สนับสนุนโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม Supported by Office of Contemporary Art And Culture ,Ministry Of Culture

หน้าแรก
ข่าว
วิจารณ์
สัมภาษณ์
บทความพิเศษ
รายงานหนังไทยในเทศกาลหนังต่างๆ
รายชื่อหนังสือและบทความเกี่ยวกับหนังไทย
รายชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน
 
รายชื่อหนังเก่า
 
 
 
 

   

บันทึก thaicinema.org ณ เมืองคานส์

  เรื่อง และ ภาพ โดย อัญชลี ชัยวรพร
  LINK : เมนูรวมรายงานเทศกาลหนังเมืองคานส์
   
 

Day 5 วันที่สายสัมพันธ์กับไทยติด ๆ ขัด ๆ กับ Indiana Jones

เขียนไว้แบบนี้  คนอ่านอาจจะงงว่ามีอะไรอีกล่ะ  ไม่มีอะไรหรอก  สงสัยเมื่อวานด่าฝรั่ง  ก็เลยมีอันให้เกิดเหตุ  วันนี้ทั้งวัน สายเชื่อมเน็ตกับไทยมีปัญหา  เข้าเว็บไม่ได้  อัพก็ไม่ได้  และไม่ได้เป็นเฉพาะของเว็บตัวเองนะ  เป็นหมด  เว็บมหาลัยเกษตรก็เป็น  จุฬาก็เป็น  พันทิปก็เป็น  ธนาคารกรุงเทพก็เป็น  จนทำให้ดิฉันไม่เป็นอันทำอะไร  ตามแก้ทั้งวัน  ก็ยังไม่หาย  ลองไปใช้เครื่องของจีทีเอช  บอกว่าช่วยเปิดเว็บในเมืองไทยให้หน่อย  น้องตอบว่าได้เลยค่ะ พร้อมเตรียมเปิดเว็บ "....หนัง.com"  อิฉันปล่อยก๊าก บอกว่าไม่ใช่   ไม่ใช่่  ของพี่ต้อง thaicinema.org จ๊ะ    แหม มุขนี้เด็ดนะจ๊ะ

วันนี้ฉายหนังประกวดแค่เรื่องเดียวเองค่ะ  คือ อิฉันไม่ค่อยเข้าใจคานส์ปีนี้เป็นอะไร  งดหนังประกวดรอบเย็นไปตั้งหลายเรื่อง  บังคับให้ดูหนัง Woody Allen บ้างล่ะ  วันนี้ก็ไม่มีอะไรเลย  แต่หนังประกวดบางเรื่อง  กลับเอาไปฉายรอบบ่าย  แบบเหมือนไม่ให้คนดูอย่างนั้นแหล่ะ  เลือกปฏิบัติจริง ๆ   

อาจเป็นไปได้ว่า เพราะรอบกาล่าดินเนอร์วันนี้  เป็นหนังเรื่อง Indiana Jones  ซึ่งคนมามุงดูดาราร่วมล้านแปด  เป็นครั้งแรกที่แฮริสัน ฟอร์ด เดินทางมาคานส์   คนถามสปีลเบริ์กว่ารู้สึกอย่างไรบ้างที่มาคานส์  เขาบอกว่า E.T. เคยเป็นหนังปิดเทศกาลอยู่ปีหนึ่ง  แต่เป็นครั้งแรกที่ Indiana Jones มา  พิธีกรถามว่า รู้สึึกอย่างไรที่กลับมาทำเรื่องนี้อีกครั้ง  เขาบอกว่ารู้สึกเป็นเด็กมากขึ้น  young young เสมอ

เจอคุณสิน ยงยุทธ ทองกองทุน ที่บูธจีทีเอช  ถามว่าดูหนังหรือยัง  อิฉันบอกว่า ไม่ดูหรอก  หนัง local กลับไปดูที่บ้านก็ได้  แต่คุณสินดูแล้ว  เป็นแฟนเก่า  อิฉันก็บอกไปว่า เป็นแฟน Indiana Jones เหมือนกัน  แต่เป็นแฟนแฮริสัน ฟอร์ด   : )  

แต่ดิฉันเอารูปลุงแฮริสัน ฟอร์ดมาให้ดู  โอ้ ลุงเหี่ยวไปเยอะเลย  

ป๋าสปีลเบิร์กกับไดเร็คเตอร์คานส์ Thierry Fremaux
แฮริสัน ฟอร์ด ผู้มาเมืองคานส์เป็นครั้งแรก

Cate Blanchette งามแต้เน้อ


Rini สาวอินโดเพิ่งกลับมาจากดูหนัง  บอกว่า เพิ่งเจอเจ้ยเมื่อตะกี้นี้ (เวลาฝรั่งเศส 19.00)  เจอโดยบังเิอิญ  เธอขอสัมภาษณ์เจ้ย  รู้แล้วล่ะว่าเธออยากสัมภาษณ์เจ้ยมานานแล้ว  เจ้ยคิดว่าเธอเป็นคนไทย  แต่ดิฉันขอบอกว่า น้องคนนี้เธอไฟแรงมาก  และนิสัยดีอย่างไม่น่าเชื่อ

Day 4 Woody Allen กับอาถรรพณ์ของ The Coffin โลงต่อวิญญาณ

วันนี้ดูหนังประกวดหมดเลย  เรื่องแรกเป็นของผู้กำกับบราซิล Walter Salles คนที่ทำ Motorcycle Diaries นั่นแหล่ะ  เรื่องใหม่ชื่อว่า LINHA DE PASSE  ภาษาอังกฤษน่าจะแปลว่า Lion's Den

วันนี้ไปปาร์ตี้ของญี่ปุ่น  กะจะแวะไปทักเคนจิซัง  โปรแกรมเมอร์หนังเอเชียคนใหม่ของโตเกียว  แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ  จนกินซูชิได้อิ่มหนำสำราญ  ก็แวะไป พลับพลาไทย  หรือที่เรียกว่า Thai Pavillion เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนี้จะมีปาร์ตี้ของไทย  อิฉันก็บอกว่าติดดูหนัง  เขาบอกว่ามีถึง 6 โมงเย็นเลย  ก็ไปไม่ได้อยู่ดี   ยังไงหนังประกวดต้องดูทุกเรื่อง

แวะไปถ่ายรูปหนังไทยในตลาดอีกครั้ง  ไปที่บริษัท Easternlight ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายต่างประเทศของ The Coffin หนังของคุณเอกชัย  เขาบอกว่า รอบที่จะฉายอีกรอบในวันที่ 19 ต้องยกเลิก  เพราะฟิลม์เสีย  อิฉันบอกว่า อ้าว ว่าจะไปดูอยู่เชียว  เขาก็ขอโทษขอโพยกันใหญ่ เสียดายจัง เห็นทีจะต้องสะเดาะเคราะห์แล้วล่ะ


ดิฉันเดินไปห้องทำงานสื่ออีก  ก่อนจะเข้า  เห็นคนเยอะมาก  ก็คิดว่าคงจะเป็นดาราฮอลลีวู้ดอีกเช่นเคย  คิดไปคิดมา คิดว่าน่าจะเป็น ไมค์ ไทสัน  พอดีมีหนังของเขามาเรื่องหนึ่ง  แต่พอเข้าไปในห้อง  เจอเพื่อนนักข่าวอินโดชื่อ Rini หันมาเรียก  “อัญชลี มานี่ ๆ  มาถ่ายรูปเร็ว”  อิฉันก็ถามไปว่า ใครมา  ถามแบบไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นไมค์ ไทสัน  แต่พอ Rini บอกว่า “Woody Allen” เท่านั้นแหล่ะ  อิฉันไปยืนแถวหน้าเลย (ที่ Rini จองให้)

รอ ๆ รอ  ถ่ายได้แต่สาว Scarlett Johasson มองหา Woody Allen หาไม่เจอ  อยู่ไหนเนี่ย   หาไปหามา  จนตาแทบเหลือก  ถึงจะเห็น  ลุงแกถูกการ์ดบังหมด  ตัวเตี้ยไปหน่อย  ไม่รู้ลูกบุญธรรมเกาหลี  แกหลงรักไปได้อย่างไร

ตอนบ่ายแวะไปดูเรื่อง 24 City ของเจี่ยจางเก๋อ  สงสัยจังว่าเขาจัดตารางอย่างไร  หนังของเขาฉายทั้งหมดแค่  2 รอบ  รอบสื่อในโรงเล็กจุที่นั่งได้แค่ 250 คน  อีกรอบเป็นทางการเลย  ทำให้อิฉันได้ดูรอบเดียวกับกรรมการเลย  แต่อิฉันนั่งข้างบน  (ตั๋วแพงกว่า ฮิ ฮิ)


จากนั้นต่อด้วยหนังประกวดฟิลิปปินส์เรื่อง Services ของ Brilliant Mendoza ปรากฏว่า คนไม่เยอะ   ทำให้เราได้ที่นั่งข้างล่าง  Rini เห็นที่ตรงกลางว่าง  รีบเข้าไป  เจอฝรั่งตัวโตขวางทาง  บอกว่า  นี่ที่ตรงนี้  สำหรับพวกบัตรขาว  พร้อมมองหน้า Rini แบบหยามเหยียด 

อิฉันก็เลยด่าไป  Ok, sir. We might not get the best badge as you do. But we are independent enough to found our own media. I had already contributed to such a big media as Variety and it's me who turned my back against them. I don’t think you will be able to do the same as me if you are in my position. ว่าไปแล้ว  อิฉันก็เชิดหน้าใส่

เบื่อไอ้พวกที่ชอบคิดว่าตัวเองใหญ่   แท้ที่จริงก็พวก mainstream ต้องขึ้นกับคนอื่น

แต่ไม่เป็นไร  หลังจากด่ามันแล้ว ได้ดูหนังฟิลิปปินส์ Services โ้อ้ย ดีมากเลย   จนอิฉันคาดไม่ถึง  โปรดอ่านบทวิจารณ์ต่อไป

Day 3 เจอนนทรีย์แล้วจ้า

หนังประกวดวันนี้เป็นหนังฝรั่งเศสเรื่อง A Christmas Tale ซึ่งขนดาราฝรั่งเศสมาเป็นแถว  ดูจบแล้ว  เพื่อนร่วมห้องอย่าง Rini บอกว่า so French stereotype และหลาย ๆ คน  ก็บอกเช่นนั้น  แต่บ่เข้าใจว่าจะอธิบายให้ความหมายต่ออย่างไร  กับคำว่า so French อย่างที่เขาว่ากัน

หลังจากนั้นแล้ว  ดิฉันก็ไปแวะตลาดหนัง    เดินไปเดินมา  มีคนเข้ามาแตะไหล่  “หวัดดี”  หันไป  อ้าว คุณปุ๊ก พันธุ์ธรรม ทองแสง นั่นเอง  คุณปุ๊กบอกว่า มาเพราะโครงการ “Thai Pitch Project”  ซึ่งพาผู้กำกับมาหาเงินลงทุน  เหมือน HAF

คุยกับคุณปุ๊กอีกพัก  มีคนมาแตะไหล่อีกคน  หันไป  ใครวะ  หน้าตาคุ้น ๆ  ใช้เวลาอยู่หลายวิ  ถึงเพิ่งนึกได้  อ้อ พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร นั่นเอง  ตัดผมใหม่  ทำไมหน้าตาเหมือนวิศิษฎ์ (ศาสนเที่ยง)  ทำเอาดิฉันงงไปพักใหญ่  พีุ่อุ๋ยก็งง  กับหน้าตาเลิ่กลั่กของข้อย เราคุยกันต่อ   ฉันบอกคุณปุ๊กว่าโปรเจ็คนี้ดี  ปีนี้คนไทยและองค์กรต่าง ๆ เริ่มทำงานถูกทางมากขึ้น  พี่อุ๋ยบอกว่า ใช่  อย่างน้อยก็ไม่ได้มาเดินเที่ยวเล่นกันอีกต่อไป 

น้องอภิชนา โปรดิวเซอร์พี่อุ๋ย, พี่อุ๋ย นนทรีย์ และคุณปุ๊ก พันธุ์ธรรม ทองแสดง

 

โต๋เต๋อีกสักพัก  ก็ไปดู Soi Cowboy  ส่วนผลตอบรับเป็นอย่างไร  อ่านที่นี่ 

วันนี้ฉายหนังประกวดแค่เรื่องเดียว  ส่วนเวลาตอนเย็น  ฉายหนัง Woody Allen เรื่อง Vicky Cristina Barcelona ตัดสินใจไม่ไปดู  ทำงานดีกว่า   คิดว่า กลับไปดูที่บ้านก็ได้  เชื่อว่าจะต้องมีคนสั่งหนังของเขาไปฉายบ้านเราอยู่แล้ว  พอออกมาแล้ว  เจอใครต่อใคร  ทุกคนบอกว่าดีกันหมด

DAY 2 - วันแห่งความบังเอิญ เจอ Dustin Hoffman, Angelina Jolie, เจ้ย ...อภิชาติพงศ์ แล้วจ้า

วันที่สอง ภารกิจแน่นขนัด  จนทำให้การรายงานเทศกาลวันนี้  ไม่สามารถสรุปได้เมื่อคืน   งานของวันก็เริ่มจากการดูหนังประกวดอาร์เจนติน่า เรื่อง Lion's Den  จะเป็นเช่นไร ให้ไปอ่านได้ที่ บทวิจารณ์หนังประกวด  

หลังจากนั้นได้ไปดูหนังในสาย Un Certain Regard เรื่อง Tokyo  ซึ่งเป็นหนังสั้น 3 เรื่อง ให้ผู้กำกับ 3 ชาติ ได้แก่ ฝรั่งเศส 2 คน เกาหลีคน  ดูไปได้ 2 ตอน ก็ออกมาเลย กลายเป็นหนังเรื่องแรกที่วอล์คเอาท์  เรื่องแรกหลับไปครึ่งเรื่อง ไม่ไหว  หลับได้ตั้งแต่สิบเอ็ดโมงกว่า  เรื่องที่สอง ดูด้วยความอึดอัด  คือ พวกหนังเชิง omnibus film นั้น ดิฉันคิดว่ามันใช้ได้กับโจทย์บางอย่างเท่านั้น  และด้วยความที่ผู้กำกับที่ได้เลือก  ส่วนใหญ่ต้องการจะแสดงสไตล์ของตน  บางคนก็เลยจงใจไปหน่อย  จงใจให้มันตลก  แต่มันไม่ใหม่  ไม่ตลก  ทำให้อิฉันดูหนังด้วยความทุกข์ทรมาณ  แล้วทำไมเราจะต้องทรมาณตัวเองด้วย

หลังจากนั้นแล้ว ก็มาอัพเดทเว็บช่วงแรกให้  ขณะที่กำลังทำงานอยู่นั้น  ทันใดนั้นได้ยินเสียงโห่ร้องของพวกช่างภาพ  หันไปดู  ก็เห็นว่าเป็นช่วง Photo Call ของหนัง Kungfu Panda ซึ่งมีดาราดังอย่าง ดัสติน ฮอฟฟ์แมน และแองเจลิน่า โจลี่   อิฉันก็คว้ากล้องมับไปอยู่แถวหน้าเลย  หนนี้การ์ดตัวโตกั้นไม่ให้เราได้เข้าไปชิดหน้าต่าง  อิฉันก็เลยเอาเก้าอี้มาต่อให้สูงกว่าคนอื่น ๆ ก็เลยได้รูป 2 ดาราใหญ่ ดังนี้

ป๋าดัสติน ฮอฟฟ์แมน แก่ไปเยอะจริง ๆ
แองเจลิน่า โจลี่ ซึ่งแบรด พิทท์ บินมาด้วย แต่ไม่มาร่วมงานแถลงข่าว แต่มาตอนงานเปิดหนัง


จากนั้น ก็รีบลงไปตลาดหนัง จะไปถามว่า หนัง "หนึ่งใจเดียวกัน" ฉายที่ไหน  ปรากฎว่าเห็นคนไทยกำลังรอเข้าเฝ้าทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์อยู่  พอท่านเสด็จเข้ามา  ทางเทศกาลจัดบอดี้การ์ดฝรั่งอยู่ 2 - 3 คน  แต่ทีมคนไทยเยอะมาก  ทั้งตากล้องทีวี  ซึ่งยกกล้องถ่ายจากข้างหน้าเลย  ทำให้ฉันเองถ่ายรูปไม่ค่อยได้  จนท่านเสด็จมาที่บูธจีทีเอชนั่นแหล่ะ  ถึงพอจะมีโอกาสบ้าง

งานแถลงข่าวและเลี้ยงต้อนรับจัดที่โรงแรมคาร์ลตันตอนหนึ่งทุ่มตรง  ดิฉันไปช้ากว่าชั่วโมง  เพราะไปดูหนังประกวดอีกเรื่อง  แล้วก็รีบมาอัพเว็บนิดหน่อย  ไปถึงปรากฎว่าไม่มีตัวแทนจากค่ายใหญ่ ๆ เท่าไรนัก  ยกเว้นจีทีเอช  ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายให้หนังเรื่องนี้ด้วย  แขกมีประมาณหนึ่ง  เพราะเขาค่อนข้างจะจำกัดในการแจกบัตร  ทำให้ฝรั่งขี้นกที่ชอบหลอกคนไทยไม่ได้บัตรเลย  แต่ทางเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการส่งออก  ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ของงานบอกว่า คนไทยเข้าได้ทุกคนไม่มีปัญหา  ดิฉันก็เลยเข้าไปได้  

มีคนบอกว่า น้องนุ่นมาด้วย  ดิฉันตามหา เลยเข้าไปขอถ่ายรูป  บอกว่าจะลงเว็บ  แล้วหันไปคุยกับน้องนุ่นว่า พี่เคยลงเรื่องตอนที่น้องไปอูดิเน่ครั้งหนึ่ง  น้องนุ่นจำได้  ยกมือไหว้  บอกว่าคราวที่แล้วไป  เหงามาก  มีแค่น้องนุ่นกับผู้ติดตาม   ฉันถามว่าเขาต้อนรับดีไหม  น้องนุ่นบอกว่าดีมาก  

จากนั้นน้องที่ทำหนังสั้นเข้ามาทัก  บอกว่า พี่เคยลงหนังสั้นของผมเรื่องหนึ่ง  ดิฉันก็ยิ้มลูกเดียว แหะ แหะ จำบ่ได้อ่ะ  ดิฉันถามไปว่า อ้าว! แล้วรู้ได้ไงว่าเป็นคนทำเว็บ  น้องบอกว่าเคยเห็น  คือ อิฉันขอออกตัวก่อนนะคะว่า ที่บางครั้งไม่ได้ทักใคร  ด้วยความคิดมาตลอดว่า ตัวเองไม่เป็นที่รู้จักในเมืองไทย  จริง ๆ แล้่ว ที่ตัวเองเลือกทำงานกับเมืองนอก   เพราะสื่อบ้านเราเขาไม่อยากได้เรื่องของดิฉัน  เขาบอกยาก  เขาอยากได้แต่รายงานข่าวจากเมืองนอก  เขียนฟรีด้วย   รวยแบบเข้าตลาดหุ้นด้วยนะ    ดิฉันเขียนฟรีให้ได้  ก็เฉพาะมูลนิธิหนังไทยเท่านั้น  แรก ๆ ก็เสียใจนะ  เพราะตััวเองเขียนภาษาไทยดีกว่าอังกฤษ  ก็เลยคิดว่า ไปเมืองนอกก็ได้  ถ้าเมืองไทยไม่ต้องการ  จนได้ไปไอเดียเรื่องทำเว็บนี้แหล่ะ

หลังจากนั้น ดิฉันเดินกลับมายังบริเวณ Palais des Festival คิดว่าจะมาทำเว็บต่อ  เดินไปเดินมา ว้าว ! เจอเจ้ย (อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล)  เจ้ยบอกว่า วันนี้ทำหน้าที่กรรมการเสร็จแล้ว  ดูหนังไป 2 เรื่อง  ก็เลยคิดว่าจะมาหาข้าวกิน  เราก็คุย ๆ กันเรื่องหนัง ๆ  ได้ดูหนังสั้นชุด Tokyo เจ้ยบอกว่า เดิมเขาชวนเจ้ยทำด้วย  แต่เจ้ยไม่ได้ทำ  เอ้อ ดิฉันคิดว่า เจ้ยไม่ทำก็ดีเหมือนกัน  หนังแย่ทั้งชุด   เดี๋ยวจะพลอยทำให้งานของเจ้ยติดร่างแหไปด้วย  เราคุยกันหลายเรื่อง  แต่ไม่เอามาเล่าหมดหรอก  ไม่ดีหรอก  ไม่ได้ขอถ่ายรูปด้วย  คือ ตัวเองค่อนข้างจะแยกเวลาส่วนตัวของผู้กำกับน่ะ  ดิฉันเป็นนักข่าวที่ไม่ดีหรอก  ล่าข่าวไม่เป็น  ตอนนี้เป็นเวลาส่วนตัวของเจ้ยด้วย

ระหว่างเดินทางต่อ  ดิฉันเผลอไปเหยียบขาคนข้างหน้าเข้า  เขาค่อย ๆ หันมาช้า ๆ มามองหน้า  ดิฉันบอกว่า Sorry!  เขามองหน้าฉัน เพราะว่าอิฉันหน้าตาจีน ๆ เหมือนเขา

"หน้าคุ้น ๆ แฮะ" นึกไปนึกมา เจี่ยจางเก๋อ ผู้กำกับจากจีนที่มีผลงานเรื่อง 24 City เข้าประกวดในปีนี้ !

DAY 1 - เงียบฉี่วิเวกวังเวงกับหนังเปิดเทศกาล Blindness

ในวันเปิดของเทศกาลวันนี้จะไม่ค่อยมีกิจกรรมเท่าไรนัก  คงจะมีก็เฉพาะในส่วนที่เป็นสายทางการ หรือที่เรียกว่า official  โดยจะฉายหนังประกวดแค่ 2 เรื่อง คือ Blindness กับ Waltz With Bashir ทั้งรอบสื่อและรอบที่เปิดเป็นทางการ

ฉายหนังรอบแรกไปแล้วเวลา 10.00 น. กับหนังเปิดเทศกาล Blindness หนังร่วมหลายชาติได้แก่ บราิซิล แคนาดา และญี่ปุ่น ให้ผู้กำกับบราซิล Fernando Meirelles เป็นคนทำ สร้างจากนวนิยายรางวัลโนเบลของ Jose Saramago เรื่องราวของคนทั้งเมืองที่เกิดตาบอดขึ้นมา  ผลปรากฎว่าไม่มีเสียงตอบรับอะไรเลย เงียบฉี่มาก  จนมีหน่วยกล้าตายเริ่มนำด้วยการปรบมือให้  แต่ก็ไม่มีใครสานต่อด้วยโห่เหมือนเช่นเดิม สำหรับบทวิจารณ์ โปรดติดตามในอีกหลายชั่วโมงข้างหน้า  (หลัง 4 ทุ่มเมืองไทย)  หลังจากนั้นตอนนี้ต้องไปรับใช้ชาติ ด้วยการติดตามเจ้ย อภิชาติพงศ์ก่อน

วันนี้จะมีการแถลงข่าวเพียง 2 งานเช่นกัน นั่นก็คือ หนังเปิดอย่าง Blindness และคณะกรรมการ  และเหมือนเคย ผู้เขียนไปดักตรงห้องทำงานของเพรส  ซึ่งเหล่าดาราเขาจะเดินผ่าน  ทำให้ได้รูปอดีตเด็กดื้อ ขวัญใจ บก. อย่าง Sean Penn (อ่านเรื่อง เปิดตัวอภิชาติพงศ์ในฐานะกรรมการเมืองคานส์)

พิธีเปิดจะมีอย่างเป็นทางการเย็นนี้  ซึ่งจะฉายหนังรอบสื่อในเวลาเดียวกัน   ตอนนี้ขอลาไปดูแลหนังไทยในตลาดบ้างจ้า

PRE-D DAY (13 พฤษภาคม 2008) เมื่อฟ้าอึมครึม

กลับมาตามคำเรียกร้อง กับการบันทึกหนังไทยหนังเทศ  อันเป็นที่นิยมเมื่อปีที่แล้ว  ของสื่อแบกเป้่จน ๆ แบบ thaicinema.org  ไม่มีเงิน  แต่ก็บังอาจมารายงานคานส์  ไม่มีหนังไทย แต่เราก็มา  มาก่อนและรายงานก่อน

เดินทางมาถึงคานส์ช่วงเช้าก่อนใคร ๆ เพราะไม่กลับบ้านเลยตั้งแต่เทศกาลหนังอูดิเน่ที่อิตาลี  ไม่อยากเสียค่าเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ - ยุโรปอีก   อ้อ ! ที่ี่คุณเห็นเว็บอัพได้อยู่เสมอ   ก็อาศัยพวกอินเตอร์เน็ตฟรีตามที่ต่าง ๆ ร่อนไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่อูดิเน่  สวิส กลับมามิลาน ต่อไปปารีส  ดูเหมือนคนรวย  แต่จะบอกว่าทั้ง 5 สัปดาห์รวมคานส์  ใช้เงินประมาณ 1,100 ยูโร (55,000 บาท - เอามาจากค่าจ้างทำงานให้ฝรั่งที่จ่ายเป็นยูโรจ้า ยูโร  ไม่ได้ใช้เงินบาทไทยเลยนะจ๊ะ)   รวมค่าที่พัก  ค่ารถไฟ   ค่าเครื่องบินจากปารีสไปคานส์   ค่าอาหาร   ไม่รวมก็แค่ค่าเครื่องบินกรุงเทพ - ยุโรป  เพราะอูดิเน่เขาออกให้   และถ้าใครอยากรู้ว่าอิฉันสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ได้อย่างไร  จะแนะนำเคล็ดลับให้ภายหลัง

เช้าวันนี้ ทางใต้ของฝรั่งเศสอากาศค่อนข้างอึมครึม  ฝนตกปรอย ๆ  เดินทางมาถึง 11 โมง  แต่แวะจ่ายตลาดก่อน  เพราะตลาดที่ปารีสเขาเปิดแค่ครึ่งเช้า  ซื้ออาหารเตรียมทำกับข้าวสำหรับชีวิตที่จะดำเนินไปในอีก 12 วันข้างหน้า  พอดีอพาร์ทเมนท์ที่ดิฉันอยู่  เขามีครัวให้ทำกับข้าวได้  อีกอย่างอิฉันทนอาหารฝรั่งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว  ร้านอาหารเอเชียที่คานส์มีอยู่ก็จริง  แต่ทำเป็นฟาสต์ฟู้ด  ซึ่งกินนานไม่ไหว  ยังไงฝีมือฉันอร่อยกว่า

ดิฉันมารับบัตร  ระหว่างทางมายังสถานที่จัดงาน  ซึ่งเรียกว่า Palais des Festival  ก็แวะถ่ายรูป  แต่อากาศมันไม่ดี  รูปไม่ค่อยสวยเท่าไร  ก็เอามาลงให้ตามนี้นะจ๊ะ

 

บริเวณสถานที่จัดงานของ Directors Fortnight

คุณมาริลีน มอนโร เต็มทั่วหาดเลยวุ้ย  เห็นตึกน้ำตาล ๆ นั่นไหม นั่นแหล่ะสถานที่จัดงาน Palais des Festival

ถึงแล้วจ้า คุณมอนโรจ๊ะเอ๋ชัด ๆ

โรงแรมมาเจสติก  ซึ่งถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหล่ากรรมการจะพักที่นี่

 

 

มาถึงบริเวณจัดงาน อิฉันก็ไปรับบัตร   รับกระเป๋า  ซึ่งก็ยังมี Cahiers du Cinema แจกให้อีกเช่นเคย   (แต่เชื่อว่า เดี๋ยวคนก็ทิ้ง เพราะว่าอิฉันเขียนเรื่องหนังไทยเอง : )  แต่ปีนี้ แทนที่อิฉันจะขึ้นไปเอาพวกเอกสารต่าง ๆ ในล็อคเกอร์ให้สื่อ  อิฉันเดินตรงดิ่งไปตลาดขายหนัง   เขายังจัดกันไม่เสร็จเท่าไร  เห็นบูธไทยและคนไทยเยอะแยะเลย  ถ่ายรูปมาเยอะแยะ  แต่เก็บไว้ก่อน  ของดีเก็บไว้ทีหลัง

ดูตารางฉายหนังอย่างคร่าว ๆ  แล้วอยากร้องกรี๊ด หนังชีวประวัติพี่เช กูวาร่า เรื่อง Che โดย Steven Sondenberg ยาวสี่ชั่วโมงครึ่ง

จะสี่โมงเย็นเวลาฝรั่งเศสแล้ว  ขอจบวันนี้ไว้แค่นี้ก่อนครับผม  เพราะจะต้องมีเรื่องไปตามอีกมากมาย   ก่อนจากกัน แถมรูปเจ้ย ในแคตาล็อกมาให้ดูเล่น ๆ

   

Everything you want to know about Thai film, Thai cinema
edited by Anchalee Chaiworaporn อัญชลี ชัยวรพร   designed by Nat  
COPYRIGHT 2004 http://www.thaicinema.org. All Rights Reserved. contact: ancha999 at gmail.com
By accessing and browsing the Site, you accept, without limitation or qualification, these copyrights.
If you do not agree to these copyrights, please do not use the Site.