นับเป็นอีกปีหนึ่งที่มีหนังไทยไปเข้าร่วมเทศกาลหนังฟาร์อีสต์ที่เมืองอูดิเน่ ประเทศอิตาลีปีนี้ถึง 5 เรื่อง ได้แก่ อันธพาล, โฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำ, เคาท์ดาวน์, ทองสุก 13 และ 9-9-8-1 บอกเล่า 9 ศพ ซึ่งถือว่าเยอะมาก ขณะที่ปีที่แล้วมีเพียงเรื่องเดียว ได้แก่ ไม่ได้ขอให้มารัก ของ กอล์ฟ ธัญญวรินทร์
คนเข้าคิวรอดูอันธพาล
อันธพาล ฉายเป็นเรื่องแรกในรอบดี คือ วันเสาร์ที่สองของเทศกาล เวลาสี่ทุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสองรอบที่ดีที่สุด อันธพาลเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ทางเทศกาลเชิญ ก่อนจะตามมาด้วยเรื่องอื่น ๆ ประกอบกับหนังของโขม ก้องเกียรติ ได้มาฉายเทศกาลหนังเรื่องนี้ทุกเรื่อง ตั้งแต่ ลองของ ไชยา เฉือน ทำให้โขมมีแฟนที่นี่อยู่กลุ่มหนึ่ง ปีนี้ทางเทศกาลก็ได้เชิญโขมมาด้วย แต่เขาติดถ่ายทำ ขุนพันธ์ อยู่ ก็เลยจำเป็นต้องปฏิเสธไปในที่สุด
หนังเรื่อง อันธพาล ก็เลยมีคนดูมากที่สุด ต้องเปิดฮอลล์ทั้ง 3 ชั้น แม้จะไม่เป็นทุกที่นั่ง แต่คาดได้ว่าน่าจะมีคนดูร่วม 700-800 คนได้ ขณะหนังฉายมีคนเดินออกแค่ 3 คน และเมื่อหนังจบ มีคนปรบมือให้ประมาณหนึ่ง
หลังจากนั้นแล้ว หนังไทยก็หายไปอยู่สามวันสามคืน ก่อนที่จะมาฉายอีกครั้งในช่วง 4 วันสุดท้ายของเทศกาล โดยในวันพุธที่ 24 เมษายน มีหนังไทยฉายสองเรื่อง ได้แก่ โฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำ ด้วยความที่หนังมันยาวมาก และแบ่งเรื่องเป็น 3 ตอนเหมือนหนังสั้น ก็เลยทำให้คนเริ่มเดินออกตั้งแต่ตอนจบเรื่องที่สอง ตอนท้ายได้รับเสียงปรบมืออยู่บ้าง
ถ้าจะให้ประเมินผลตอบรับ คนที่ชอบก็จะชอบเลย โดยเฉพาะการแสดงชั้นเลิศของนักแสดงทั้งหมด ส่วนคนที่ไม่ชอบก็บอกว่าหนังยาวมากและช้า น่าจะเหมาะกับเทศกาลหนังทั่วไป ไม่ใช่เทศกาลหนังป็อบปูล่าร์แบบที่นี่ สามารถอ่านกระแสตอบรับรวมได้ที่นี่
ก่อนที่จะตามมาด้วย เคาท์ดาวน์ ตอนเที่ยงคืน อ่านกระแสตอบรับที่นี่ด้วยเช่นกัน
|
คืนพฤหัสต่อมา รอบเที่ยงคืนอีกเช่นกันฉายหนังเรื่อง ทองสุก 13 ซึ่งโปรดิวเซอร์หนังจากเวฟพิคเจอร์ส คือ คุณณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ ได้ขึ้นแนะนำหนังด้วย เขากล่าวว่านี่เป็นหนังเรื่องแรกของบริษัท ซึ่งเคยทำฟิลม์บางกอก ตอนทำหนังเรื่องนี้มีคอนเซ็ปป์ว่าต้องการทำให้คนดูสนุก เหมือนอย่างนั่งรถไฟเหาะปานใดปานนั้น
คนดูหนัง ทองสุก 13 ในจำนวนที่พอ ๆ กับเคาท์ดาวน์ มีคนเดินออกอยู่ 2-3 คน แต่เมื่อหนังฉายจนจบ ปรากฎว่ามีคนส่งเสียงเชียร์ด้วยความยินดี พร้อมกับเสียงปรบมือยาว น้อง ๆ เคาท์ดาวน์เลยทีเดียว และมีคนดูเข้ามาขอลายเซ็นคุณณฤทธิ์ด้วยเช่นกัน
ขอรายงานอย่างตรงไปตรงมาตามลักษณะของผู้เขียน หนังไทยที่ได้รับกระแสตอบรับบวกจากคนดูในเทศกาลปีนี้มากที่สุด เห็นจะเป็น เคาท์ดาวน์กับทองสุก 13 เพราะขนาดในรอบที่ฉายหนังเกาหลีเหนือ ซึ่งได้เชิญผู้กำกับในงานทั้งหมดให้มาร่วมงาน ตอนแนะนำบาส นัฐวุฒิ กับ คุณณฤทธิ์ ยุวบูรณ์นั้น คนดูยังคงส่งเสียงต้อนรับเสียดังและปรบมือให้ยาวนาน จนผู้เขียนอดหวังอยู่ในใจตั้งแต่นั้นแล้วว่า ปีนี้หนังไทยมีสิทธิ์คว้ารางวัลใดรางวัลแน่ ๆ เลย |
หนังเรื่องสุดท้ายที่ได้ฉายเป็นรอบเที่ยงคืนคืนวันศุกร์ ได้แก่ 9-9-8-1 บอกเล่า 9 ศพ ซึ่งผู้เขียนก็อุตส่าห์ไปนั่งรอ แต่เนื่องจากว่าหนังเกาหลีที่ฉายก่อนหน้านั้น เกิดมีปัญหาทางเทคนิค ทำให้หนังฉายช้าออกไปเกือบครึ่งชั่วโมง ทีนี้หนังดันมีความยาวมาก ไปรอถึงตีหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่ฉาย ร่างกายก็เริ่มไม่ไหวเพราะทำงานหนักมาสองวันติดกัน ก็เลยต้องขอกลับไปนอนล่ะ
แต่ทราบมาว่า 9-9-8-1 บอกเล่า 9 ศพ ได้รับผลตอบรับรวม ๆ นักวิจารณ์ส่วนใหญ่จะชอบ ไม่ว่าจะเป็นดิเรก เอลลี่ จากฟิลม์บิซ หรือแม้แต่นักวิจารณ์ฝรั่งเศสแม็กซ์ เทสสิเออร์ ซึ่งเป็นคนแรกที่บอกผู้เขียนเมื่อครั้งหนังยังฉายในไทยว่า หนังมีความเป็นหนังทดลองบางอย่าง น่าสนใจ เช่นเดียวกับเจอร์กี้ บก.ดูแลแคตาล็อกชาวอิตาเลียนที่บอกว่าชอบหนังมาก ส่วนคนดูนั้น เพื่อนบอกว่าเสียงตอบรับผสมผสานกัน
ตอนที่ประกาศรางวัลนั้น ซาบรีน่าประกาศรางวัลที่สามก่อน ซึ่งได้แก่ Ipman The Final Fight ไป ตอนนั้นความหวังเริ่มหดหาย เพราะก่อนหน้านี้มีทั้งผู้กำกับและนักวิจารณ์ ต่างเข้ามาชมหนังจีนเรื่อง Feng Shui กับหนังญี่ปุ่นเรื่อง A Story of Yonosuke เป็นแถว ผู้เขียนก็หวังว่า เคาท์ดาวน์ กับ ทองสุก 13 น่าจะลุ้นที่ลำดับสาม เพราะ Ipman ได้ไป เริ่มฟูบค่ะ
จนกระทั่งเมื่อซาบรีน่าประกาศว่า หนังที่ได้รับรางวัลรองมาจากประเทศไทย ดิฉันก็ร้องกรี๊ดแล้วค่ะ หนึ่งใน 5 เรื่องนั้นต้องมาจากไทยแน่นอน พอมาเป็นเคาท์ดาวน์ ดีใจอย่างถึงที่สุด พอจบงานออกมา ก็เที่ยวแสดงความดีใจจนออกนอกหน้าว่า อิฉันรอมาตั้ง 15 ปีกว่าจะได้
ลีวอนซุกขึ้นรับรางวัล
ก็หวังว่าปีหน้าจะมีหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ได้เข้ามาอีกนะคะ ดิฉันจะได้ลุ้นทุกปี หลังจากเหี่ยวมา 14 ปี
|