Q & A รอบโทนี่ เรยส์
ความสำเร็จของ "ที่รัก" ในเทศกาลหนังร็อตเตอดัมครั้งที่ 40 นั้น เป็นข่าวดีสำหรับคนไทยที่ไปร่วมงานเทศกาลในปีนี้ค่อนข้างมาก เพราะถึงแม้ว่าหนังจะได้้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี จะเป็นที่กล่าวขวัญกันมากในช่วงเทศกาลนั้น โดยติดท็อป 5 ของหนังประกวดทั้งหมด แต่เราก็ไม่รู้เลยว่าคณะกรรมการจะเห็นด้วยกับกระแสส่วนใหญ่หรือไม่
ที่รัก ฉายทั้งหมด 6 รอบ เป็นรอบสำหรับสาธารณะ 4 รอบ และสำหรับสื่อและคนเทศกาลอีก 2 รอบ โดยรอบที่เปิดให้สาธารณชนนั้น จะมีถามตอบด้วบทุกรอบ
ทีมป็อบพิคเจอร์สเดินทางไปร่วมงานครั้งนี้หลายคน ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับศิวโรจน์ คงสกุล โปรดิวเซอร์โสฬส สุขุม และน้องนักแสดงนำอีก 2 คน วัลลภ รุ่งกำจัด,
น้ำฝน อุดมเลิศลักษณ์ ซึีงรับบทพ่อกับแม่ของศิวโรจน์
ที่รัก เป็นเรื่องราวที่ศิวโรจน์ได้แรงบันดาลใจมาจากความรักของพ่อแม่ เขาประกาศอยู่ตลอดเวลาว่าทำหนังเรื่องนี้ให้กับคนทั้งสอง และทุกอย่างในหนังแทบจะนำมาจากความทรงจำในช่วงวัยหนุ่มสาวของท่านทั้งสอง ไม่่่ว่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำที่ลพบุรี ร้านตัดผมที่พ่อเคยไป และเพลงที่พ่อเคยฟัง
ไทยซีเนม่า มีโอกาสในร่วมงานในช่วงครึ่งหลังของเทศกาลแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่คนดูจะแน่น เต็มเกือบที่นั่ง ทางเราได้ร่วมฟังตอบข้อซักถามเมื่อหนังฉายเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งโทนี เรยนส์ เป็นพิธีกร และครั้งสุดท้ายหลังจากหนังได้รับรางวัลแล้ว รวมทั้งครั้งที่เปิดให้ผู้กำกับพบกับนักเรียนหนัง
ในช่วงที่เปิดให้กับคนดูทั่วไปนั้น คำถามส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทั่วไป ไม่ได้ลงลึกมากนัก เช่นว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน ใช้เวลาถ่ายทำทั้งหมดกี่วัน (15 วัน) ฉากเป็ดทำได้อย่างไร (ศิวโรจน์ตอบว่าต้องยกความดีให้กับทีมอาร์ต และใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน) เขาเคยทำงานกับอภิชาติพงศ์หรือไม่ (เคย ก็ได้เรียนรู้จากเขาด้วยเช่นกัน) รวมทั้งการคัดเลือกสองนักแสดง
ศิวโรจน์บอกว่า เลือกพระเอก วัลลภ มาจากทีม เขาเป็นอาร์ตไดเร็คเตอร์ให้กับป็อบพิคเจอร์สมาหลายเรื่อง ส่วนเหตุผลที่ศิวโรจน์เลือกเขานั้น เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนรุ่นใหม่ไม่กี่คนที่มีพื้นฐานมาจากชนบท รวมทั้งว่ายน้ำและพายเรือเป็น ส่วนน้ำฝนเพิ่งเรียนจบด้านศิลปะมา และเพื่อนชวนให้มาสมัคร
คนดูปรบมือให้หลายครั้งเมื่อทราบว่านักแสดงทั้งสองเพิ่งจะเล่นหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
รอบพบกับนักเรียนหนัง คนขวาคือผู้กำกับหนังศรีลังกา
รอบที่คุยกับนักเรียนหนังค่อนข้างเป็นที่น่าสนใจมาก คำถามมีตั้งแต่ว่า เขาได้รับอิทธิพลจากผู้กำกับคนใดบ้าง ศิวโรจน์ตอบว่าหลายคน รวมทั้งผู้กำกับไทยรุ่นเก่า
หนังของเขานั้นจะดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ แทบไม่มีแอ็คชั่น ไม่ทราบว่านี่เป็นการต่อต้านฮอลลีวู้ดหรือไม่ ซึ่งศิวโรจน์ตอบว่า เขาไม่ได้ต่อต้าน เพียงแต่ว่าหนังไม่ได้อยู่ในประเภทแอ็กชั่น ถ้าเขาทำหนังแอ็คชั่นก็อาจจะเป็นอีกแบบ
ตอนที่เขากำกับนั้น เขามีบทหรือไม่ แล้วสั่ง "คัท" บ้างหรือเปล่า ศิวโรจน์ตอบว่า หนังมีการเริ่มต้นและการจบอย่างแน่นอน แต่ขณะถ่ายทำนั้น เขาบอกนักแสดงว่าไม่ต้องสนใจทางเทคนิค ให้แสดงไปเรื่อย ๆ ขณะที่ถ่ายนั้น ก็มีหลายฉากที่นักแสดงพูดจบแล้ว แต่บรรยากาศดี บางครั้งธรรมชาติก็งดงามอย่างที่ไม่ได้กะเกณฑ์ไว้ก่อน เขาก็บอกให้ถ่ายไปเรื่อย ๆ
สำหรับเสียงตอบรับอื่น ๆ นั้น บางคนเห็นว่าหนังมีลักษณะเหมือนกำลังอยู่ในกระบวนการนั่งสมาธิ ช้า ๆ และค่อย ๆ ดื่มบรรยากาศ หนังเล่าเรื่องเหมือนบทกวี มีมุมกล้องสวยงาม แต่นักวิจารณ์หลายคนเห็นว่า เนื้อเรื่องของหนังไม่ค่อยแข็งแรง ไม่ได้มีอะไรมากนัก และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่หนังไม่ได้รับรางวัลจากสมาพันธ์นักวิจารณ์นานาชาติไป
Q & A รอบสุดท้าย หลังจากหนังได้รับรางวัล
เครดิตภาพ : ไทยซีเนม่า |