สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

 
หนังประกวด
  อัญชลี ชัยวรพร / 16 พฤษภาคม 2558
  LINK : เมนูเทศกาลหนังเมืองคานส์
 
Share |
Print   
 

 

Day 4 / 16 พฤษภาคม 2558

Carol

 



Todd Haynes เป็นผู้กำกับที่ทำหนังน้อยมาก แต่ละเรื่องห่างกันโดยเฉลี่ยถึง 3 – 4 ปี ผลงานล่าสุด Carol ห่างนานถึงแปดปี (น้อง ๆ หัวเฉี่ยวเฉี้ยนเลยทีเดียว) เลยทีเดียว Carol จึงกลายเป็นหนังทั้งที่น่าสนใจและน่าเบื่อในเวลาเดียวกัน

หนังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของผู้หญิงสองคนสองวัยในนิวยอร์คช่วงต้นทศวรรษ 1950 แครอลมีครอบครัวแล้วและมีลูกสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เธอน่าจะมีชีวิตที่ดีสมบูรณ์แบบ สามีก็รัก แต่แครอลกลับไม่มีความสุขในชีวิตและรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างหายไปจากชีวิต จนเธอมาพบกันสาวน้องเธอรีส พนักงานขายสินค้าในห้างดัง และความสัมพันธ์ของผู้หญิงสองคนก็เริ่มต้นจากวันคริสต์มาสวันนั้น ...ยาวนานเกินกว่ากฎสังคมใด ๆ จะมาขวางกั้น แม้เมื่อพ้นหลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่นั้นแล้ว แครอลต้องแยกตัวออกไปเพราะกฎสังคม

หลายปีผ่านไป เธอรีสพัฒนาตนเองจนกลายเป็นช่างภาพให้กับนิตยสารดังจนได้ เธอทั้งสองพบกันอีกครั้ง ไม่มีใครมีสิทธิ์ทางชนชั้นเหนือกว่าใคร เหลือแต่สิ่งที่ค้้างอยู่ในใจของคนทั้งสอง....

 


หนังสร้างมาจากผลงานชิ้นเดียวของนักเขียนนวนิยายอาชญากรรมชื่อดัง โดยเนื้อเรื่องแล้วมันไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เรื่องแบบนี้มีให้เห็นกันมากในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นเหลือสิ่งเดียวที่จะทำให้หนังมีจุดที่น่าสนใจ ท็อดด์สร้างพลังให้กับหนังเรื่องนี้ด้วยการสานความสัมพันธ์ของคนทั้งสองอันเหนียวแน่นและการแสดงอันชั้นเลิศของ Cate Blanchett ในบทของผู้หญิงวัยกลางคนบนความขัดแย้งในจิตใจ มันดูเงียบเหงาและรื่นเริงในเวลาเดียวกัน หลาย ๆ ฉากทำให้เรารู้สึกร่วมกับความรู้สึกเหล่านี้ที่ถ่ายทอดออกมา ตากล้องทำงานได้เลิศมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นความแตกต่างจาก Thelma & Louise ตอนที่ตัวละครสองคนเริ่มออกเดินทาง อดนึกถึงหนังเรื่องนั้นไม่ได้ แต่มันก็ไม่ใช่อย่างที่เห็นจริง

แต่ตามสไตล์ของหนังท็อดด์ มันไม่มีอะไรใหม่ ดู ๆ ไปก็เบื่อ เขาเล่าเรื่องได้ดีล่ะในฐานะผู้กำกับมือโปรที่นาน ๆ ทำหนังดี แต่มันยังขาดความแปลกใหม่เช่นเดียวกับหนังอเมริกันหลายเรื่อง พูดกับง่าย ๆ มันเป็นหนังดี แต่คงไม่ขึ้นชั้นคลาสิค

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

My Mother - "แม่ครับ ผมรักแม่ครับ" สุดยอดความเป็นมอเร็ตตี้

 

 

มันเริ่มจากชีวิตประจำวันช่วงหนึ่งของผู้กำกับหญิงคนหนึ่งที่เผอิญต้องมารับผิดชอบหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นงานกำกับของเธอที่่ต้องเผอิญมาเจอกับนักแสดงอเมริกันที่เวิ่นเว้อ แถมยังพูดภาษาอิตาเลียนไม่ได้ในช่วงที่แม่ของเธอกำลังป่วยหนัก มาร์กาเร็ตต้าเจอปัญหาครั้งใหญ่ในความพยายามที่จะทำทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนักในชีวิตแบบฝรั่งที่เป็นครอบครัวเดี่ยว มาร์กาเร็ตต้าต้องผลัดกันมาดูแลแม่กับพี่ชายอีกคนซึ่งเป็นอาจารย์ชายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (นำแสดงโดยแนนนี่ มอเร็ตตี้เอง)

จากบรรยากาศในตอนแรกที่ดูน่ารำคาญของมาร์กาเร็ตต้าที่อยู่ในเข้าข่ายไม่น่าเชื่อ กะอีแค่ต้องทำงานหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เธอก็จัดการอะไรในชีวิตไม่ได้เลย แม้เมื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่ได้เห็นจะยากอะไรอย่างท่อประปาแตก หาบิลล์ค่าไฟ เธอก็จัดการอะไรไม่ได้เลย ...จนผู้เขียนเกือบเดินออกจากโรง

แต่แล้วเมื่อค่อย ๆ ดูไปจนถึงจบ ดิฉันกลับกลายเป็นเห็นว่าหนังเต็มไปด้วยพลังของแนนนี่ มอเร็ตตี้แทรกอยู่ไปทั่วหนัง และแนนนี่เองอาจจะทำหนังเรื่องนี้อุทิศให้แม่ของเขา แม้ว่าเขามิได้เป็นนักแสดงหลักในหนังเรื่องนี้ เป็นแค่ดาราสมทบที่เล่นเป็นพี่ชายของมาร์กาเร็ตต้า ... ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้คือแนนนี่ หรือถ้าจะกล่าวไม่ผิดเลย คือ My Mother is Nanni Moretti.

 



เพียงแต่ว่าเขาแจกจ่ายรายละเอียดที่เป็นตัวเขากระจายไปทั่วในหนัง ภาระหนักที่รุมเร้าเขาทั้งในฐานะผู้กำกับที่ต้องดูแลแม่ส่งไปให้มาร์กาเร็ตต้า มุขตลกขำขันในตัวเขาส่งไปให้นักแสดงอเมริกันแบรี่ ฮิกกิ้น (นำแสดงโดยจอห์น เทอเทอโร) ทั้งการที่ชอบทำหนังที่สะท้อนชีวิตความเป็นจริงก็เห็นในหนังที่มาร์การเร็ตต้ากำกับ และที่สำคัญคือการรักแม่ของเขาที่มีแม่ก็เห็นได้จากบทที่เขารับเองกับผู้กำกับมาร์การเร็ตต้านั่นเอง

แม่เป็นคนที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาเสมอ ดังนั้นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แม่เป็น เขาก็โยนให้ตัวละครที่เป็นลูกศิษย์ของแม่เป็นคนกล่าว "มาโรมทีไร ผมจะแวะมาคุยกับอาจารย์เสมอ อาจารย์ทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีความสำคัญเสมอ"

ทุกอย่างในหนังได้สะท้อนมุมความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแนนนี่ มอเร็ตตี้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นคำพูดของผู้กำกับมาร์กาเร็ตต้าที่พร่ำบอกนักแสดงว่า "อย่าเล่นเป็นนักแสดงคนนั้น แต่เล่นเป็นตัวละครที่อยู่ข้าง ๆ นักแสดงคนนั้น" แท้ที่จริงแล้ว มันได้บอกนัยทั้งหมดว่าผู้กำกับเรื่องนี้คือเขานั่นเอง โดยเฉพาะความจริงที่ว่าเขาเองก็เป็นพี่ชายของผู้กำกับที่กำลังสูญเสียแม่เช่นเดียวกัน

ดูหนังแล้วคิดถึงแม่และรักแนนนี่มากกว่าเดิม



   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.