สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

 
พี่มากพระโขนง เป็นหนังไทยเรื่องเดียวที่ไปอูดิเน่
  ภาพ/รายงาน โดย อัญชลี ชัยวรพร 30 พฤษภาคม 2557
 
Share |
Print   
       
 

พี่มากพระโขนง เป็นหนังไทยเพียงเรื่องเดียวที่ไปฉายในเทศกาลหนังฟาร์อีสต์ฟิลม์ที่เมืองอูดิเน่ ประเทศอิตาลีปีนี้ี ซึ่งผ่านไปแล้วเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุที่มีเรื่องเดียวก็เพราะว่าตั้งแต่เทศกาลเริ่มเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติมากขึ้น ขึ้น ก็เลือกงานมากขึ้น  ซึ่งปีที่ผ่านมา  จำนวนหนังไทยก็น้อยลงด้วย ประกอบกับี้จำนวนหนังที่ฉายในเทศกาลงก็น้อยลงด้วย โดยตัดหนังรอบเที่ยงคืนออกหมด คงมีเฉพาะรอบสี่ทุ่มเป็นรอบสุดท้าย

สำหรับ พี่มากพระโขนง นั้น ฉายในวันที่ 1 พฤษภาคม โดย โต้ง บรรจง ปิสันธนากุล ก็เดินทางไปถึงในวันนั้นพอดี  ไปถึงก็ร่วมพูดงานเสวนาหัวข้อ Being Young Directors in Asia ซึ่งนอกจากโต้งแล้ว ก็มีผู้กำกับจากมาเลเซีย Chiu Keng Guan, ผู้กำกับสาวเกาหลีใต้ Roh Deok, และผู้กำกับฮ่องกง Derek Kwok  ซึ่งแต่ละคนนั้นก็ทำหนังมาหลายเรื่องแล้วทั้งนั้น ยกเว้นสาวเกาหลีใต้ที่เพิ่งทำหนังเรื่องแรก แต่ทุกคนมีจุดร่วมกัน คือ หน้าเด็ก เพราะฉะนั้น เป็น young directors ได้ (เกี่ยวกันไหมนี่ : )

 

 

 

คำถามที่เตรียมมาระหว่างผู้ดำเนินการเสวนานั้น จริง ๆ แล้วน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานการศึกษาที่ช่วยทำให้ได้ทำหนังเร็วขึ้น   มีอะไรทำให้ได้ทำหนังในปัจจุบัน   ปัญหาในการเจรจาต่อรองกับค่าย รวมทั้งงานชิ้นต่อไป แต่เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องเวลา แถมผู้กำกับฮ่องกงกับเกาหลีต้องตอบโดยผ่านล่าม ก็เลยทำให้เสียเวลาเข้าไปอีก ถามได้เพียง 3 คำถามเท่านั้น

หมดจากเสวนา  ก็รอหนังฉายซึ่งกำหนดไว้ประมาณสี่โมงเย็น ซึ่งถือว่าเป็นรอบเรียกคน เพราะวันนั้นเป็นวันหยุด ทำให้คนมาดูหนังค่อนข้างเยอะ

สิบนาทีสี่โมง เราเริ่มไปรอแถว ๆ นั้น   คนเข้าแถวอยู่เยอะ   เจ้าหน้าที่ของทางเทศกาลก็มาบอกว่า นี่เห็นไหมคนรอคิวจนปลายแถวด้านหนึ่งมาชนอีกด้านหนึ่งแล้ว

 



เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกโต้งเข้าไป เราเข้าไปถึง เห็นที่นั่งเต็ม 3 ชั้น คือโรงหนังที่ฉายนั้น ปรกติจะเป็นโรงละครและโอเปร่า ดังนั้นลักษณะการสร้างชั้นล่างจะเป็นบริเวณโถงใหญ่ จากนั้นชั้น 2-3-4 จะเป็นมุมอยู่โดยรอบ ทั้งโรงมีจำนวน 1,200 ที่นั่ง จากที่นั่งเต็ม 3 ชั้น คาดว่าจะมีคนดูประมาณ 800 คน

 



หลังจากไดเร็กเตอร์เทศกาลขึ้นเวที ก็เว้าเป็นภาษาอิตาเลี่ยน แล้วก็มีการเชิญโต้งขึ้นไป ซึ่งโต้งก็เอากล้องขนาดจิ๋วที่ทางเทศกาลฝากให้ คือ ปีนี้ทางเทศกาลจะทำหนังสั้น โดยให้ผู้กำกับทุกคนถ่ายอะไรก็ได้ในรอบที่หนังเขาจะฉาย ซึ่งก็เห็นโต้งเดินถ่ายคนดู ตั้งแต่ตอนอยู่ด้านนอก

“เชา” คือ คำทักทายของโต้งอย่างสั้น ๆ ต่อคนดู จากนั้นก็กล่าวแนะนำหนังไป ซาบรีน่าบอกว่าหนังประสบความสำเร็จอย่างมากในเมืองไทยใช่ไหม  โต้งบอกว่า ตำนานแม่นาคเคยทำมาหลายครั้งแล้ว เป็นครั้งแรกที่ทำเป็นหนังตลก และเสนอมุมมองผู้ชาย เป็นหนังทำนองโพสต์โมเดิร์น (กาลเวลาผ่านไป ลืมไปบ้างค่ะ)

โต้งได้นั่งดูหนังตลอดที่หนังฉาย คนหัวเราะเยอะมาก หัวเราะดังสุดคือผู้กำกับออสเตรเลียที่ทำหนังฟิลิปปินส์   เขา่นั่งถัดไป หัวเราะเอิ๊กอ๊าก ไม่มีคนลุกออกเลยจริง ๆ โต้งบอกว่า คนดูหัวเราะในมุขที่คล้าย ๆ กับคนไทย แต่คนเขียนว่าตอนที่ 3 สหายบวกพี่มากและแม่นาก นั่งอยู่ในเรือกำลังเล่นเอาเถิดเปิดเผยเรื่องแม่นาก ตอนนั้นแหล่ะที่คนหัวเราะมากที่สุด

พอหนังฉายจบ สป็อตไลท์ก็ส่องมาอีกครั้ง ดนตรีขึ้น พร้อมซาบรีน่าเดินเข้ามาจับมือด้วย จากนั้นก็มีคนดูเข้ามาขอถ่ายรูป ขอลายเซ็นเป็นระยะ คือ เทศกาลนี้ดีอย่าง ผู้กำกับเหมือนดาราดี เป็นครั้งแรกที่อยากเปลี่ยนอาชีพจากนักวิจารณ์เป็นผู้กำกับ

 


ได้ยินเสียงคนหัวเราะแล้ว เราก็สบายใจไประดับหนึ่ง วันรุ่งขึ้น มีเพื่อนหลายคนมาบอกว่าชอบ แม้แต่เจ้าแม็กซ์ ซึ่งเป็นนักวิจารณ์ฝรั่งเศส และเป็นคนที่ไม่ยอมดูหนังในครั้งนี้ เพราะดูมาแล้วที่ฟิลิปปินส์ และโดยส่วนตัว  เป็นคนไม่ชอบหนังตลก แม็กซ์ก็ยังเข้ามาบอกว่า เสียงตอบรับค่อนข้างดีนะเธอ ใครต่อใครก็บอก

ในวันสุดท้ายที่ประกาศผล เขาให้ผู้กำกับที่ยังคงอยู่เข้ามาในงาน เดินกันมาเป็นขบวน เสียงดนตรีดังขึ้น แล้วก็เซ็ตที่นั่งในรัศมีสป็อตไลท์จะส่องมาถึง  ส่วนนักวิจารณ์ จงไปนั่งหลัง ๆ หรือยืนก็ได้ เพื่อเป็นการประหยัดที่

 

วันที่ประกาศรางวัล โต้ง นั่งติดกัับผู้กำกับมาเลเซีย

 

(ซ้าย) เขาจะแนะนำผู้กำกับทีละคน พร้อมสป็อตไลท์ส่องลงมา การเป็นผู้กำกับดีกว่านักวิจารณ์ตรงนี้

 

หนังที่ได้รางวัลไป เป็นหนังญี่ปุ่นเรื่อง The Eternal Zero  ตามมาด้วยหนังเกาหลีเรื่อง The Attorney และหนังฟิลิปปินส์ Barber's Tale ด้วยคะแนน 4.54, 4.50 และ 4.47 ตามลำดับ โดย พี่มากพระโขนง ได้คะแนนไป 3.76 ซึ่งทางเทศกาลถือว่าเยอะ

แต่อย่าไปคาดอะไรมาก คนดูที่นี่มักจะมีรสนิยมไม่เหมือนที่อื่น แม้แต่หนังจีนที่เพิ่งคว้ารางวัลหมีทองคำจากเบอร์ลินมาอย่าง Beijing Love Story ก็ยังไม่ได้รางวัล แต่ดันไปเป็นเรื่อง The Attorney ซึ่งเป็นเรื่องสอบสวนสืบสวนเหมือนกัน คะแนนของเราก็น้อง ๆ พี่ Beijing ที่ได้คะแนนไป 3.86


ก่อนจากกันนี้ ขอให้ผู้กำกับทำหนังดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ เพื่อว่าปีหน้าจะได้มีหนังไทยไปเทศกาลมากขึ้น ทางเทศกาลบอกว่า เสียดายปีนี้มีเรื่องเดียว เราก็ตอบไปว่า ไม่เป็นไร ปีก่อนโน้นก็มีเรื่องเดียว พอปีที่แล้วมีถึง 5 เรื่อง ใครจะไปรู้ ปีหน้าอาจมี 5 เรื่องก็ได้

ขอให้หนังไทยจงเจริญ

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.