สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

 
หนังประกวด
  อัญชลี ชัยวรพร / 18 พฤษภาคม 2557
  LINK : เมนูเทศกาลหนังเมืองคานส์
 
Share |
Print   
       
 

DAY 5




 


Map To the Stars เบื้องหลังมายาฉบับวิ่งวน

เป็นงานหนังของเดวิด โครเนนเบิร์กที่ขนดาราดังมากันเพียบ  ไม่ว่าจะเป็นจูเลี่ยน มัวร์  โรเบิร์ต แพตติสัน  จอห์น คูแซค และมีอา วาสิเคาสกา  กับการเปิดเผยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ไปเกี่ยวข้องกับวงการฮอลลีวู้ด  เป็นหนังปั่นป่วนด้วยเรื่องเล่าและพล็อตที่เงื่อนงำยอกย้อนไปมา  ตามสไตล์ของโครเนนเบิร์กเขา  แต่เมื่อมาถึงตอนจบ  ทุกอย่างมันวิ่งกันมาเป็นก้อนกลมและคลี่คลายออกมาในที่สุด

แซนฟอร์ด ไวส์เป็นนักบำบัดจิตทางทีวีชื่อดัง  ที่มีลูกค้าระดับฮอลลีวู้ดจำนวนมากมาย  นอกจากเรื่องราวของหนังจะไปวกวนอยู่กับชีวิตของเหล่าดาราอันปั่นป่วน  ฉงนฉงายอย่างที่เรารู้ ๆ กันอยู่  ครอบครัวของแซนฟอร์ดก็มีความลับบางอย่างที่วุ่นวายอยู่ไม่น้อย  คริสติน่าภรรยาของเขาคงทำหน้าที่เมียและแม่ที่ดี  คอยดูแลลูกชายเบนจี้วัยสิบสาม  ผู้ที่เริ่มมีวี่แววที่จะเติบโตเป็นนักแสดงดังได้ในอนาคต     ถ้าเพียงแต่เขาจะไม่มีฝันแปลก ๆ เข้ามาเป็นประจำในชีวิต  ฝันถึงพี่สาวคนหนึ่งที่จากหายไป

ขณะเดียวกัน เด็กสาวผู้สมัครมาเป็นเลขาส่วนตัวของดาราสาวจิตเพี้ยนฮาวาน่า ซีแกรนด์ ที่ดูจะเป็นที่รักใคร่กับนายจ้างเป็นอย่างเดียว  ถ้าเพียงแต่เธอจะไม่มายุ่งย่ามกับชู้รักที่เธอพบเมื่อเริ่มเดินทางเข้ามาสู่ฮอลลีวู้ด  เรื่องมันปั่นป่วนยิ่งเข้าไปอีกเมื่อคริสติน่าภรรยาของแซนฟอร์ด  เผชิญหน้ากับแม่เลขาคนใหม่ของฮาวาน่า  เพียงที่จะบอกเธอว่าให้ออกไปจากชีวิตของครอบครัวพวกเขา

หนังดีกว่าเรื่องที่แล้ว Cosmopolis ของโครเนนเบิร์กขึ้นมาก  และคงสไตล์ในเรื่องความยอกย้อน  กำกวมของเรื่องที่ดำเนินเป็นก้อนกลม  เมื่อเปิดเผยในตอนจบ  แต่มันมีอยู่แค่นั้น  รายละเอียดอื่น ๆ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  โดดเด่นหน่อยคือการแสดงของเหล่าดารา  โดยเฉพาะจูเลี่ยน มัวร์ 

 


Le Meraviglie (The Wonders) นีโอเรียลลิสต์ฉบับผู้หญิง

หนังอิตาเลียนเล็ก ๆ เรื่องนี้  เป็นหนังนอกสายตาผู้จัดอยู่เล็กน้อย  เมื่อไม่มีการจัดฉายรอบสื่ออย่างจริงจัง  โดยให้สื่อไปดูรวมกับรอบปรกติ  ซึ่งฉายเพียงรอบเดียวในเวลาบ่าย  แม้การจัดฉายที่สุดแสนจะจำกัดจำเขี่ยนี้  ก็มิได้คนเข้าไปแย่งกันดูอะไรมากนัก

The Wonders เป็นหนังเรื่องที่สองของผู้กำกับหญิงสามสิบสาม Alice Rohrwacher  ก่อนหน้านี้เธอมีผลงานภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Checosamanca และหนังเรื่องแรก Corpo Celeste พอมาเป็นผลงานเรื่องยาวที่สอง  งานของเธอจึงมีลักษณะเหมือน neorealist อยู่กลาย ๆ  ไม่มีประดิษฐ์หรือเสแสร้ง  หนังมีลักษณะเหมือนจริงอยู่ไม่น้อย 

เรื่องเล่าในช่วงวันหยุดภาคฤดูร้อนของเด็กพี่น้อง 3 คนในครอบครัวซึ่งมีอาชีพเก็บน้ำผึ้ง  พ่อไม่มีเวลาดูแลลูก ๆ มากนัก  เพราะภารกิจการทำงาน  เขาเป็นคนเคร่งเครียดที่ยุ่งเหยิงตลอดเวลา  ส่งผลให้ชีวิตของเด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนั้น  แล้วจู่ ๆ เด็กชายชาวเยอรมันชื่อมาร์ตินก็เข้ามาเกี่ยวข้อง  ทำให้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่พ่อวางไว้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง  เด็ก ๆ พากันเข้าร่วมประกวดการแสดงทางโทรทัศน์ที่ชื่อว่า "Village Wonders” เพียงเพื่อที่จะพบว่าการแสดงของเขากลายเป็นเรื่องตลก  ...แต่นั่นมิใช่สิ่งมหัศจรรย์ที่พวกเขาจะพานพบในที่สุด

เป็นหนังเล็ก ๆ ที่มีการเล่าเรื่องลงตัว  ทั้งบท การแสดง  และรายละเอียดต่าง ๆ  Rohrwacher เป็นผู้กำกับที่น่าจับตามองอย่างถึงที่สุดในอนาคต




The Homesman - road movie แบบเฟมินิสต์จากชายหน้ายับที่ชื่อทอมมี่ ลี โจนส์

ทอมมี่ ลี โจนส์อาจจะเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงชั้นนำของโลกฮอลลีวู้ด แต่เขาก็เคยกำกับหนังอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง Three Burials of Melquiades Estrada ที่เขากำกับเอง แสดงนำเอง และได้รับการคัดเลือกเข้าประกวดที่คานส์เมื่อปี 2005 ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำและหนังได้รับบทยอดเยี่ยมในปีนั้น ดังนั้นการกลับมาสู่คานส์ด้วยเรื่อง The Homesman ช่วยตอกย้ำฝีมือในการกำกับของเขาอยู่ ไม่มากก็น้อย

หนังเล่าเรื่องของคัดดี้ หญิงสาวที่พำนักอยู่บริเวณชายขอบของอเมริกาในยุคเคาบอย จับพลัดจับผลูให้เป็นผู้ขนส่งหญิงเสียสติสามคนในเมืองนี้ไปรักษาที่โบสถ์ในไอโอว่า คัดดี้ต้องเดินทางบนเกวียนกว่า 400 ไมล์ บนเส้นทางโดดเดี่ยวและแทบจะไร้ผู้คน เขาไปพบกับนายกระจอกจอร์จ บริกส์ที่กำลังจะเป็นจะตายเท่ากันจากการถูกแขวนคอ คัดดี้ยอมช่วยจอร์จ โดยเขาต้องรับปากว่าจะช่วยเธอในการเดินทางครั้งนี้

ความยากลำบากในการเดินทาง ผสมผสานกับการเรียนรู้ชีวิตของหญิงทั้งสาม ทำให้คัดดี้ตัดสินใจกระทำบางอย่างที่ไม่มีใครคาดว่าจะเกิดขึ้น เหลือจอร์จเพียงคนเดียวที่จะต้องรับผิดชอบหญิงบ้าทั้งสาม ตอนแรกเขาตัดสินใจทิ้งพวกเธอไว้ในป่านั้น แต่แล้วเขาเปลี่ยนใจ

ทอมมี่ ลี โจนส์เป็นเฟมินิสต์ การนำเสนอเหตุผลที่ทำให้หญิงเหล่านั้นเสียสติในฐานะตัวแทนของสังคมตะวันตกในยุคบุกเบิกนั้น ดูเหมือนจะตอกย้ำข้อเท็จจริงเหล่านั้น และเมื่อเขาเป็นผู้ชายในอุดมคติที่หายาก ผู้หญิงอย่างดิฉันจึงให้อภัยกับความไม่ต่อเนื่องและปะติดปะต่อในการนำเสนอความละมุนละไมของหนังเรื่องนี้ อันที่จริงหนังมีจุดเด่นหลายประการในการใช้มุมกล้องและถ่ายภาพของหนังเรื่องนี้ มันเวิ้งว้าง ห่างไกล โดดเดี่ยว เหมือนสังคมอเมริกันในยุคนั้น และอาจจะเหมือนผู้หญิงในยุคเคาบอย แม้เหตุผลที่ทำให้พวกเธอเสียสตินั้น มิได้เกิดจากน้ำมือชายทั้งหมด แต่สภาพความขาดแคลนและห่างไกลของสังคมอเมริกาตะวันตกยุคนั้น ก็มีส่วนที่บีบรัดความเป็นอยู่ของชีวิตหญิงเหล่านั้น

หนังมีฉากละมุนละไมที่แสดงให้เห็นความผูกพันของหญิงทั้งสี่กับชายนายกระจอกอย่างนึกไม่ถึง ยังไม่รวมไปถึงความเข้าใจและความเอื้ออาทรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คัดดี้มีต่อหญิงบ้าเหล่านั้น รวมทั้งฉากที่ทำให้ช็อคอยู่หลายตอน แต่จุดดีเหล่านี้มันไม่ได้มีอย่างต่อเนื่อง หลาย ๆ ตอนก็ยังมีภาพทอมมี่ ลี โจนส์ที่พวกเราคุ้นเคย นอกไปจากนั้นช่วงให้ที่มาของตัวละครหญิงทั้งสี่คนมากเกินไปหน่อย มันไม่จำเป็นต้องขนาดนั้น ถ้าหนังเน้นการเดินทางของพวกเขา อาจจะทำให้หนังน่าสนใจกว่านี้

เป็น road movie แบบเฟมินิสต์จากชายหน้ายับที่ชื่อทอมมี่ ลี โจนส์

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.