อมจะพลีกาย

 

 

ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม

“สำหรับปีนี้ปีที่ 10 แล้วสำหรับบทออกพระราชมนู จากครั้งแรกที่ผมได้เข้าไปฝึกซ้อมอะไรต่างๆ จนกระทั่งได้เห็นบทของตัวละครนี้ ที่มีความจงรักภักดีร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระองค์ท่าน รู้สึกบทนี้มันน่าสนใจดีแต่ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะมีโอกาสได้รับบทนี้ ก็ดีใจมากที่เราจะได้เป็นผู้ช่วยพระองค์ดำ ออกไปร่วมรบนะครับ สำหรับเรื่องความผูกพันกับตัวละครออกพระราชมนู ผมและเพื่อนๆ นักแสดงได้มีโอกาสทำการฝึกซ้อมต่างๆ แล้วก็ทำความเข้าใจกับบทกับตัวละคร โดยเฉพาะกับบทบุญทิ้ง หรือออกพระราชมนู ซึ่งต้องบอกว่าไม่เหมือนบทอื่นๆ คือตัวผมจะรู้สึกตลอดว่าเวลาเราแสดงบทไหน ก็จะมีคาแรคเตอร์เฉพาะตัวใช่มั้ยครับ แต่สำหรับบทนี้ ด้วยความที่ตัวละครตัวนี้มีความรักพระนเรศด้วย มีความรักชาติด้วย ทำให้ตัวละครตัวนี้แตกต่างมากๆ แล้วเราก็อยู่กับมันมานานแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันมีประสบการณ์ร่วมกับตัวละครเยอะ ในฉากยากๆ ต่างๆ นะครับ ที่เราต้องอาศัยกำลังใจเยอะ ทั้งฉากที่เราทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วก็เวลาที่เราพักถ่ายเราก็ยังคิดถึงตัวละครตัวนี้ แล้วก็ตัวละครอื่นๆ ด้วยนะ แล้วผมยังเชื่อมั่นว่าคงหาภาพยนตร์ที่ทำให้ได้แบบนี้ยาก ทั้งในแง่ของความยากในการถ่ายทำ และการตีความอะไรต่างๆ เป็นเป็นภาพยนตร์ และเป็นตัวละครที่ผมภูมิใจมาก”

 

 

แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ (เตชะณรงค์)

สำหรับบุคลิกของตัวละครเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ส่วนใหญ่แล้วที่ผ่านมาแอฟมักจะได้รับบทบาท ที่เป็นแบบแข็งนอกอ่อนใน ประมาณนี้นะคะ แต่สำหรับบทมณีจันทร์จะมีความเข้มแข็งทางด้านจิตใจ แต่ทางด้านร่างกายคือด้วยความเป็นผู้หญิงสมัยก่อนด้วย ก็จะเป็นคนนุ่มนวล อ่อนหวาน แล้วก็อาจจะเป็นเพราะว่าเราได้รับการเลี้ยงดูจากพระสุพรรณกัลยาด้วย จริงๆแล้วมณีจันทร์เองเติบโตมากับ สมเด็จพระนเรศวรฯ แล้วก็ไอ้ทิ้ง โตมาจากในวัด ก็จะไม่ได้มีใครอบรมทางด้านกิริยามารยาท จนกระทั่งได้มาอยู่กับพระสุพรรณกัลยานี่แหละค่ะ ถึงได้เป็นกุลสตรีขึ้นมาจนโตเลย ทำให้ทุกอย่างหล่อหลอมขึ้นมา ให้เป็นบุคลิกของสาวชาววังขึ้นมาจนได้แต่ว่าภายในจิตใจข้างใน เป็นคนเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวพร้อมที่จะสู้รบเมื่อยาม คับขัน ยามจำเป็นเราก็จับดาบได้

 

 

เกรซ มหาดำรงค์กุล

“ท่านมุ้ยเป็นสุดยอดผู้กำกับ มีความละเอียดในการทำงาน และเป็นคนที่น่ารัก และคอยเอาใจใส่นักแสดงทุกคน มีอยู่วันหนึ่งในการถ่ายทำที่เมืองกาญจนบุรีอากาศร้อนมาก เราถ่ายทำกันในโรงถ่ายที่เราเซ็ทขึ้นมาเป็นห้องบรรทมของพระสุพรรณฯ ซึ่งแน่นอนว่าก็จะไม่มีแอร์อยู่แล้วเพราะต้องเก็บเสียง แล้วในการถ่ายทำก็จะมีควันมีเอฟเฟ็คต์ อากาศร้อนมาก มีทีมงานอยู่กันเป็นร้อยชีวิต หายใจกันไม่ค่อยออก ออกมานี่เหงื่อท่วมตัวไปหมดเลยค่ะ เมคอัพคือหลุดไปเลย วันนั้นเกรซร้อนแล้วรู้สึกเหนื่อย เพราะว่าไม่ได้นอนมาหลายวัน เราถ่ายทำถึงเช้าตลอด แล้วท่านก็อยากมาให้กำลังใจ ท่านก็เดินมาลงนั่งแบบขัดสมาธิข้างกล้องค่ะ ท่านก็บอกว่า เดี๋ยวฉันจะกำกับเธอจากตรงนี้แหละ แล้วเกรซก็บอกว่าถ้าท่านมานั่งตรงนี้เกรซยิ่งไม่กล้าใหญ่เลย ท่านก็พูดว่า อ้าวจริงเหรอ ปกตินักแสดงถ้าผู้กำกับเข้ามาแล้วจะรู้สึกเหมือนให้กำลังใจ ท่านก็พยายามช่วยทุกวิถีทางค่ะเพื่อให้นักแสดงเล่นไปได้ ด้วยความน่ารักของท่านเราก็มีกำลังใจขึ้น แล้ววันนั้นซีนนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ แล้วมีอีกหลายๆ ซีนค่ะ ที่ต้องใช้อารมณ์”

 

 

นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบทเด่นเป็น “เมงเยสีหตู” เจ้าเมืองตองอู

“ทำงานร่วมกับท่านมุ้ยครั้งแรกเกือบ 40 ปีมาแล้ว ในภาพยนตร์ของเสด็จพระองค์ชายเล็ก เรื่องสาวเครือฟ้า ถ่ายทำกันที่เชียงใหม่ โดยท่านมุ้ยเป็นทั้งช่างภาพและช่วยเสด็จฯ กำกับด้วย การได้มาร่วมงานในเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชครั้งนี้มีบรรยากาศการทำงานที่สนุกสนานและได้รับความสะดวกมาก รู้สึกว่าทุกคนมีความสุข นักแสดงเตรียมตัวกันมาดี ท่านมุ้ยก็เป็นกันเองไม่กดดัน ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดงที่ยากพอสมควร ต้องระวังเรื่องบท เพราะภาษาที่ใช้ไม่ใช่แบบที่เราพูดกันในปัจจุบันและต้องพูดกับคนหลายระดับด้วย แม้แต่ศัพท์ธรรมดาสามัญยังพูดยากเลย ชื่นชมกับการเตรียมงานที่ดีของผู้เกี่ยวข้องและผู้ร่วมงานทุกฝ่าย ท่านมุ้ยก็พิถีพิถันกับทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่เป็นประวัติศาสตร์ของ 2 ประเทศเพื่อนบ้านยิ่งมีความละเอียดอ่อนมาก ซึ่งท่านมุ้ยก็ศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีทุกด้าน ในส่วนของชุดเครื่องแต่งกายที่ช่วยให้นักแสดงเกิดความมั่นใจได้มากนั้น สำหรับเรื่องนี้ไม่มีที่ติเลย”

 

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.