สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   
หมากเตะ หรือ หมากเตะรีเทิร์นส
  สารบัญหน้านี้ : เรื่องย่อ      พี่เก้งเปิดเผยที่มาของหนัง   คุยกันนอกเกมกับผู้กำกับปิ๊ง
  ข้อมูลนักแสดง และเหตุผลที่ผู้กำกับเลือก              แกลลอรี่ภาพ
  ข่าว: กลับมาฉายใหม่ พร้อมแนะนำ พงศ์นรินทร์ อุลิศ เป็นชื่อจริงของดีเจชื่อดัง กับบทบาทใหม่ของนักวิจารณ์หนังชื่อดังท่านหนึ่ง 
   
 

 

เรื่องย่อ

“ ขออภัยที่มาช้า ขอบคุณที่รอมาตั้งแต่หน้าร้อนยันหน้าหนาว”

ปิ๊ง แฟนฉัน ชุบชีวิตทีมหมากเตะ กลับมาคราวนี้นำโดยกุนซือพงศ์นรินทร์ อุลิศ เช่นเคย โค้ชหนุ่มไฟแรงผู้ฝันอยากเห็นทีมไทยไปบอลโลก ยังคงไม่ได้รับโอกาสจากสมาพันธ์ฟุตบอลไทย ร้อนถึง เจ๊มิ่ง น้าสาวบ้าหวยรวยบอลแฟนพันธุ์แท้ทีมไทย แกประกาศลั่นถ้าถูกรางวัลที่ 1 จะทุ่มสปอนเซอร์ให้หลานรักพาบอลไทยไปตะลุยบอลโลกให้จงได้ แล้วชะตาก็ลิขิตให้ชีวิตสองน้าหลานผันผวน เมื่อเจ๊มิ่งดันถูกล็อตเตอรีชุดใหญ่จังเบอร์ 192 ล้านบาท!! แต่สมาพันธ์กลับพลิกลิ้นแต่งตั้งโค้ชบราซิล อ้างเสียบเพื่อชาติ เจ๊มิ่งยัวะจัดจูงมือหลานชายบินลัดฟ้าสู่ประเทศอาวี ลั่นวาจาคราวนี้แหละอาวีจะไปบอลโลก

“ ไปทำไมกันฟุตบอลโลก”

สำหรับเด็กที่มีกีฬาลูกหนังในหัวใจ ก็ตอบได้ว่า “ เพราะใจมันอยากไป”

สำหรับปิ๊งและพงศ์นรินทร์ ก็ตอบได้ว่า ถ้าอยากไปบอลโลกก็ต้องกล้าฝัน ถ้าอยากชนะก็ต้องกล้าแพ้ เพราะการแข่งขันย่อมมีแพ้มีชนะ ส่วนการแพ้โดยไม่เคยได้ลงแข่งนั้น น่าเสียดาย...น่าเสียดาย

ราชรัฐอาวี ตั้งอยู่ในทะเลจีนใต้ ส่งออกหอยลาย ดำเนินนโยบายเป็นกลาง”
อาวี เป็นประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรราวแสนคน แต่ติดหนึ่งในสิบประเทศที่คลั่งไคล้ลูกหนังมากที่สุดจากการจัดอันดับประจำปี 2006 ทีมฟุตบอลของพวกเขาถือเป็นสมันน้อยของโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พกสถิติแจกแต้มแหลกไม่เคยชนะทีมใดเลยในการแข่งขันระดับชาติ แต่เด็กๆ ชาวอาวีก็เช่นเดียวกับเด็กๆ ทั่วโลก นั่นคือ ฝันอยากเห็นทีมชาติตัวเองลงเตะในมหกรรมระดับโลกนี้สักครั้ง

 

รอของจริงไม่ทันใจ เก้ง เสกบอลอาวีไปบอลโลก ลงแผ่นฟิล์ม

 

คร่ำหวอดอยู่ในวงการหนังไทยมานาน   ถ้าไม่บอกก็ไม่อยากจะเชื่อว่า จิระ มะลิกุล จะมีความฝันอันเรืองรองในวัยเยาว์ว่า   อยากเห็นบอลไทยไปบอลโลก สักครั้งหนึ่งในชีวิต “ สำหรับผมตั้งแต่เด็กๆ ผมจะได้ยินเสมอว่าบอลไทยจะไปบอลโลก   แต่มันก็เป็นไปไม่ได้สักทีนักฟุตบอลรุ่นแล้วรุ่นเล่า เครื่องดื่มบำรุงกำลังต่างๆก็สนับสนุนแล้วสนับสนุนอีก จนเลิกสนับสนุนไปเลย รอบลึกๆที่สุดที่เราเข้ารอบก็รอบ 2 รอบ 3 ผมก็เลยรู้สึกอยากจะเห็นพวกผิวเหลืองตัวเตี้ยได้ไปบอลโลกสักที ของจริงไม่ทันใจ เอาในหนังซะเลย

          

          จริงๆแล้วไม่ได้คิดว่าจะเป็นชาติอะไร รู้สึกว่าประเทศอะไรก็ได้ที่ลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ผ่านเนี่ยแหละสักประเทศหนี่ง ได้ไปบอลโลกมันคงจะสนุกมาก เหมือนการ์ตูนของญี่ปุ่น เพราะไม่ว่าคนญี่ปุ่นอยากจะเห็นอะไรเขาจะเขียนลงไปในการ์ตูนก่อน แล้ววันหนึ่งมันก็จะเป็นไปได้จริงๆ สมมุติว่าเราทำภาพยนตร์แบบนี้ไว้แล้วเด็กรุ่นหลังๆ ได้มาเห็นภาพ ว่าเราได้ไปจริงๆก็น่าจะเป็นกำลังใจให้เขา พัฒนาตัวเองจนสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้ในที่สุด ”

          ส่วนเรื่องเนื้อหาในภาพยนตร์ที่เป็นการกล่าวถึงการได้ไปบอลโลกของทีมอาวีนั้น จิระอธิบายว่า “ จริงๆแล้วผมว่า หมากเตะ...ริเทิร์นส เป็นหนังรักชาติด้วยซ้ำ เราผูกเรื่องให้โค้ชของทีมอาวีเป็นคนไทย ในขณะที่ของทีมไทยจะมีโค้ชเป็นคนต่างชาติ ตั้งแต่ผมเด็กๆก็จะมีโค้ชบราซิล โค้ชเยอรมัน โค้ชอังกฤษ กันมาตลอด โค้ชคนไทยก็เลยกระเด็นไปเป็นโค้ชของประเทศเพื่อนบ้านเรา ซึ่งฉากสุดท้ายที่ทีมอาวีจะต้องกลับมาตัดเชือกกับทีมชาติไทยเนี่ย โอ้โฮเลือดรักชาติมันพุ่งพล่านเหมือนกันนะ ผมว่าคนไทยที่ได้ดูฉากนี้ต้องรู้สึกรักชาติมากๆ ทั้งๆที่ดูเรื่องบอลอาวีมาตลอด”

          นอกจากพลอตเรื่องที่แปลกแหวกแนวแล้ว   การเลือกผู้กำกับฯมาสานฝันให้เป็นจริงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและผู้ที่ จิระ หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นผู้เนรมิตเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นได้คือ ปิ๊ง อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม 1 ใน 6 ผู้กำกับแฟนฉัน “ สิ่งที่เด่นที่สุดของปิ๊งมีอยู่ 2 ข้อ ที่คนอื่นเห็นและตัวเขาสนใจ คือเรื่องตลกกับเรื่องเตะบอล ถ้าเรามาดูว่าปิ๊งทำอะไรบ้างในแฟนฉัน ก็คือมุขตลกต่างๆ เช่นตอนที่เด็กๆแปลงร่างเป็นหนังจีน ซึ่งเขาทำออกมาตลกมากและฉากที่เพื่อนทั้ง 5 คนลงความเห็นว่า ปิ๊ง เท่านั้นที่ทำได้ คือฉากเตะบอลของกลุ่มเด็กผู้ชาย ซึ่งผมว่าเป็นฉากเตะบอลที่โคตรจะสนุกและรู้เรื่องเลย คือจะดูแบบมันๆก็ดูได้ จะดูให้ตื่นเต้นก็ดูได้ เรื่องฟุตบอลเขาคลั่งไคล้มาก หนังสือพิมพ์อื่นไม่เคยซื้อ อ่านอยู่อย่างเดียว คือสตาร์ชอคเก้อร์ ความสามารถพิเศษคือดมรองเท้าสตั๊ด แล้วพิสูจน์ได้ว่าอันไหนหนังแท้อันไหนหนังเทียม”

 

 

          เมื่อถามถึงความคาดหวังของภาพยนตร์เรื่องนี้ รอยยิ้มบนหน้าของเขาเปล่งประกายมากขึ้น พร้อมกับสรุปให้ฟังสั้นๆว่า “ ก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำ   ผมบอกว่าผมอยากเห็นหนังฟุตบอลหรือหนังกีฬาเรื่องหนึ่งในประเทศไทยที่ดูแล้วมันตื่นเต้นจริงๆ เพราะโดยปกติหนังกีฬาส่วนใหญ่จะทำเพื่อเอาผลการแข่งขันอย่างเดียว แต่เรื่องนี้ผมขอแบบคนดูได้ตื่นเต้นไปกับการแข่งขันด้วย เป็นหนังกีฬาที่ตลกด้วย ปิ๊งเขาก็รับปากว่าเขาจะทำให้ได้ หลังจากที่ได้ดูผมคิดว่านี่เป็นหนังที่ถ่ายกีฬาได้ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นในหนังไทยมาเลยครับ จริงจังแต่ดูสนุก มุมกล้องถูกต้องเหมือนเราดู ถ่ายทอด พรีเมียร์ ชิพ เขาพิถีพิถันมาก โดยเฉพาะเรื่องความสามารถในการเตะฟุตบอลของนักแสดงไม่มีหลอกเลย เพราะทุกคนเล่นฟุตบอลได้จริง และก่อนเริ่มถ่ายทำ ทีมงานยังมีโอกาสพานักแสดงไปเข้าค่ายกับ คุณวิทยา เลาหกุล ที่จังหวัดชลบุรี อีกด้วย หมากเตะ...รีเทิร์นส น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนที่เริ่มอยากจะดูบอลโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด ปิ๊ง ก็สามารถทำประเด็นเรื่องนี้ได้อย่างขำๆ จนตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นหนังฟุตบอล คอมเมดี้ ที่ดูสนุกมาก แม้แต่แฟนสาวของหนุ่มบ้าบอลก็ยังหัวเราะได้”

          นอกจากพลอตเรื่องที่แปลกแหวกแนวแล้ว การเลือกผู้กำกับฯมาสานฝันให้เป็นจริงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและผู้ที่ จิระ หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นผู้เนรมิตเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นได้คือ ปิ๊ง อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม 1 ใน 6 ผู้กำกับแฟนฉัน “ สิ่งที่เด่นที่สุดของปิ๊งมีอยู่ 2 ข้อ ที่คนอื่นเห็นและตัวเขาสนใจ คือเรื่องตลกกับเรื่องเตะบอล ถ้าเรามาดูว่าปิ๊งทำอะไรบ้างในแฟนฉัน ก็คือมุขตลกต่างๆ เช่นตอนที่เด็กๆแปลงร่างเป็นหนังจีน ซึ่งเขาทำออกมาตลกมากและฉากที่เพื่อนทั้ง 5 คนลงความเห็นว่า ปิ๊ง เท่านั้นที่ทำได้ คือฉากเตะบอลของกลุ่มเด็กผู้ชาย ซึ่งผมว่าเป็นฉากเตะบอลที่โคตรจะสนุกและรู้เรื่องเลย คือจะดูแบบมันๆก็ดูได้ จะดูให้ตื่นเต้นก็ดูได้ เรื่องฟุตบอลเขาคลั่งไคล้มาก หนังสือพิมพ์อื่นไม่เคยซื้อ อ่านอยู่อย่างเดียว คือสตาร์ชอคเก้อร์ ความสามารถพิเศษคือดมรองเท้าสตั๊ด แล้วพิสูจน์ได้ว่าอันไหนหนังแท้อันไหนหนังเทียม”

          เมื่อถามถึงความคาดหวังของภาพยนตร์เรื่องนี้ รอยยิ้มบนหน้าของเขาเปล่งประกายมากขึ้น พร้อมกับสรุปให้ฟังสั้นๆว่า “ ก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำ ผมบอกว่าผมอยากเห็นหนังฟุตบอลหรือหนังกีฬาเรื่องหนึ่งในประเทศไทยที่ดูแล้วมันตื่นเต้นจริงๆ เพราะโดยปกติหนังกีฬาส่วนใหญ่จะทำเพื่อเอาผลการแข่งขันอย่างเดียว แต่เรื่องนี้ผมขอแบบคนดูได้ตื่นเต้นไปกับการแข่งขันด้วย เป็นหนังกีฬาที่ตลกด้วย ปิ๊งเขาก็รับปากว่าเขาจะทำให้ได้ หลังจากที่ได้ดูผมคิดว่านี่เป็นหนังที่ถ่ายกีฬาได้ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นในหนังไทยมาเลยครับ จริงจังแต่ดูสนุก มุมกล้องถูกต้องเหมือนเราดู ถ่ายทอด พรีเมียร์ ชิพ เขาพิถีพิถันมาก โดยเฉพาะเรื่องความสามารถในการเตะฟุตบอลของนักแสดงไม่มีหลอกเลย เพราะทุกคนเล่นฟุตบอลได้จริง และก่อนเริ่มถ่ายทำ ทีมงานยังมีโอกาสพานักแสดงไปเข้าค่ายกับ คุณวิทยา เลาหกุล ที่จังหวัดชลบุรี อีกด้วย หมากเตะ...รีเทิร์นส น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนที่เริ่มอยากจะดูบอลโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด ปิ๊ง ก็สามารถทำประเด็นเรื่องนี้ได้อย่างขำๆ จนตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นหนังฟุตบอล คอมเมดี้ ที่ดูสนุกมาก แม้แต่แฟนสาวของหนุ่มบ้าบอลก็ยังหัวเราะได้”

 

คุยกันนอกเกม กับเดอะปิ๊ง...รีเทิร์นส

 

          เป็นผู้กำกับฯรุ่นใหม่ไฟแรงอีกคนที่มุ่งมั่นสร้างผลงานคุณภาพออกมาให้แฟนหนังไทยได้ชื่นชม วันนี้ ปิ๊ง อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม เดินทางตามฝันของตัวเองต่อจาก เอส เพื่อนสนิท และ ย้ง เด็กหอ ด้วยการนั่งแท่นกำกับภาพยนตร์เดี่ยวเรื่องแรก หมากเตะ...รีเทิร์นส ถึงแม้ในช่วงแรกที่ภาพยนตร์มีกำหนดเข้าฉายในเดือนพฤษภาคม จะมีกรณีความไม่เข้าใจกันกับประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้ต้องแบนภาพยนตร์เรื่องแรกของตัวเองไปอย่างไม่คาดฝัน วันนี้เจ้าตัวถึงกับออกปากกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เสียกำลังใจบ้าง แต่ก็ไม่ได้ท้อ เพราะสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า เขายังคงมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมที่เสนอมุมมองใหม่ ๆ ของหนังไทย ให้คนไทยทั้งประเทศได้ร่วมชม โดยการปฎิรูป หมากเตะ …. รีเทิร์นสขึ้นมาอีกครั้ง

          ปิ๊ง-อดิสรณ์ เผยว่า “ หมากเตะกลับมาผมดีใจ ยินดีที่ทุกอย่างคลี่คลาย หนังเรื่องนี้ยังให้ความสนุกครบรส ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อ การเล่าเรื่องไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน เหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่คอนเซปต์ของการแก้ไขครั้งนี้ คือ เปลี่ยนเป็นประเทศอาวี ที่เราสมมติขึ้นมาแทน เพื่อให้การแก้ไขต่อเนื่องทั้งภาพและเสียง และเหตุผลที่ใช้ชื่อนี้ เพราะเวลาเราขยับปากจากของเดิม แล้วพากย์เสียงทับลงไป คำว่าอาวีจะเข้าปากมากที่สุดและแก้ไขเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิกได้ง่ายที่สุด   ส่วนชื่อภาพยนตร์ก็คือ ชื่อที่เข้าสถานการณ์ จากที่แซวกันในบริษัทว่าหนังเรื่องนี้จะรีเทิร์นสแล้ว ในที่สุดก็กลายเป็นชื่อหนังที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน   การกลับมาฉายครั้งนี้ ไม่ได้คาดหวังว่า คนจะมาพิสูจน์ว่าหนังมันมีอะไรเหรอถึงมีปัญหา เพราะผมเชื่อว่าการที่เราแก้ไขมันแบบค่อยเป็นค่อยไป   และใช้เวลานานเราไม่ได้คาดหวังกระแสอะไร   เพราะถ้าเราคาดหวัง เราคงรีบทำออกฉายตั้งแต่เกิดปัญหาใหม่ ๆ แล้ว   นี่เราใช้เวลากว่า 5 เดือน   นับตั้งแต่ 9 มิถุนายน   ในการพูดคุยหาข้อสรุป   และแก้ไขคอมพิวเตอร์กราฟฟิกประมาณเดือนครึ่ง   ถ่ายซ่อม 1 คิว   คือซีนที่ต้องร้องเพลงชาติ   ซึ่งเราเอาเพลงชาติของประเทศเพื่อนบ้านมาร้อง   เราต้องตัดทิ้งแล้วเองเพลงชาติอาวีที่เราแต่งขึ้นมาใหม่มาใส่เข้าไป   โดยส่วนตัวแล้วผมอยากให้คนที่ได้ชมคิดว่า หมากเตะ ..รีเทิร์นสเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งที่จะสามารถดูเพื่อความบันเทิงได้  

 

 

          เป็นผู้กำกับฯรุ่นใหม่ไฟแรงอีกคนที่มุ่งมั่นสร้างผลงานคุณภาพออกมาให้แฟนหนังไทยได้ชื่นชม วันนี้ ปิ๊ง อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม เดินทางตามฝันของตัวเองต่อจาก เอส เพื่อนสนิท และ ย้ง เด็กหอ ด้วยการนั่งแท่นกำกับภาพยนตร์เดี่ยวเรื่องแรก หมากเตะ...รีเทิร์นส ถึงแม้ในช่วงแรกที่ภาพยนตร์มีกำหนดเข้าฉายในเดือนพฤษภาคม จะมีกรณีความไม่เข้าใจกันกับประเทศเพื่อนบ้าน จนทำให้ต้องแบนภาพยนตร์เรื่องแรกของตัวเองไปอย่างไม่คาดฝัน วันนี้เจ้าตัวถึงกับออกปากกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เสียกำลังใจบ้าง แต่ก็ไม่ได้ท้อ เพราะสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า เขายังคงมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมที่เสนอมุมมองใหม่ ๆ ของหนังไทย ให้คนไทยทั้งประเทศได้ร่วมชม โดยการปฎิรูป หมากเตะ …. รีเทิร์นสขึ้นมาอีกครั้ง

          ปิ๊ง-อดิสรณ์ เผยว่า “ หมากเตะกลับมาผมดีใจ ยินดีที่ทุกอย่างคลี่คลาย หนังเรื่องนี้ยังให้ความสนุกครบรส ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อ การเล่าเรื่องไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน เหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่คอนเซปต์ของการแก้ไขครั้งนี้ คือ เปลี่ยนเป็นประเทศอาวี ที่เราสมมติขึ้นมาแทน เพื่อให้การแก้ไขต่อเนื่องทั้งภาพและเสียง และเหตุผลที่ใช้ชื่อนี้ เพราะเวลาเราขยับปากจากของเดิม แล้วพากย์เสียงทับลงไป คำว่าอาวีจะเข้าปากมากที่สุดและแก้ไขเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิกได้ง่ายที่สุด   ส่วนชื่อภาพยนตร์ก็คือ ชื่อที่เข้าสถานการณ์ จากที่แซวกันในบริษัทว่าหนังเรื่องนี้จะรีเทิร์นสแล้ว ในที่สุดก็กลายเป็นชื่อหนังที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน   การกลับมาฉายครั้งนี้ ไม่ได้คาดหวังว่า คนจะมาพิสูจน์ว่าหนังมันมีอะไรเหรอถึงมีปัญหา เพราะผมเชื่อว่าการที่เราแก้ไขมันแบบค่อยเป็นค่อยไป   และใช้เวลานานเราไม่ได้คาดหวังกระแสอะไร   เพราะถ้าเราคาดหวัง เราคงรีบทำออกฉายตั้งแต่เกิดปัญหาใหม่ ๆ แล้ว   นี่เราใช้เวลากว่า 5 เดือน   นับตั้งแต่ 9 มิถุนายน   ในการพูดคุยหาข้อสรุป   และแก้ไขคอมพิวเตอร์กราฟฟิกประมาณเดือนครึ่ง   ถ่ายซ่อม 1 คิว   คือซีนที่ต้องร้องเพลงชาติ   ซึ่งเราเอาเพลงชาติของประเทศเพื่อนบ้านมาร้อง   เราต้องตัดทิ้งแล้วเองเพลงชาติอาวีที่เราแต่งขึ้นมาใหม่มาใส่เข้าไป   โดยส่วนตัวแล้วผมอยากให้คนที่ได้ชมคิดว่า หมากเตะ ..รีเทิร์นสเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งที่จะสามารถดูเพื่อความบันเทิงได้  

          สำหรับการเป็นผู้กำกับที่ติดโทษแบนตั้งแต่กำกับเรื่องแรกนั้น ยอมรับว่า มีเสียกำลังใจบ้างในช่วงแรก แต่ผมพยายามแปรมันให้เป็นพลัง เพื่อสร้างงานเรื่องต่อไป ไม่ได้เสียความมั่นใจ มันกลับยิ่งทำให้ผมมีประสบการณ์ในการที่จะทำงานต่อไป สิ่งที่ได้เหมือนกับผมเรียนจบปริญญาอีกใบ   คุ้มกว่าเรียนต่อต่างประเทศ ผมพยายามเอาสิ่งที่ไม่ปกติที่จะเกิดขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจและมองทุกอย่างให้เป็นบวก แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นครับ" วันนี้หมากเตะ ...รีเทิร์นส พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองแล้ว   ส่วนจะสามารถเรียกกระแสความฮาได้มากน้อยแค่ไหน แฟน ๆ ที่รอมาตั้งแต่ฤดูฝน   คงได้ชมกันพร้อม ๆ กับลมหนาวที่เริ่มพัดมา 19 ตุลาคมนี้แน่นอน ”

ประวัติแบบว่ารีเทิร์นสของผู้กำกับนาย อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม (ปิ๊ง)

        เกิดวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 เป็นชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นลูกคนจีนแต่พูดจีนไม่ได้ เป็นชาวใต้แต่ก็พูดใต้ไม่ได้เหมือนกัน เรียนโรงเรียนคริสต์มาตั้งแต่อนุบาล แต่ปัจจุบันยังใช้ภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆ

         ช่วงวัยรุ่นย้ายมาเรียนม.ปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แผนกศิลป์-เยอรมัน ตอนนี้ความรู้ภาษาเยอรมันเหลือแค่นับ1-10 แต่ที่นี่นี่เองที่ทำให้รู้ตัวว่าชอบทำกิจกรรมบันเทิงมากกว่าเรียนหนังสือ จากนั้นก็เลยมุ่งหน้าเอ็นทรานซ์สู่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ตอนเอ็นฯติดก็ยังไม่รู้ว่าคณะเขาสอนอะไร รู้แค่ว่าบันเทิงแน่นอน

         ตัดสินใจเรียนแผนกภาพยนตร์ เพราะชอบดูหนังและอยากเป็นคนทำหนัง หลงใหลเสน่ห์ของหนังที่สามารถทำให้คนดูรู้สึก ทั้งสนุก หัวเราะ ร้องไห้ เครียด ฯลฯ

          

แต่พอเรียนจบ ปี พ.ศ.2540 ฟองสบู่แตกเศรฐกิจตกต่ำ เลยกลับไปช่วยทำธุรกิจขายมอเตอร์ไซค์อยู่ที่บ้าน จ. สุราษฎร์ ทำอยู่ 2 ปี ซังกะตายสุดๆ เลยลาแม่บวช สึกออกมาเลยมาอยู่กรุงเทพฯกับพี่ชายซึ่งทำกิจการเพ็ทช็อปและเพาะพันธุ์สุนัขอยู่ย่านทองหล่อ ระหว่างนั้นได้แวะเวียนไปเยี่ยมอาจารย์ที่สอนทำหนัง คือพี่เก้ง จิระ มะลิกุล อยู่บ่อยๆ ด้วยหวังว่าแกอาจจะมีงานให้ทำ แล้วก็ได้ผลแกให้ช่วยรีเสิร์ชข้อมูลมาทำบทหนัง ในขณะเดียวกันก็หาเพื่อนพ้องที่รู้จัก ช่วยหาจ็อบเล็กจ็อบน้อย ประเภท VDO PRESENTATION , VTR พรรคการเมือง , Music video นิดหน่อย อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนชื่อบอล (วิทยา ทองอยู่ยง) ก็มาชวนให้ไปช่วยพี่จิ้ง สุเทพ ตันนิรัตน์ ทำหนังเรื่อง องคุลิมาล เรายังไม่เคยมีประสบการณ์ทำหนังมาก่อน พี่จิ้งเลยให้ไปฝึกทำแผนกจัดการ ทำได้สักพักรู้สึกไม่ชอบเอาซะเลยก็เลยลาออก ตั้งแต่หนังเขายังไม่เปิดกล้อง และออกมารับทำ VDO PRESENTATION ตามเดิม

          อยู่มาวันหนึ่งคุณแม่เห็นท่าจะไม่ได้การ เพราะเราอายุมากขึ้นทุกวัน แต่การงานไม่เป็นแก่นสาร เลยจะให้เราละทิ้งความฝัน เลิกคิดที่จะเป็นคนทำหนังแล้วกลับไปช่วยงานแม่ที่บ้านดีกว่า ทะเลาะกับแม่ใหญ่โต สรุปด้วยการยอมกลับบ้าน ยอมทิ้งทุกอย่าง แต่มีข้อแม้คือ ขอทำหนังสั้นสักเรื่อง กะว่าจะส่งเข้าประกวดและคิดว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่จะได้ทำหนัง แม่ก็โอเค ก็เลยไปขอเรื่องสั้นของเพื่อนชื่อบอล (วิทยา ทองอยู่ยง) ชื่อเรื่อง “ อยากบอกเธอ...รักครั้งแรก” มาดัดแปลงเป็นบทหนังสั้น เขียนเสร็จก็เกิดความไม่มั่นใจ ก็เลยเอาบทหนังสั้นเรื่องนี้กลับไปหาอาจารย์พี่เก้ง จิระ มะลิกุล ซึ่งตอนนั้นกำลังทำหนังเรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 อยู่ เอาให้แกลองอ่านและคอมเมนต์หน่อย ถ้าดีก็จะเอาไปถ่าย แต่ถ้าห่วยก็จะได้ไม่ต้องทำ ปรากฎว่าพี่เก้งชอบมาก เลยได้ใจเอาไปถ่าย ลงทุนแทบหมดชีวิต ระหว่างที่กำลังถ่ายหนังสั้นเรื่องนี้อยู่ พี่เก้งโทรทางไกลมาจาก อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ว่าถ่ายเสร็จหรือยัง ถ้ายังไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯไปคุยกัน

          ที่กรุงเทพฯพี่เก้งนัดมาคุย ชวนบอล (วิทยา ทองอยู่ยง) เจ้าของเรื่องไปคุยด้วยและสิ่งที่พี่เก้งเสนอมาคือจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต เพราะแกบอกให้เอาหนังสั้นเรื่องนั้นไปทำหนังใหญ่ โดยให้ชวนเพื่อนๆที่จบภาพยนตร์ด้วยกันมาช่วยกันทำ ตามมาได้ทั้งหมด 4 คน รวมเป็น 6 คน อีก 8 เดือนต่อมา หนังสั้นเรื่องนั้นกลายเป็นบทหนังใหญ่ หลังจากนั้นอีก 10 เดือน หนังเรื่องนั้นถ่ายทำเสร็จและถูกนำเข้าฉายทั่วประเทศ โดยใช้ชื่อว่า “ แฟนฉัน”

          และแล้วความฝันที่จะเป็นคนทำหนังของผมก็เป็นจริง มันไม่ใช่เรื่องฝีมือหรือความสามารถ ไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาฟ้าลิขิต แต่เป็นเรื่องของศรัทธาและความเชื่อมั่น ว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องทำหนังให้ได้   

 

 

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.